สวัสดีค่ะ วันนี้มาพบกับ หมอมะปราง Amara Clinic อีกเช่นเคยนะคะ ซึ่งในบทความนี้หมอมีสาระความรู้เรื่องความงามและปัญหาผิวสุดฮิตอย่าง “ปัญหาหารอยดำ” มาฝากทุกคนที่กำลังเผชิญกับรอยดำ เรียกได้ว่าเป็นปัญหาผิวสุดคลาสสิกแสนกวนใจของคนทุกสีผิวมาตลอด เพราะไม่เพียงแค่ทำให้ใบหน้าของเราต้องเต็มไปด้วยจุดดำเท่านั้น แต่ยังทำให้ความกล้าที่จะเผยผิวหน้าสดเป็นเรื่องที่หนักใจอีกด้วยค่ะ หลายคนที่มีปัญหาจุดด่างดำและรอยดำต่าง ๆ จึงเลือกที่จะปกปิดด้วยการแต่งหน้า เพื่อให้ทุกคนลดรอยดำได้อย่างตรงจุดเรามาดูกันว่า เจ้าพวกรอยดำเหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างไร รักษาแบบไหนเห็นผลจริง และทำยังไงไม่ให้เกิดรอยดำซ้ำขึ้นมาอีก เพื่อคลายทุกข้อสงสัยที่ทุกคนมีเกี่ยวกับรอยดำมาหาคำตอบไปพร้อม ๆ กับหมอกันเลยค่ะ
จุดด่างดำ คืออะไร?
จุดด่างดำ รอยดำ คือบริเวณผิวที่มีสีเข้มกว่าบริเวณผิวใกล้เคียงทำให้มองเห็นเป็นจุดสังเกตได้ง่าย ซึ่งแต่ละคนก็จะมีขนาดและจำนวนรอยจุดดำที่ต่างกันออกไป ซึ่งจุดดำเหล่านี้สามารถมีสีเข้มและขยายใหญ่ขึ้นได้ หากไม่มีการป้องกันและรักษาอย่างถูกวิธี อีกทั้งปัญหาจุดด่างดำถือได้ว่าเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นได้ตั้งแต่เริ่มเข้าวัยรุ่นจนถึงวัยกลางคน จึงทำให้การลดรอยดำในปัจจุบันมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาได้อย่างเห็นผลและตรงจุดยิ่งขึ้นค่ะ
จุดด่างดำ รอยดำ เกิดจากอะไร?
ปัญหาจุดด่างดำ รอยดำ สามารถเกิดขึ้นได้หลายสาเหตุด้วยกัน ซึ่งโดยเคสส่วนใหญ่ที่เข้ามาปรึกษาคุณหมอ มักจะเกิดจากสองปัจจัยหลักด้วยกันคือ “รอยดำจากแสงแดดและมลภาวะ” และ “รอยดำจากสิวและการอักเสบของผิวหนัง” นอกจากนี้ยังสามารถเกิดขึ้นได้จากปัจจัยอื่น ๆ อีกด้วยค่ะ เช่น ฝ้าจากกรรมพันธ์ุและฮอร์โมน กระเนื้อที่เกิดจากพันธุกรรม ซึ่งวันนี้หมอขอเจาะลึกไปยังสาเหตุหลัก ดังนี้
แสงแดดและมลภาวะ
แสงแดดแม้จะส่งผลดีต่อต้นไม้ แต่กับผิวเราถือเป็นศัตรูตัวร้ายที่ควรหลีกเลี่ยงให้ได้มากที่สุด!! เพราะในแสงแดดมีทั้ง UVA และ UVB ที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพผิวหนังของคนเราได้ในระยะยาว เช่น ฝ้า กระ รอยดำ หากผิวของเราเจอแสงแดดเป็นประจำจะยิ่งเป็นการเพิ่มความเข้มของ “เม็ดสีเมลานิน” จึงทำให้รอยจุดด่างดำต่าง ๆ ไม่หายและเข้มขึ้นแทนค่ะ
สิวและการอักเสบของผิวหนัง
มีหลายคนมาก ๆ เลยค่ะที่เข้ามาพบหมอเรื่องรอยดำแล้วเกิดจากสาเหตุนี้ หมอเข้าใจนะคะว่าเวลาเป็นสิวมันอดใจยากที่จะไปจับ บีบ และแกะ แต่เพื่อไม่ให้ผิวหน้าของเราต้องเผชิญกับปัญหาที่แก้ยากอย่าง “รอยดำ” หมอแนะนำให้ทุกคนที่เป็นสิวเลิกพฤติกรรมเหล่านี้ด่วนเลยค่ะ เพราะระหว่างที่เราเป็นสิวผิวหน้าบริเวณนั้นจะมีความอ่อนแอจึงเกิดอาการอักเสบได้ง่าย เมื่อเราเอามือไปบีบหรือแกะจะยิ่งเป็นการกระตุ้นให้ผิวเราอักเสบหนักมากขึ้น รวมทั้งยังเป็นการทำให้เกิดวงจรสิวซ้ำซากได้ด้วยค่ะ พอเมื่อสิวหายจึงทิ้งเป็นรอยดำตามจุดที่เคยเป็นสิวนั้นเองค่ะ
รอยดำ ใช้เวลานานแค่ไหนถึงจางลง?
