จากบทความที่แล้ว ที่หมอได้มาบอกเล่าข้อมูลปัญหาผิวพรรณอย่าง ‘รอยแตกลาย’ พร้อมการรักษาด้วย Morpheus8 กันไป วันนี้หมอก็มีอีกหนึ่งปัญหาผิวที่คนไข้มักเข้ามาปรึกษาหมอเป็นอันดับต้น ๆ เลยก็ว่าได้ นั่นก็คือ ‘ริ้วรอยบนใบหน้า’ ค่ะ ทั้งริ้วรอยใต้ตา ริ้วรอย หน้าผาก ริ้วรอยร่องแก้ม มุมปาก ริ้วรอยที่หางตา รวมไปถึงริ้วรอยเล็ก ๆ ที่กระจายอยู่ทั่วผิวหน้า โดยหมอจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกันแบบเจาะลึก ตั้งแต่โครงสร้างผิวหนัง, ประเภทและสาเหตุของริ้วรอยบนใบหน้า, การป้องกัน รวมไปถึงเราจะมาดูกันว่าวิธีลดริ้วรอยบนใบหน้าด้วยเทคโนโลยี Morpheus8 มีหลักการทำงานอย่างไร ทำแล้วให้ผลลัพธ์ที่เวิร์คแค่ไหน เรามาติดตามกันเลยค่ะ
เชื่อไหมคะว่า ผิวหนังนับเป็นอวัยวะที่ใหญ่ที่สุดในร่างกาย! หากจะคิดเป็นน้ำหนักแล้วเนี่ย ผิวหนังมีน้ำหนัก 16% ของน้ำหนักตัวเลยค่ะ ซึ่งผิวหนังแต่ละส่วนในร่างกายอาจมีลักษณะที่แตกต่างกันบ้าง ทั้งในแง่ของโครงสร้าง, ความหนา รวมถึงสีผิว โดยโครงสร้างของผิวหนังจะประกอบไปด้วย 3 ชั้นผิว
- ผิวหนังชั้นนอก (Epidermis) หรือหนังกำพร้า เป็นชั้นผิวบนสุด มีหน้าที่ในการช่วยปกป้องจากเชื้อโรค, สารพิษต่างๆ รวมไปถึงปกป้องจากการสูญเสียน้ำ
- ผิวหนังชั้นกลาง (Dermis) หรือชั้นหนังแท้ ซึ่งเป็นชั้นผิวที่มีความหนาและยืดหยุ่น โดยชั้นผิวหนังแท้ยังประกอบไปด้วยอิลาสติน รวมถึงคอลลาเจน ที่ถือว่าเป็นเสาหลักของผิว ทำให้ผิวมีความแข็งแรง ยืดหยุ่น ผิวดูอ่อนเยาว์ สุขภาพดี
- ผิวชั้นใต้ผิวหนัง (Subcutaneous Fat) หรือชั้นไขมัน ที่ประกอบไปด้วยเซลล์ไขมัน และโปรตีนคอลลาเจน มีหน้าที่ในการรองรับแรงกระแทก ป้องกันการบาดเจ็บค่ะ
โดยในแต่ละชั้นของผิวหนังก็จะแบ่งเป็นชั้นย่อย ๆ อีกหลาย ๆ ชั้นเลยค่ะ ซึ่งในโครงสร้างของผิวหนังก็ยังประกอบไปด้วยเส้นขน, เส้นผม, เล็บ รวมไปถึงต่อมต่าง ๆ เช่น ต่อมไขมัน, ต่อมเหงื่อ เป็นต้น สำหรับผิวหนังของเรายังมีหน้าที่สำคัญอีกมากมายเลยค่ะ อาทิ ควบคุมอุณหภูมิ, ควบคุมความรู้สึกต่าง ๆ รวมไปถึงมีกระบวนการฟื้นฟูซ่อมแซมตัวเองได้ในเวลาที่เกิดการบาดเจ็บ นอกจากนี้ ผิวหนังของเรายังแสดงถึงความมีสุขภาพดีหรือไม่ โดยสังเกตได้จากความสดใสของผิวพรรณ สีผิวที่สม่ำเสมอ ผิวที่เรียบเนียน เต่งตึงค่ะ หากผิวพรรณไม่สวย มีความหมองคล้ำ มีจุดด่างดำ มีริ้วรอยต่าง ๆ โดยเฉพาะริ้วรอยบนใบหน้า ซึ่งจะบ่งบอกได้ว่า ผิวมีความเสื่อมสภาพที่อาจเกิดได้จากวัยที่มากขึ้น และผิวอาจได้รับความเสียหายจากมลภาวะ รวมถึงพฤติกรรมที่ทำร้ายผิวค่ะ
