รวม 6 วิธี ‘ผลัดเซลล์ผิวหน้า’ ทำอย่างไรให้ผิวใสไร้สิว?

การผลัดเซลล์ผิวหน้า

       แม้การผลัดเซลล์ผิวหน้าของเราจะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติเฉลี่ยทุก ๆ 28 วัน แต่เมื่ออายุมาก กระบวนการนี้อาจช้าลง ทำให้เซลล์ผิวเก่าติดอยู่บนผิวหนังนานขึ้น การผลัดเซลล์ผิวช่วยเร่งกระบวนการนี้ และกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ซึ่งจะช่วยให้ผิวดูสดใส สุขภาพดี และลดปัญหาผิวต่าง ๆ วันนี้หมอตวง AMARA แพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังจะมาแนะนำ ‘6 วิธีผลัดเซลล์ผิวหน้าให้ผิวใสไร้สิว’ กันค่ะ ไปดูกันเลย!

วิธีผลัดเซลล์ผิวหน้า

6 วิธีผลัดเซลล์ผิวหน้า ให้ผิวใสไร้สิว!


       การผลัดเซลล์ผิวหน้า (Facial Exfoliation) คือการขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกจากชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) ซึ่งเป็นชั้นบนสุดของผิวหนัง การผลัดเซลล์ผิวมีความสำคัญเนื่องจากมลภาวะและปัจจัยภายนอกอื่น ๆ อาจทำให้เซลล์ผิวเก่าติดอยู่บนผิวหนัง สะสมจนทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ เช่น การอุดตันของรูขุมขน, การเกิดสิว และผิวหมองคล้ำ

วิธีที่ 1 ใช้แปรงขัดผิวหน้า

การใช้แปรงขัดผิวหน้าเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วและสิ่งสกปรกออกจากผิวหน้า ช่วยให้ผิวสะอาดและสดใสยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีประโยชน์ในการกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดในผิวหน้า ช่วยให้ผิวดูมีสุขภาพดีขึ้น แต่ควรขัดผิวหน้าเพียง 1 – 2 ครั้ง/สัปดาห์ เนื่องจากการขัดผิวบ่อยเกินไปอาจทำให้ผิวระคายเคืองและรบกวนสมดุลของผิว

แปรงขัดผิวหน้ามีหลายประเภท สามารถเลือกใช้แปรงแบบธรรมดาที่มีขนนุ่มหรือแปรงไฟฟ้าตามความสะดวกและความต้องการ โดยใช้นวดเบา ๆ ทั่วใบหน้าเพื่อป้องกันการระคายเคืองที่อาจเกิดขึ้นบนผิวบอบบาง และควรใช้แปรงขัดผิวร่วมกับผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า เช่น เจลหรือโฟมล้างหน้า ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำความสะอาดได้มากขึ้นค่ะ

วิธีที่ 2 ใช้ฟองน้ำขัดผิว

การผลัดเซลล์ผิวหน้าวิธีต่อมาคือ การใช้ฟองน้ำขัดผิว เนื่องจากผิวหน้าของคนเรามีความบอบบาง จึงควรใช้ฟองน้ำที่นุ่มและไม่ทำให้เกิดการแพ้ ปกติแล้วสามารถใช้ได้ทั้งฟองน้ำธรรมชาติและฟองน้ำสังเคราะห์ แต่หมอแนะนำว่าควรใช้ฟองน้ำธรรมชาติอย่างฟองน้ำทะเลจะดีต่อผิวกว่าค่ะ เพราะมีความนุ่ม ดูดซับได้ดี และขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วในมุมที่เข้าถึงยากอย่างมุมจมูก รอบดวงตา และตามแนวโค้งของใบหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ก็ควรระวังไม่กดแรงจนเกินไปนะคะ เพราะถึงแม้จะเป็นวัสดุจากธรรมชาติ แต่หากใช้อย่างไม่เหมาะสมก็อาจบาดผิวหน้าทำให้ระคายเคืองได้เช่นกัน

วิธีที่ 3 ใช้สครับขัดผิว

การสครับผิวหน้า (Facial Scrub) คือการขัดผิวรูปแบบหนึ่ง ไม่ควรทำเกิน 1 – 2 ครั้ง/สัปดาห์ มักนิยมการสครับแบบเม็ด เป็นการใช้เม็ดขัดที่มีความละเอียดหรือหยาบเพื่อขัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว เช่น เม็ดถั่ว, เม็ดสาหร่าย, เกลือ, น้ำตาล หรือสครับแบบเหลว เช่น มะขามเปียก, น้ำผึ้ง, น้ำนม ,โยเกิร์ต รวมทั้งสครับแบบผง เช่น ผงขมิ้น, ผงทานาคา จะเห็นได้ว่าสครับเหล่านี้มักมีส่วนประกอบจากธรรมชาติ อย่างไรก็ตามมีการสครับแบบไมโครบีดส์ (Microbeads) ซึ่งเป็นพลาสติกที่สามารถขจัดเซลล์ผิวได้เช่นกัน แต่เนื่องจากย่อยสลายตามธรรมชาติไม่ได้ จึงควรหันมาใช้สครับแบบธรรมชาติที่ทั้งหาง่ายและปลอดภัยจะดีกว่าค่ะ!