รอยดำถือเป็นรอยที่หากเกิดแล้วต้องใช้ความอดทนรออย่างมากในการทำให้จางลง โดยปกติหากเป็นรอยดำที่เพิ่งเกิดจะสามารถทำให้จางลงได้เร็วภายใน 1 สัปดาห์ด้วยการใช้ เลเซอร์ หรือ บำรุงผิวด้วยสกินแคร์ลดรอยดำ แต่หากว่ารอยดำนั้นไม่เคยมีการรักษาอาจต้องใช้เวลานานถึง 3 – 6 เดือนขึ้นอยู่กับการไลฟ์สไตล์และสุขภาพผิวของแต่ละบุคคล
วิธีป้องกันไม่ให้เกิดรอยดำ
- ใช้ครีมกันแดด อย่างที่หมอได้กล่าวไปก่อนหน้านี้ว่าแสงแดดถือเป็นสาเหตุหลักของการก่อให้เกิด “จุดด่างดำ” ดังนั้นหากคุณเป็นคนที่ไม่ชอบทากันแดด หมอแนะนำว่าต้องทานะคะ!! เพราะในสารกันแดดจะช่วยปกป้องผิวจากรังสี UV ทำให้เกราะป้องกันผิว (Skin Barrier) ของคุณไม่ถูกทำร้าย และช่วยลดโอกาสเกิดโรคผิวหนังในอนาคตได้ด้วยค่ะ
- ไม่บีบหรือแกะสิว หากเกิดสิวขึ้นบนใบหน้าหมอแนะนำให้ทุกคนไปพบแพทย์ผิวหนัง เพื่อทำการรักษาสิวอย่างถูกขั้นตอน เพราะหากปล่อยให้อักเสบแล้วมีการแกะหรือบีบ จะยิ่งเป็นการกระตุ้นให้เกิดรอยดำทิ้งไว้หลังสิวยุบค่ะ
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดจัด ประเทศไทยเป็นเมืองที่มีแสงแดดจัดตลอดทั้งปี โอกาสที่จะเกิดจุดด่างดำต่าง ๆ จึงเกิดได้ง่ายกว่าคนประเทศหนาว ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงแสงแดดให้ได้มากที่สุด หากจำเป็นต้องอยู่กลางแจ้งหมอแนะนำให้ทากันแดดทั้งผิวหน้าและผิวกายทุก ๆ 2 ชั่วโมง
- พบแพทย์ผิวหนังเป็นประจำ จะช่วยให้ทุกคนได้รับการรักษาทันท่วงที จากปัญหาเล็กก็จะไม่กลายเป็นปัญหาใหญ่ที่แก้ยาก โดยคุณหมอด้านผิวหนังจะมีคำแนะนำดี ๆ ให้ทุกคนได้นำไปใช้กันอย่างถูกต้องอีกด้วยค่ะ
- ดื่มน้ำ การดื่มน้ำที่เพียงพอต่อร่างกาย นอกจากจะส่งผลดีต่อสุขภาพด้านต่าง ๆ ของร่างกายแล้ว ยังส่งผลดีต่อสุขภาพผิวอย่างมากเลยค่ะ โดยต่อวันหมอแนะนำให้พยายามดื่มน้ำให้ได้ 1.5 ลิตร เพื่อลดปัญหาผิวขาดน้ำ ผิวอ่อนแอ จนส่งผลให้เกิดปัญหาสิวและริ้วรอยตามมา
เป็นรอยดำ ทำอย่างไรดี?