ที่มาของ ริ้วรอยบนใบหน้า
เมื่ออายุเข้าสู่วัย 25 ปี ผิวพรรณเราจะเริ่มมีปัญหามาเยือนกันแล้วค่ะ ตั้งแต่จุดด่างดำ ผิวหน้าไม่เรียบเนียน ผิวไม่กระจ่างใส หมองคล้ำ ผิวแห้ง รูขุมขนกว้าง หย่อนคล้อย รวมไปถึงปัญหาผิวยอดฮิตอย่าง ริ้วรอยบนใบหน้า เป็นเส้นริ้วเล็ก ๆ บาง ๆ และยิ่งอายุมากขึ้นก็จะเห็นเป็นริ้วรอยร่องลึกตามจุดต่าง ๆ เช่น ริ้วรอยใต้ตา, ริ้วรอย หน้าผาก, ริ้วรอยที่หางตาหรือตีนกา, ริ้วรอยร่องแก้ม มุมปาก เป็นต้น
โดยริ้วรอยบนใบหน้าเกิดจากความเสื่อมสภาพของโครงสร้างผิวภายใน ซึ่งกระบวนการทำงานของเซลล์ต่าง ๆ ทำได้ช้าลง ผิวเริ่มมีความอ่อนแอ รวมไปถึงคอลลาเจน, อิลาสติน, ตัวเก็บกักความชุ่มชื่น และสารต่าง ๆ ที่ร่างกายสามารถผลิตขึ้นได้เองก็เริ่มผลิตได้น้อยลงตามอายุที่มากขึ้น ทำให้ผิวหย่อนคล้อย มีริ้วรอยที่ชัดและลึกขึ้น ทั้งนี้ นอกจากเรื่องของวัยแล้ว ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลให้เกิดริ้วรอยบนใบหน้าได้
- แสงแดดและมลภาวะ ทำลายคอลลาเจนและอิลาสตินในผิว ทำให้ผิวอ่อนแอ ขาดความยืดหยุ่น และสูญเสียความชุ่มชื้น ทำให้เกิดริ้วรอยบนใบหน้า ผิวหน้าแห้ง ผิวหน้าคล้ำเสียสะสม
- ผิวแห้ง ขาดความชุ่มชื่น เกิดจากอายุที่มากขึ้น และพฤติกรรมทำร้ายผิว เช่น การอาบน้ำอุ่น, ไม่ทาครีมบำรุง, ดื่มน้ำน้อย, โดนแดดบ่อย ทำให้ผิวแห้งและเกิดเป็นริ้วรอยบนใบหน้าได้มากกว่าปกติ
- การสูบบุหรี่ สารนิโคตินในบุหรี่เป็นตัวก่ออนุมูลอิสระ ซึ่งจะไปทำร้ายคอลลาเจนในผิว ทำให้ผิวแก่ ผิวมีริ้วรอย
- พักผ่อนไม่เพียงพอ เมื่อเรานอนหลับไม่เพียงพอ นอนดึก นอนน้อย ก็จะทำให้ร่างกายฟื้นฟูตัวเองได้น้อย รวมไปถึงกระบวนการซ่อมแซมผิว ทำให้ผิวอ่อนแอ ขาดความยืดหยุ่น และมีริ้วรอยบนใบหน้า
- การแสดงอารมณ์ การเคลื่อนไหวและการแสดงสีหน้า เช่น ยิ้ม, หัวเราะ, ขมวดคิ้ว, ร้องไห้ ทำให้เกิดริ้วรอยและรอยเหี่ยวย่น ซึ่งเกิดจากการใช้กล้ามเนื้อใบหน้า ส่งผลให้เกิดร่องลึกก่อตัวใต้ผิวหนัง
บทความที่เกี่ยวข้อง
- ริ้วรอยเป็นเส้น ลำคอเหี่ยวย่น แลดูแก่! แต่มีวิธีฟื้นฟูได้โดยไม่ต้องผ่าตัด อ่านเพิ่มเติมได้ที่ คอเหี่ยวแก้ได้!
