สวัสดีค่ะ วันนี้กลับมาพบกับหมอมะปราง Amara Clinic กันอีกเช่นเคยค่ะ ในบทความนี้หมอมีเรื่องราวของผิวพรรณมาฝากคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ รวมถึงคุณแม่ที่เพิ่งจะคลอดน้องค่ะ นั่นก็คือ รอยแตกหลังคลอด ซึ่งนอกจากหน้าท้องลายหลังคลอดแล้ว ยังมีส่วนอื่นในร่างกายที่สามารถเกิดรอยแตกหลังคลอดได้ เดี๋ยวพาคุณแม่หลังคลอดไปทำความเข้ารู้จักแต่ต้นตอว่า รอยแตกลายเกิดจากอะไร, 6 จุดเสี่ยงรอยแตกหลังคลอดมีอะไรบ้าง และการป้องกันและรักษารอยแตกลายหลังคลอด รวมถึงคำถามยอดฮิตที่คุณแม่ตั้งครรภ์หลายท่านสงสัยว่า ครีมลดรอยแตกลายหลังคลอด ทาแล้วได้ผลจริงไหมค่ะ
ปัญหาผิวช่วงตั้งครรภ์
นอกจากรูปร่างที่เปลี่ยนไปในขณะตั้งครรภ์ ยังมีการเปลี่ยนแปลงของร่างกายและจิตใจอื่น ๆ ตามมา เช่น คลื่นไส้, อาเจียน, เวียนศีรษะ, ท้องผูก, ปวดหลัง, อารมณ์เสีย, หงุดหงิดง่าย หรือรู้สึกวิตกกังวลว่าลูกในท้องจะแข็งแรงไหม รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงของผิวพรรณในช่วงตั้งครรภ์ทุก ๆ ไตรมาส คุณแม่บางท่านอาจมีปัญหาผิวพรรณที่มากหรือน้อยแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายและผิวพรรณของแต่ละคน
อาการคันและผื่นแพ้
ในระหว่างตั้งครรภ์ คุณแม่บางท่านอาจมีอาการคันที่ผิวหนังหรือเกิดผื่นแพ้ โดยอาจเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย เช่น การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย, อาการคันที่เกิดจากการยืดขยายของผิว รวมไปถึงผิวแห้งขาดความชุ่มชื่น จึงทำให้คุณแม่เกิดอาการคันที่ผิวหนังได้ค่ะ ซึ่งหมอแนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่อ่อนโยน ปราศจากน้ำหอม และไม่มีส่วนผสมที่ทำให้ผิวระคายเคือง ที่สำคัญคือ หลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่น ซึ่งจะทำให้ผิวของคุณแม่แห้งและคันมากยิ่งขึ้นค่ะ
สิว ฝ้า กระ
คุณแม่ตั้งครรภ์หลายท่าน มีสิว ฝ้า กระขึ้น ทั้ง ๆ ที่ก่อนตั้งครรภ์ไม่เคยเป็นมาก่อน นั่นเป็นเพราะฮอร์โมนเอสโตรเจน และโปรเจสเตอโรน ซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศหญิงที่สร้างขึ้นมามากกว่าปกติในขณะที่ตั้งครรภ์ ซึ่งจะไปกระตุ้นการสร้างเม็ดสีเมลานินในชั้นผิวที่มากขึ้น ส่งผลให้ผิวหนังคล้ำขึ้นจนกลายเป็นรอยดำ รวมไปถึงฝ้าบนใบหน้าค่ะ นอกจากนี้ยังทำให้เกิดเป็นรอยดำตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้ด้วย เช่น คอ, รักแร้, ขาหนีบ, หน้าท้อง และบริเวณหัวนม รวมไปถึงอาจมีสิวขึ้นที่ใบหน้า ลำคอ และลำตัวค่ะ ซึ่งหลังจากคลอดแล้ว ปัญหาเรื่องสิว ฝ้า กระ จุดด่างดำจะค่อย ๆ ลดเลือนและหายได้เองค่ะ