สำหรับคนที่กำลังกังวลว่า “หมอคะ เป็นรอยดำทำยังไงดี?” ไม่ต้องเครียดจนเสียความมั่นใจไปนะคะ เพราะหมอมีวิธีในการลดรอยดำที่เห็นผลจริงและใช้เวลาไม่นานมาฝากทุกคนกันค่ะ
ใช้ครีมลดรอยดำ
สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มมีรอยดำขึ้นบนใบหน้า สามารถเลือกใช้ครีมลดรอยดำที่มีส่วนผสมของ Whitening ที่มีคุณสมบัติในการช่วยลดความหมองคล้ำและรอยดำต่าง ๆ ซึ่งการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของไวเทนนิ่ง หมอแนะนำให้ใช้ในช่วงกลางคืนจะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น และควรทากันแดดทุกวันในขณะที่ใช้ เนื่องจากในไวเทนนิ่งมีการทำงานที่ช่วยในการผลัดเซลล์ผิว ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้ผิวหน้าบางหลังใช้ จึงควรทากันแดดควบคู่ไปด้วยนะคะ
“Whitening” คืออะไร?
Whitening คือ สารที่ช่วยปรับให้ผิวขาวมากขึ้น
ตัวอย่างของสารที่ช่วยให้ผิวขาวขึ้น ได้แก่ AHA, BHA, Vitamin C, Vitamin E, Arbutin, Kojic Acid, สารสกัดจากรากชะเอมเทศ, สารสกัดมะหาด เป็นต้น
ระวัง! สารต้องห้ามที่เสี่ยงทำให้หน้าพัง
- ปรอท (Mercury)
- ไฮโดรควิโนน (Hydroquinone)
- สเตียรอยด์ (Steroid)
ขอขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติมจาก rama.mahidol.ac.th และ medthai.com
รักษาจุดด่างดำด้วย เลเซอร์
อีกหนึ่งวิธีที่ได้รับความนิยมอย่างมากในการใช้เป็นตัวช่วยลดรอยดำก็คือ “เลเซอร์” นั้นเองค่ะ โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหารอยดำเป็นจำนวนมากและคนที่ต้องการความเร่งด่วนในการรักษา ด้วยคุณสมบัติของเลเซอร์ที่ใช้คลื่นแสงพลังงานสูงในการช่วยลดเลือนเม็ดสีที่ผิดปกติได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงทำให้รอยดำที่มีสีเข้มถูกทำให้จางลงได้ในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งการรักษาด้วยเครื่องเลเซอร์ก็จะมีหลายประเภทด้วยกันโดยทาง Amara Clinic ของเรานั้นจะเน้นการรักษารอยดำด้วยเครื่อง Lumecca และ Pico laser ที่เป็นเทคโนโลยีคุณภาพสูงในการช่วยลดเลือนรอยดำได้อย่างตรงจุดและไม่ส่งผลข้างเคียงที่รุนแรง เพื่อให้ทุกคนได้รู้จักกันเพิ่มเติมเราไปลงลึกรายละเอียดการทำงานของทั้งสองเครื่องนี้กันดีกว่าค่ะ
Lumecca ลดรอยดำ เพิ่มความกระจ่างใสให้ผิว
Lumecca คือนวัตกรรมแสงกึ่งเลเซอร์ที่ใช้เทคโนโลยี Intense Pulsed Light หรือที่หลายคนอาจจะคุ้นเคยกันดีในชื่อ IPL โดยความพิเศษของ Lumecca คือการที่ตัวเครื่องถูกพัฒนาให้มีความเข้มข้นกว่า IPL หน้าใสทั่วไปถึง 3 เท่า จึงทำให้การลดรอยที่แก้ยากเป็นเรื่องง่ายยิ่งขึ้น อีกทั้งยังทำให้ผิวหน้าที่เคยหมองคล้ำมีความกระจ่างใสมากยิ่งขึ้น โดยคลื่นแสงกึ่งเลเซอร์จะมีความยาวคลื่นที่เหมาะสมอยู่ที่ 580-1,200 นาโนเมตร แต่เคสส่วนมากหมอมักจะใช้อยู่ที่ 580-600 นาโนเมตร ซึ่งการใช้ความยาวคลื่นที่เหมาะสมจะทำให้คลื่นที่ปล่อยลงไปเกิดการทำปฏิกริยากับเม็ดสีใต้ผิวหนังอย่างตรงจุด เมื่อเม็ดสีต่าง ๆ ดูดซับแสงทำให้จุดด่างดำ รอยดำ รอยแดง จางลงหลังทำ เราจะเริ่มเห็นว่าผิวบริเวณที่ทำมีความสว่างขึ้นเมื่ออาการตกสะเก็ดหายไป