- กำจัดฝ้า กระ จุดด่างดำ รอยสิว สีผิวไม่สม่ำเสมอ ด้วยเลเซอร์ที่กำลังมาแรง! อ่านเพิ่มเติมได้ที่ Lumecca
ประเภทของริ้วรอยบนใบหน้า
นอกจากปัจจัยที่ทำให้เกิดริ้วยรอยแล้ว ริ้วรอยบนใบหน้ายังแบ่งออกได้จากชนิดของริ้วรอย ซึ่งมีอยู่ 2 ประเภทหลัก ๆ ด้วยกันค่ะ คือ ริ้วรอยที่เกิดขึ้นเฉพาะตอนแสดงสีหน้า และริ้วรอยบนใบหน้าที่เกิดขึ้นแม้ไม่แสดงสีหน้า สามารถมองเห็นได้ตลอดเวลา ซึ่งแต่ละประเภทของริ้วรอยบนใบหน้านี้ สามารถแก้ไขได้ เดี๋ยวเรามาดูรายละเอียดลักษณะของริ้วรอยบนใบหน้าทั้ง 2 ชนิดนี้กันค่ะ
ริ้วรอยจากการแสดงสีหน้า (Dynamic Wrinkle)
ริ้วรอยบนใบหน้าประเภท Dynamic Wrinkle เป็นริ้วรอยที่เกิดขึ้นได้ตอนเราแสดงอารมณ์ทางสีหน้าค่ะ เช่น เวลาที่เราขมวดคิ้ว ก็จะเห็นริ้วรอยระหว่างคิ้ว ริ้วรอย หน้าผาก รวมถึงเวลาที่เรายิ้มหรือหัวเราะ มักจะมีริ้วรอยรอบดวงตาเกิดขึ้น หรือที่เราเรียกว่าตีนกา รวมไปถึงริ้วรอยที่ร่องแก้ม ที่มุมปาก ซึ่งริ้วรอยบนใบหน้าชนิดนี้เกิดจากใช้กล้ามเนื้อใบหน้า ที่มีความหดเกร็ง โดยสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนค่ะ ส่วนคนที่มีริ้วรอยบนใบหน้าชนิดนี้ได้เด่นชัด เป็นร่องลึกได้มากกว่าคนทั่วไป ก็คือ คนที่แสดงสีหน้าบ่อย ๆ หรือบางคนที่มีความเครียดบ่อย ๆ ก็มักจะขมวดคิ้วบ่อย จนเกิดเป็นริ้วรอยได้มากกว่านั่นเองค่ะ
สำหรับการแก้ไขที่มักจะใช้ลดเลือนริ้วรอยที่มาจากการแสดงสีหน้า ก็คงหนีไม่พ้น การใช้สารโบทูลินัมท็อกซิน ในการฉีดเข้าไปยังบริเวณที่ต้องการ มีคุณสมบัติช่วยให้กล้ามเนื้อมัดนั้น ๆ หดตัวไม่ได้ ก็จะส่งผลให้กล้ามเนื้อคลายตัว ช่วยลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้าที่เกิดจากการแสดงสีหน้าได้ค่ะ
ริ้วรอยที่เห็นได้แม้ไม่แสดงสีหน้า (Static Wrinkle)
ริ้วรอยชนิด Static Wrinkle เป็นริ้วรอยบนใบหน้าที่เห็นได้แม้เราจะไม่ได้ขยับใบหน้า หรือไม่ได้แสดงสีหน้าค่ะ สำหรับริ้วรอยบนใบหน้าประเภทนี้มักจะเกิดจากอายุที่มากขึ้น หรือเกิดจากปัจจัยภายนอกที่ทำให้โครงสร้างผิวถูกทำลาย เช่น การโดนแสงแดดจัดบ่อย ๆ จนทำให้ผิวแห้งกร้าน เกิดริ้วรอยต่าง ๆ รวมไปถึงในรายที่มีริ้วรอยจากการแสดงสีหน้า Dynamic Wrinkle ก็มักจะเป็นสาเหตุให้เกิดริ้วรอยชนิด Static Wrinkle ได้เช่นกันค่ะ