ผิวบางลง ผิวไวต่อแสง
การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย ส่งผลทำให้ผิวของคุณแม่บอบบาง ระคายเคืองง่าย และไวต่อแสงแดดมาก ยิ่งเวลาออกนอกบ้านจะรู้สึกแสบยิบ ๆ ที่ผิว ดังนั้น ก่อนออกจากบ้าน ควรทาครีมหรือโลชั่นกันแดดที่มีค่า SPF 30 PA+++ ขึ้นไป และสวมเสื้อผ้าที่ปกคลุมร่างกายมิดชิด ใส่หมวก หรือกางร่มกันแดด และหากกลับถึงบ้านแล้วรู้สึกแสบผิว คุณแม่สามารถทาเจลว่านหางจระเข้ เพื่อบรรเทาอาการแสบผิวได้ค่ะ แต่ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ทาผิวที่มีส่วนผสมของ Retinol หรือกรดวิตามินเอ เพราะอาจเป็นอันตรายต่อลูกน้อยในครรภ์ได้ค่ะ
รอยแตกลาย
รอยแตกลาย เป็นอีกหนึ่งปัญหาผิวพรรณที่คุณแม่หลีกเลี่ยงไม่ได้ค่ะ เนื่องจากการยืดขยายตัวของผิวหนัง ยิ่งอายุครรภ์มากขึ้น น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น ก็จะยิ่งทำให้สัดส่วนต่าง ๆ ในร่างกายมีการขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้เส้นใยคอลลาเจนและอิลาสตินในชั้นผิวฉีกขาด จนเกิดเป็นรอยแตกในขณะที่ตั้งครรภ์ และรอยแตกหลังคลอดค่ะ หากคุณแม่มีการควบคุมน้ำหนักดี และทาครีมบำรุงอยู่เสมอ ก็จะช่วยลดโอกาสการเกิดรอยแตกหลังคลอดได้ดีค่ะ
บทความที่เกี่ยวข้อง
- ปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำ สามารถรักษาได้ด้วยนวัตกรรมเลเซอร์ IPL ใหม่ล่าสุด! อ่านเพิ่มเติมได้ที่ เลเซอร์หน้าใส Lumecca
- คลอดแล้ว แต่ยังอ้วนอยู่ น้ำหนักไม่ลง ทำอย่างไรให้กลับมาหุ่นดี อ่านเพิ่มเติมได้ที่ อ้วนหลังคลอด
รอยแตกหลังคลอด เกิดจากอะไร
รอยแตกหลังคลอดมักจะพบในคุณแม่ตั้งครรภ์ได้ประมาณ 50-90% ขึ้นอยู่กับปัจจัยจากภายในที่แตกต่างกันไปในแต่ละคนค่ะ เช่น กรรมพันธุ์ โดยมีประวัติคนในครอบครัวมีรอยแตกหลังคลอด, คุณแม่ตั้งครรภ์เคยมีรอยแตกลายบริเวณอื่น ๆ มาก่อนตั้งครรภ์, น้ำหนักตัวที่มาก หรือสภาพผิวที่แห้งจะมีแนวโน้มที่จะเกิดรอยแตกลายหลังคลอดได้มากกว่าค่ะ
รอยแตกลายเกิดจากการยืดขยายตัวของผิวหนัง และทำลายเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน ทำลายเส้นใยคอลลาเจนและอิลาสติน จนเกิดเป็นรอยแตกหลังคลอดและมีการยุบตัวของชั้นผิวหนัง นอกจากคุณแม่ที่ตั้งครรภ์แล้ว คนทั่วไปยังมีโอกาสมีรอยแตกลายได้เช่นกันค่ะ โดยรอยแตกเกิดจากปัจจัยในการกระตุ้น ได้แก่ ช่วงวัยรุ่นที่มีการเจริญเติบโต, ภาวะโรคอ้วน มีน้ำหนักเกินกว่าเกณฑ์มาตรฐาน รวมถึงคนที่เคยมีน้ำหนักตัวมาก และลดน้ำหนักลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งส่วนมากมักจะพบในผู้หญิงมากว่าผู้ชายค่ะ