ข้อดีของการทำ lumecca
- ลดรอยดำได้โดยใช้เวลาไม่นาน
- ใช้เวลาไม่นานในการรักษา (15-20 นาทีต่อครั้ง) ทำติดต่อกันเพียงแค่ 2-5 ครั้ง
- ช่วยเพิ่มความกระจ่างใสให้แก่ผิวหน้า
- สามารถรักษาสีผิวไม่สม่ำเสมอได้หลายจุดบนร่างกาย
- ผ่านการรับรองจาก U.S.FDA และ Thai FDA
ข้อควรระวังหลังทำเลเซอร์ลดรอยดำ
สำหรับคนที่สนใจที่จะลดรอยดำด้วยการทำเลเซอร์ หมอขอแนะนำให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสโดนแดด 1-2 อาทิตย์ และไม่ควรใช้สกินแคร์ที่มีกรดสูงเช่น BHA, AHA, วิตามิน C, วิตามิน A เนื่องจากอาจทำให้ผิวหน้าเกิดการระเคืองได้ นอกจากนี้ควรทากันแดดหรือใช้อุปกรณ์กันแดดทุกครั้งที่ออกจากบ้าน
Pico laser ลดรอยดำ เผยผิวเนียนใสอย่างเป็นธรรมชาติ
Pico laser คือเลเซอร์ที่สามารถรักษาความผิดปกติของเม็ดสีเมลานิน เช่น จุดด่างดำ รอยดำ ฝ้า กระ ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง พร้อมช่วยกระชับรูขุมขมส่งผลให้ผิวเรียบเนียนยิ่งขึ้น โดยเลเซอร์ชนิดนี้จะมีความพิเศษตรงที่ได้รับการพัฒนาให้มีเทคโนโลยี Picosecond Laser ที่ช่วยปล่อยแสงเลเซอร์ให้เร็วขึ้นกว่าการทำเลเซอร์แบบเก่า โดย 1 picosecond มีความเร็วเท่ากับ 1 ในล้านล้านวินาที ซึ่งความพิเศษตรงจุดนี้ทำให้การกระจายตัวของเม็ดสีเมลานินมีขนาดเล็กลงเหมือนกับฝุ่งผง จึงทำให้ร่างกายของเราสามารถกำจัดรอยดำต่าง ๆ ได้ออกไปอย่างง่ายดาย
ข้อดีของการทำ Pico laser
- ลดรอยดำได้อย่างเห็นผล แม้เป็นมานานหลายปี
- มีพลังงานสูงและคลื่นความถี่เสถียร จึงทำให้เม็ดสีเมลานินแตกตัวได้ดียิ่งขึ้น
- เจ็บน้อยกว่าการทำเลเซอร์แบบเก่า
- ลดโอกาสการเกิดแผลตกสะเก็ดหลังทำ
- ใช้เวลารักษาไม่นาน (จำนวนครั้งน้อยลง)
Pico laser ทํากี่ครั้ง?
โดยปกติที่คนไข้เลือกเข้ามาลดรอยดำด้วย Pico laser ที่ Amara Clinic จะใช้เวลาในการรักษาเพียงแค่ 1-3 ครั้งเท่านั้นค่ะ ด้วยที่ตัวเลเซอร์เป็นเทคโนโลยี picosecond จึงทำให้การลดรอยดำหายเร็วกว่าการทำเลเซอร์แบบเก่าที่ต้องใช้เวลาทำ 3-5 ครั้งในการรักษาค่ะ
หมายเหตุ : ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
สรุป
จบกันไปแล้วนะคะสำหรับ “How to ลดรอยดำอย่างตรงจุด พร้อมเผยหน้าใสอีกครั้ง” กับหมอมะปราง Amara Clinic หมอเชื่อว่าหลายคนที่เคยสงสัยเกี่ยวกับสาเหตุและแนวทางการรักษาที่ถูกต้อง คงคลายความสงสัยกันไปบ้างแล้วนะคะ แต่หากว่าท่านใดมีความสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับการรักษารอยดำ สามารถติดต่อผ่านเจ้าหน้าที่ของ Amara Clinic ได้ตามช่องทางด้านล่างนี้เลยค่ะ