สำหรับการแก้ไขริ้วรอยชนิดนี้ มักจะใช้วิธีการเดียวกันกับริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงสีหน้าค่ะ อย่างการฉีดสารโบทูลินัมท็อกซิน เพื่อทำให้กล้ามเนื้อคลายตัว ซึ่งใช้ในรายที่ริ้วรอยบนใบหน้าชนิด Dynamic Wrinkle อยู่แล้ว แต่ทั้งนี้ ในรายที่มีการสูญเสียของคอลลาเจน หรือมีการเรียงตัวของคอลลาเจนที่ผิดปกติไปมาก ๆ ก็อาจจะต้องทำเลเซอร์ควบคู่กันไปด้วย เพื่อทำให้เกิดการเรียงตัวใหม่และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน รวมไปถึงอาจเลือกใช้อีกหนึ่งวิธี นั่นก็คือ การฉีดสารเติมเต็ม HA (Hyaluronic Acid) ทำให้ผิวอิ่มฟู และช่วยลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้าได้ค่ะ (อ่านเพิ่มเติมได้ที่ ปรับรูปหน้า HA Filler)
การป้องกันริ้วรอยบนใบหน้า
เราสามารถป้องกันริ้วรอยบนใบหน้าได้ด้วยตัวเอง โดยเริ่มดูแลกันตั้งแต่เนิ่น ๆ ไม่ต้องรอให้อายุมาก ด้วยการหลีกเลี่ยงปัจจัยต่าง ๆ ที่ทำร้ายผิวพรรณ ซึ่งเป็นบ่อเกิดของริ้วรอยบนใบหน้า และโฟกัสไปที่การดูแลให้โครงสร้างผิวแข็งแรงจากภายใน บำรุงผิวพรรณจากภายในและภายนอก รวมไปถึงการดูแลในเรื่องของการใช้ชีวิตประจำวันอย่างระมัดระวังค่ะ
- หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด หรือการปกป้องผิวจากแสงแดด ด้วยการใส่เสื้อผ้าให้มิดชิด หรือกางร่ม เมื่อต้องเผชิญกับแสงแดด
- ทาครีมกันแดด ที่มีค่า SPF 30 PA+++ ขึ้นไป และควรทาก่อนออกแดดประมาณ 30 นาที รวมถึงควรทาซ้ำทุก ๆ 2 ชั่วโมง เมื่อต้องออกนอกบ้าน
- บำรุงผิวด้วยผลิตภัณฑ์ลดเลือนริ้วรอย ควรเริ่มดูแลผิวพรรณตั้งแต่อายุน้อย ๆ ด้วยผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิว หมั่นทาครีมหรือโลชั่นเป็นประจำเช้า-เย็น หรือหากเริ่มมีริ้วรอยเส้นบาง ๆ ควรเลือกครีมที่มีส่วนผสมของเรตินอล (Retinol), Hyaluronic acid, วิตามินซี, เปปไทด์ (Peptide) หรือโคเอนไซม์คิวเทน (Coenzyme Q10) เป็นต้น
- ทานอาหารที่มีประโยชน์ ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ หลีกเลี่ยงความหวาน เน้นการทานโปรตีน ผักและผลไม้ รวมถึงดื่มน้ำเยอะ ๆ