วิธีที่ 4 ใช้โฟมล้างหน้าที่มี AHA หรือ BHA

ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าที่ขาดไม่ได้เลยคือ โฟมล้างหน้า ควรเลือกโฟมที่มีส่วนผสมของกรดผลไม้ (AHA) ที่มีค่าความเข้มข้นไม่เกิน 10% AHA เป็นสารสกัดจากผลไม้รสเปรี้ยว เช่น ส้ม, มะนาว, แอปเปิ้ล หรือผลไม้อื่น ๆ ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าให้ผิวสว่างและเรียบเนียนขึ้นได้ ส่วนกรดซาลิไซลิก (BHA) ควรมีค่าความเข้มข้น 1 – 2% BHA เป็นสารสกัดจากต้นหลิว สามารถซึมเข้ารูขุมขนไปจนถึงต่อมไขมัน ทำความสะอาดได้ล้ำลึก ทั้งยังสามารถละลายไขมันที่อุดตันในรูขุมขน จึงป้องกันปัญหาสิวได้ดีค่ะ เราสามารถใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ AHA และ BHA ได้ทุกวันโดยไม่ทำให้ผิวบางลง แต่หากเกิดผิวลอก แสบคัน ควรปรึกษาแพทย์ทันทีค่ะ

วิธีที่ 5 ทำหัตถการทางการแพทย์

หัตถการทางการแพทย์เป็นอีกตัวเลือกที่ใช้เวลาไม่นาน แต่สามารถให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพและแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุดค่ะ โดยต้องดำเนินการภายใต้การดูแลและควบคุมของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัย สำหรับการผลัดเซลล์ผิวสามารถใช้ 2 เทคนิคในการทำค่ะ ได้แก่

5.1 การเลเซอร์ (Pico Plus Laser)

Pico Plus Laser จาก AMARA เป็นเครื่องเลเซอร์รุ่นล่าสุดที่ช่วยแก้ปัญหาผิวได้อย่างหลากหลาย เช่น ลดริ้วรอย, รักษาหลุมสิวกว้าง, ลดรอยแผลเป็น, รอยดำรอยแดง และปัญหาผิวอื่น ๆ ด้วยเทคโนโลยี Picosecond laser ที่ปล่อยแสงเลเซอร์ในระยะเวลาสั้นมาก เม็ดสีใต้ผิวหนังจะถูกทำลายอย่างละเอียด และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ 

Pico Plus Laser อ่อนโยนต่อผิว ไม่ทำให้ผิวไหม้หรือเกิดรอยแผลเป็น ทั้งยังการฟื้นฟูเร็ว แม้หลังทำจะมีอาการหน้าบวมแดงและผิวตกสะเก็ด แต่จะดีขึ้นภายใน 7 วัน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวแต่ละคนค่ะ ด้วยความสามารถในการแก้ปัญหาผิวหลายอย่างในครั้งเดียว Pico Plus Laser ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าและสะดวกสบายกว่าการใช้เครื่องมืออื่น ๆ ที่มักมุ่งเน้นการแก้ปัญหาได้เฉพาะอย่างเท่านั้นค่ะ

5.2 การใช้คลื่นความถี่วิทยุ (Morpheus8)

Morpheus8 เป็นคลื่นความถี่วิทยุ (Radio Frequency – RF) ที่ปล่อยพลังงานลึกถึงชั้นใต้ผิวหนัง สามารถกระตุ้นส่วนไขมันและกล้ามเนื้อ ช่วยยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อยให้เต่งตึงดูเยาว์วัย รักษารอยสิว ทำให้ผิวสม่ำเสมอ การกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่แบบนี้เห็นผลตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ และจะเห็นผลอย่างชัดเจนในเวลา 3 เดือน หมอแนะนำว่าควรทำ Morpheus8 อย่างต่อเนื่อง 1 – 3 ครั้ง เพื่อให้ผลอยู่ได้นานเต็มที่ค่ะ

นอกจาก Morpheus8 จะมีคุณสมบัติฟื้นฟูผิวได้อย่างครอบคลุมแล้ว ยังได้รับการรองรับความปลอดภัยและประสิทธิภาพจาก องค์การอาหารและยาของประเทศสหรัฐอเมริกา (United States Food and Drug Administration: U.S. FDA) หมอตวงรับประกันได้เลยค่ะว่าผู้ใช้บริการจะได้รับการดูแลที่ปลอดภัยและเห็นผลอย่างแน่นอนค่ะ!