สำหรับรอยแตกหลังคลอดในคุณแม่ตั้งครรภ์ มักจะพบเห็นได้ตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายของการตั้งครรภ์ (ตัั้งแต่เดือนที่ 7) ยิ่งถ้าทารกในครรภ์มีน้ำหนักตัวมาก หรือตั้งครรภ์ลูกแฝด คุณแม่ก็จะยิ่งมีโอาสที่จะพบรอยแตกหลังคลอดได้มากขึ้นค่ะ หากคุณแม่มีผิวที่ขาว มักจะมีรอยแตกลายหลังคลอด หรือท้องลายหลังคลอด ลักษณะสีชมพู หรือในคุณแม่ที่มีสีผิวเข้มขึ้นมา ท้องลายหลังคลอดมักจะมีสีที่อ่อนกว่าสีผิวรอบข้างค่ะ
6 จุดเสี่ยงเกิดรอยแตกหลังคลอด
สำหรับบริเวณที่มักจะเกิดรอยแตกระหว่างตั้งครรภ์ และรอยแตกหลังคลอด มีอยู่ด้วยกัน 6 จุดค่ะ ซึ่งเป็นบริเวณที่มีการขยายตัวและมีไขมันสะสมอยู่มาก จึงทำให้เกิดปัญหารอยแตกหลังคลอดได้ง่าย ซึ่งคุณแม่ต้องหมั่นสังเกตตัวเองตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อป้องกันและรักษา ก่อนที่รอยแตกหลังคลอดจะกลายเป็นรอยแตกสะสมจนทำให้การรักษาภายหลังยากขึ้นค่ะ
ต้นแขนหรือท้องแขน
คุณแม่หลายท่านมีน้ำหนักและไขมันสะสมมากขึ้นจากการรับประทานอาหาร อาจสังเกตพบว่าแขนใหญ่ขึ้น มีไขมันใต้ท้องแขน ยิ่งถ้ามีการขยายตัวของผิวมาก ก็ยิ่งทำให้เกิดรอยแตกหลังคลอดบริเวณต้นแขนได้มากขึ้น รวมถึงสิ่งที่ตามมาอีกคือ รอยดำท้องแขนและบริเวณรักแร้อีกด้วยค่ะ หากคุณแม่สังเกตเห็นรอยแตกหรือรอยคล้ำ สามารถทาครีมบำรุงผิวที่ให้ความชุ่มชื่น เช่น โกโก้บัตเตอร์, เชียร์บัตเตอร์ หรือน้ำมันมะพร้าว ได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ เลยค่ะ
หน้าอก
ในรายของคุณแม่ตั้งครรภ์ ปัญหารอยแตกหลังคลอดที่มาคู่กันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยคือ รอยแตกหลังคลอดที่หน้าอก เนื่องจากมีการขยายตัวของเนื้อเต้านม รวมถึงมีการเจริญเติบโตของต่อมและท่อน้ำนม คุณแม่อาจสังเกตว่าเต้านมจะขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ และมีขนาดใหญ่กว่าไซซ์เดิม 1-2 ไซซ์ ยิ่งถ้าเป็นคุณแม่ที่ตั้งท้องครั้งแรก ผิวจะถูกยืดขยายจะทำให้เกิดรอยแตกที่เต้านม รวมถึงมีอาการคันผิวหนังค่ะ
บริเวณหลังช่วงล่าง
บริเวณด้านหลังของคุณแม่ตั้งครรภ์ เป็นอีกหนึ่งจุดที่พบรอยแตกหลังคลอดได้บ่อย รอยแตกลายเกิดจากการขยายตัวบริเวณหน้าท้อง ซึ่งเป็นบริเวณใกล้กับช่วงเอวและหลังค่ะ ทำให้ผิวหนังตึงและชั้นผิวถูกยืดขยายจนฉีกขาดนั่นเองค่ะ
ท้องลายหลังคลอด
ท้องลายหลังคลอด เป็นบริเวณที่มีการยืดขยายโดยตรงมากที่สุด เพราะท้องของคุณแม่จะเริ่มขยายใหญ่ขึ้นตามพัฒนาการลูกน้อยในครรภ์ ยิ่งทารกมีขนาดตัวใหญ่ หรือตั้งท้องแฝด ก็จะยิ่งเกิดอาการท้องลายหลังคลอดได้มากขึ้น ซึ่งรอยแตกหลังคลอดจะอยู่บริเวณใต้หน้าท้องขยายไปยังเอว ทางป้องกันได้ดีที่สุดคือ เมื่อคุณแม่รู้ตัวเองว่าตั้งครรภ์ แนะนำให้เริ่มทาครีมบำรุงผิวได้เลยค่ะ