- พักผ่อนให้เพียงพอ การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ จะช่วยให้ระบบต่าง ๆ รวมไปถึงโครงสร้างผิว ทำงานได้ปกติ
- งดสูบบุหรี่ หลีกเลี่ยงปัจจัยจากสารนิโคตินที่ทำร้ายผิวแล้ว และยังส่งผลดีกับสุขภาพร่างกายโดยรวม
ลดริ้วรอยบนใบหน้า ด้วยเครื่อง Morpheus8
แม้ว่าเราจะสามารถป้องกันริ้วรอยบนใบหน้าได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ แต่ปัจจัยหนึ่งของการเกิดริ้วรอยที่เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ นั่นก็คือ ‘อายุ’ ซึ่งต่อให้เราดูแลตัวเองได้ดีแค่ไหน โครงสร้างผิวเราก็ยังคงเสื่อมสภาพตามกาลเวลาได้อยู่ดีค่ะ ดังนั้น การฟื้นฟูผิวพรรณและการลดริ้วรอยบนใบหน้า ด้วยการใช้วิธีทางการแพทย์ จึงสามารถแก้ไขปัญหาริ้วรอยต่าง ๆ ได้ถึงต้นตอ อย่างเทคโนโลยี Morpheus8 ที่ช่วยจัดการปัญหาริ้วรอยบนใบหน้าได้อย่างอยู่หมัด และยังเป็นเทคโนโลยีที่กำลังมาแรงมาก ๆ ในขณะนี้ ซึ่งทาง Amara Clinic ก็ไม่พลาดที่จะนำเข้ามาใช้ค่ะ
Morpheus8 คือ เทคโนโลยีที่อาศัยพลังงานจากคลื่นความถี่วิทยุ (Radio Frequency: RF) ที่สามารถปล่อยพลังงานลงลึกในชั้นผิวได้หลายระดับ (Multi-Layer Technology) ซึ่งสามารถแก้ไขปัญหาผิวได้ตั้งแต่ชั้นหนังแท้ไปจนถึงชั้นใต้ผิวหนัง (ชั้นไขมัน) เลยค่ะ โดยตัวเครื่องสามารถปรับระดับความลึกของชั้นผิวที่ต้องการ เพื่อจุดประสงค์ในการรักษาที่ต่างกัน ทั้งยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย ยับย่น ให้ตึงกระชับ พร้อมดูแลเรื่องปัญหาริ้วรอยบนใบหน้าและลำตัว รอยแตกหลังคลอด รอยแตกลายต่าง ๆ รอยแผลเป็น หลุมสิว รวมถึงปัญหาสีผิวได้ในเครื่องเดียว และยังสามารถทำได้ทั้งใบหน้าและลำตัว ไม่เป็นอันตรายต่อผิว ไม่ทิ้งรอยแผลหลังทำ เรียกได้ว่า เครื่องเดียวดูแลปัญหาผิวพรรณได้อย่างครอบคลุมเลยค่ะ
หลักการของเครื่อง Morpheus8 คือ จะปล่อยพลังงานคลื่นความถี่วิทยุ (RF) ผ่านเข็มทองคำขนาดเล็กที่วางเรียงกันอยู่ตรงหัวอุปกรณ์ ซึ่งพลังงานจะถูกนำส่งลงไปยังระดับชั้นผิวที่ต้องการทำการรักษาได้อย่างตรงจุด ช่วยทำให้ชั้นไขมันใต้ผิวหดตัวลง ช่วยให้ผิวที่เสื่อมสภาพตามอายุที่มากขึ้น (Aging Skin) แลดูอ่อนเยาว์ขึ้น กระตุ้นการซ่อมสร้างเซลล์ผิวใหม่ ทั้งเส้นใยคอลลาเจน และเส้นใยอิลาสติน รวมถึงช่วยกระตุ้นการเรียงตัวใหม่ของคอลลาเจนในชั้นผิวหนังแท้ (Dermal Remodeling)