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ ผลัดเซลล์ผิวหน้า


      การผลัดเซลล์ผิวหน้าทั้ง 6 วิธี สามารถช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วและชะล้างสิ่งสกปรกที่อุดตันตามรูขุมขนให้ออกจากใบหน้า ดูแล้วมีประโยชน์และควรทำตามเพื่อให้ได้ใบหน้าที่ผ่องใส แต่หมอตวงเชื่อว่าผู้อ่านหลาย ๆ คนยังคงมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการผลัดเซลล์ผิวหน้าอยู่ หมอจึงรวบรวมคำถามที่มักถูกถามบ่อยครั้งไว้ให้ทุกคนคลายสงสัยแล้วค่ะ

ผลัดเซลล์ผิวหน้า จำเป็นไหม ?

เป็นแค่ทางเลือกค่ะ เพราะร่างกายจะมีการผลัดเซลล์ผิวเองทุก ๆ 28 วัน แต่เมื่อเราอายุมากขึ้น เจอแสงแดดและมลภาวะต่าง ๆ กระบวนการนี้จะช้าลง ทำให้เซลล์ผิวเก่ามีแนวโน้มที่จะสะสมและทำให้ผิวหมองคล้ำ การกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวหน้าจึงช่วยเร่งกระบวนการนี้ให้เร็วขึ้น และช่วยให้ผิวดูสดใส เรียบเนียน และลดปัญหาผิวต่าง ๆ เช่น ปัญหารูขุมขนกว้าง จุดด่างดำและริ้วรอยได้ดียิ่งขึ้นค่ะ สำหรับใครอยากมีผิวสวยไวก็สามารถผลัดเซลล์ผิวได้ค่ะ

แม้การผลัดเซลล์ผิวหน้าจะช่วยให้ผิวดูดีและลดปัญหาต่าง ๆ ได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเหมาะกับการทำเช่นนี้ นั่นก็คือกลุ่มผิวระคายเคืองง่าย แสบ คัน มีรอยแดง หน้ามันหรือแห้งกร้านขึ้น และผู้ที่เกิดสิวระหว่างหรือหลังผลัดเซลล์ผิว ไม่แนะนำให้ทำการผลัดเซลล์ผิวต่อค่ะ เพราะอาจจะทำให้ผิวอ่อนแอลงได้ หมอแนะนำให้สังเกตการเปลี่ยนแปลงของผิวหน้าระหว่างและหลังทำเสมอ หากมีอาการเหล่านี้ให้หยุดทำก่อน และพักหน้าจนกว่าจะดีขึ้น และไม่ควรใช้วิธีเดิมในการผลัดเซลล์ผิวอีกค่ะ อย่างน้อยให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อมองหาวิธีที่เหมาะกับผิวหน้าของเรามากกว่านี้จะดีที่สุด

ประมาณ 1 – 2 ครั้งต่อสัปดาห์ค่ะ ซึ่งเป็นความถี่ที่เหมาะสม ช่วยให้ผิวรู้สึกสดชื่นและเป็นการรักษาความสมดุลของผิวให้ดีอยู่เสมอ เพราะหากทำบ่อยเกินไปอาจทำให้ผิวระคายเคืองและสูญเสียความชุ่มชื้น อีกทั้งผิวใช้เวลาในการสร้างเซลล์ผิวใหม่ หากผลัดเซลล์ผิวบ่อยไปจะทำให้ผิวไม่สามารถฟื้นฟูได้ทัน

ใช้เวลา 7 – 14 วันสำหรับหัตถการทางการแพทย์ เพราะหลังทำอาจจะมีอาการบวมแดง ตกสะเก็ด แต่จะดีขึ้นเองเรื่อย ๆ ส่วนการผลัดเซลล์ผิวหน้าด้วยวิธีทั่วไปอย่างการใช้แปรง, การใช้ฟองน้ำ, การใช้สครับ หรือการใช้โฟมล้างหน้าที่มี AHA และ BHA หากทำถูกวิธีมักไม่มีปัญหาอะไรค่ะ

ผลัดเซลล์ผิวหน้า หน้าลอก เกิดจากหลายสาเหตุค่ะ ทั้งการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนของ AHA และ BHA ที่เข้มข้นมากเกินไป การโดนแดดแรง การล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นบ่อยครั้ง การใช้ผลิตภัณฑ์หรือเข้ารับบริการทางการแพทย์ที่ไม่ได้มาตรฐาน สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสาเหตุให้หน้าลอกได้ทั้งสิ้น

สรุป


       ผลัดเซลล์ผิวหน้า คือการกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วบนชั้นหนังกำพร้า ตามธรรมชาติผิวหนังจะมีการผลัดเซลล์ผิวทุก 28 วัน ทั้งนี้เราสามารถเร่งการผลัดเซลล์ผิวด้วยวิธีทั้ง 6 แบบ คือ ใช้แปรง, ใช้ฟองน้ำ, ใช้สครับขัดผิวหน้า, ใช้โฟมล้างหน้าที่มี AHA และ BHA, การทำเลเซอร์ (Pico Plus Laser) และการรักษาด้วยคลื่นความถี่วิทยุ (Morpheus8) ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ หน้าผ่องใส ไร้สิว ดูสุขภาพผิวดี!


แพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนัง

พญ.ภคกมล ตุ้มสุทธิ (หมอตวง)

ลงทะเบียนปรึกษาฟรี!