สะโพก
ช่วงตั้งครรภ์ นอกจากหน้าท้องที่ขยายใหญ่แล้ว คุณแม่จะมีสะโพกที่ผายและใหญ่ขึ้น เพราะธรรมชาติออกแบบมาเพื่อเตรียมความพร้อมให้คุณแม่ตอนคลอดลูกนั่นเองค่ะ เมื่อผิวหนังบริเวณสะโพกขยายตามขนาด ก็จะทำให้เกิดเป็นริ้ว ๆ รอยแตกหลังคลอด หรือบางคนอาจมีสีผิวที่คล้ำขึ้นร่วมด้วย ที่บริเวณสะโพกด้านข้าง หรือบริเวณก้นค่ะ
ต้นขา
บริเวณต้นขา เป็นสัดส่วนที่ต้องรับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์ ทำให้ผิวหนังบริเวณต้นขามีการยืดขยายได้มากเช่นเดียวกันค่ะ ส่งผลให้มีรอยแตกหลังคลอดได้ชัดเจน สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งบริเวณต้นขาด้านใน และต้นขาด้านนอกใกล้ ๆ กับบริเวณของสะโพก ซึ่งเป็นบริเวณใกล้เคียงกันค่ะ
แม้ว่ารอยแตกลายหลังคลอด สามาถเกิดขึ้นได้เป็นเรื่องปกติ แต่หมออยากแนะนำวิธีป้องกันและรักษารอยแตกระยะเริ่มต้นก่อนรอยแตกจะไปสู่ระยะที่แก้ยาก ด้วยวิธีการดูแลตัวเองง่าย ๆ กันก่อนค่ะ โดยคุณแม่ที่มีอายุครรภ์น้อย ๆ สามารถเริ่มดูแลผิวพรรณได้เลยค่ะ เช่น การทาครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมที่ทำให้ผิวชุ่มชื่น, หลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่น, ออกกำลังกายเบา ๆ ที่เหมาะกับคุณแม่ตั้งครรภ์ (สามารถปรึกษาแพทย์ประจำตัวได้ค่ะ) และควบคุมน้ำหนักไม่ให้เกิน 2 กิโลกรัมต่อเดือน ซึ่งหากเป็นรอยแตกลายที่อยู่ในระยะเริ่มต้นที่มีสีแดงหรือชมพู จะดูแลรักษาได้ง่ายกว่ารอยแตกหลังคลอดสีขาว ซึ่งเป็นระยะรอยแตกเก่าที่สะสมมานานค่ะ
บทความที่เกี่ยวข้อง
- คลอดแล้ว แต่โดนทักยังไม่คลอด! ปัญหาพุงป่องหลังคลอดแก้ได้ หาคำตอบได้ที่ 6 วิธีลดหน้าท้องหลังคลอด
- ไขมันสะสมทั่วร่างกายหลังคลอด ทำยังไงก็ไม่ลด พบวิธีที่จะทำให้หุ่นกลับมาสวยได้ที่ อ้วนหลังคลอด ลดยาก
ครีมลดรอยแตกลายหลังคลอด ได้ผลจริงไหม?
คุณแม่หลายท่านน่าจะสงสัยใช่ไหมคะว่า ครีมลดรอยแตกลายหลังคลอด ทาแล้วได้ผลจริงไหม? สำหรับครีมลดรอยแตกลายหลังคลอดจะให้ผลดีก็ต่อเมื่อ บริเวณรอยแตกหลังคลอดเป็นรอยแตกระยะเริ่มต้น ที่มีลักษณะรอยแตกลายหลังคลอด หรือท้องลายหลังคลอดที่มีสีชมพู สีแดง ที่ถือว่าเป็นรอยใหม่ ซึ่งรอยแตกลายเกิดจากการขยายตัวของผิวหนังที่มากเกินไปแบบเฉียบพลัน โดยจะเกิดเป็นรอยแตกที่พบได้ในลักษณะตั้งฉากหรือขนานกัน ในระยะเริ่มต้นของรอยแตกลายนี้ คุณแม่ตั้งครรภ์อาจมีอาการคัน หรือรู้สึกแสบที่ผิวหนังบริเวณที่มีรอยแตกสีแดงได้ ซึ่งการทาครีมลดรอยแตกลายหลังคลอดตั้งแต่เนิ่น ๆ จะสามารถรักษาและป้องกันไม่ให้รอยแตกลายสะสมนาน จนกลายเป็นรอยแตกลายหลังคลอดสีขาว ซึ่งเป็นระยะที่แม้ว่าจะทาครีมลดรอยแตกลายหลังคลอด ก็อาจไม่ได้ผลค่ะ