อย่างที่หมอได้บอกไว้ในตอนต้นนะคะว่า ริ้วรอยบนใบหน้า ทั้งริ้วรอยใต้ตา รอบดวงตา, ริ้วรอย หน้าผาก, ริ้วรอยร่องแก้ม มุมปาก หรือแม้กระทั่งริ้วรอยเส้นเล็ก ๆ บนใบหน้า เกิดจากการที่ร่างกายผลิตคอลลาเจนได้น้อยลง รวมถึงการเรียงตัวของคอลลาเจนที่ผิดปกติ ดังนั้น การใช้เครื่อง Morpheus8 จะเข้าไปช่วยจัดเรียงคอลลาเจนใหม่ รวมถึงกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน จึงช่วยฟื้นฟูและลดริ้วรอยร่องลึกต่าง ๆ ได้ดีมาก ๆ โดยหลังทำจะสามารถรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ครั้งแรก จากนั้นจะเห็นผลชัดเจนขึ้นใน 3 สัปดาห์ และเห็นผลได้อย่างเต็มที่ใน 3 เดือน ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ทำการรักษา และสภาพผิวของแต่ละบุคคล โดยหมอแนะนำให้ทำการรักษาด้วย Morpheus8 อย่างต่อเนื่อง 1-3 ครั้ง ซึ่งเว้นระยะห่างทุก 1-6 เดือน เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและอยู่ได้นานค่ะ (ทำความรู้จักกับ Morpheus8 ให้มากขึ้น คลิกอ่านได้ที่ Morpheus8)
บทความที่เกี่ยวข้อง
- ผิวหย่อนคล้อย อีกหนึ่งปัญหาที่มาคู่กับริ้วรอยบนใบหน้า พบวิธีแก้ไขที่ดีกว่า HIFU ถึง 5 เท่า อ่านเพิ่มเติมได้ที่ Ultraformer III
- ใครที่สนใจอยากทำเลเซอร์กำจัดขน ต้องอ่าน! ก่อนตัดสินใจ เลเซอร์ขนมีกี่แบบ
สรุป
อย่างที่หมอได้เน้นย้ำไปนะคะว่า ถึงแม้ว่าเราจะสามารถดูแลตัวเองเพื่อป้องกันปัญหาริ้วรอยบนใบหน้าได้ตั้งแต่อายุน้อย ๆ แต่ยังไงเราก็ยังไม่สามารถหลีกเลี่ยงอายุที่มากขึ้น รวมไปถึงปัจจัยภายนอกต่าง ๆ ได้ ซึ่งแน่นอนว่า โครงสร้างของผิวก็ย่อมเสื่อมสภาพไป จนเกิดเป็นริ้วรอยร่องลึก ริ้วรอยใต้ตา รอบดวงตา, ริ้วรอย หน้าผาก, ริ้วรอยร่องแก้ม หรือบริเวณอื่น ๆ ทำให้หลายคนหมดความมั่นใจ และยังดูแก่กว่าวัยอีกด้วย ดังนั้น การรักษาด้วยวิธีทางการแพทย์ผสานกับเทคโนโลยีที่ทันสมัย จึงเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่สามารถจัดการกับปัญหาริ้วรอยบนใบหน้าได้ถึงสาเหตุ เพื่อผิวพรรณที่อ่อนเยาว์ จนใคร ๆ ที่ได้เจอก็ต้องอดไม่ได้ที่ทักแน่นอนค่ะ