รักษารอยแตกหลังคลอด
ด้วยโครงสร้างและสภาพผิวพรรณที่แตกต่างกันในแต่ละคน คุณแม่บางท่านโชคดีหน่อย ตอนท้องไปจนถึงคลอดก็ยังไม่มีเส้นริ้วรอยแตกหลังคลอดให้เห็นเลยค่ะ แต่ยังมีคุณแม่จำนวนไม่น้อยเลยที่ถึงแม้ว่าดูแลตัวเองอย่างดีตั้งแต่ตั้งครรภ์อ่อน ๆ ทาครีมลดรอยแตกลายหลังคลอดทุกวัน แต่ก็ยังมีรอยแตกหลังคลอด สีผิวคล้ำ รอยเหี่ยวย่น ที่คอยกวนใจอยู่
หากคุณแม่ที่คลอดน้องแล้ว อยากกู้ผิวเสียให้กลับมาเรียบเนียน ลดเลือดรอยแตกหลังคลอด ด้วยวิธีที่ให้ผลรวดเร็วและแน่นอน สามารถเข้ามาปรึกษาหมอได้เลยค่ะ ซึ่งตอนนี้ที่ Amara Clinic เราได้นำเข้าเครื่อง Morpheus8 มาใช้ดูแลผิวพรรณแบบครอบคลุมในเครื่องเดียว เป็นการใช้พลังงานคลื่นความถี่วิทยุ (RF) ในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน ช่วยฟื้นฟูรอยแตกหลังคลอด ท้องลายหลังคลอด รวมถึงบริเวณอื่น ๆ ตามลำตัวที่มีปัญหารอยแตกลายค่ะ
ก่อน-หลัง แก้ไขรอยแตกบริเวณก้นด้วย Morpheus8
โดยหลักการทำงานของ Morpheus8 จะปล่อยพลังงาน RF ผ่านเข็มที่อยู่ตรงหัวอุปกรณ์ลงสู่ชั้นผิวที่ต้องการทำการรักษา (ลงลึกสู่ชั้นผิวได้สูงสุดถึง 4 มิลลิเมตร แก้ไขปัญหาผิวได้ตั้งแต่ชั้นหนังแท้ ชั้นไขมันใต้ผิวหนัง และชั้นเนื้อเยื่อของกล้ามเนื้อ (SMAS)) ในระหว่างการทำ Morpheus8 คุณแม่จะไม่รู้สึกเจ็บ อาจรู้สึกยิบ ๆ ซึ่งในระหว่างนี้จะมีการใช้เครื่องเป่าลมเย็น เพื่อช่วยให้ผิวรู้สึกสบายขึ้น ใช้เวลาทำเพียงไม่นาน โดยหลังทำ โครงสร้างผิวจะค่อย ๆ มีการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน ทำให้ผลลัพธ์ของการรักษารอยแตกลายหลังคลอดจะเห็นผลชัดเจนใน 3 สัปดาห์ และเห็นผลได้อย่างเต็มที่ใน 3 เดือน (ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ทำการรักษาและสภาพผิวที่แตกต่างกันในแต่ละบุคคล) โดยแนะนำให้ทำอย่างต่อเนื่อง 1-3 ครั้ง เว้นระยะห่างทุก 1-6 เดือนค่ะ
คุณแม่หลังคลอด ทำสวยที่ Amara Clinic
เนื่องจากในช่วงตั้งครรภ์ ร่างกายของคุณแม่มีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง ซึ่งนอกจากปัญหาเรื่องรอยแตกหลังคลอดแล้ว คุณแม่อาจพบกับปัญหาไขมันส่วนเกิน, น้ำหนักตัวไม่ลด, ช่องคลอดหลวม, น้องสาวไม่สวย เหี่ยวแฟ่บ, หน้าอกหย่อยคล้อยหลังให้นมลูก แต่ไม่ต้องกังวลค่ะ เพราะที่ Amara Clinic เรามีการรักษารูปแบบต่าง ๆ เพื่อแก้ไขปัญหาสัดส่วนของคุณแม่หลังคลอดโดยเฉพาะ พร้อมด้วยทีมแพทย์เฉพาะทาง และเทคโนโลยีทันสมัยได้มาตรฐานระดับโลกที่ครบครันค่ะ
- ควบคุมความหิว อิ่มนานขึ้น ลดน้ำหนักอย่างปลอดภัยด้วย ปากกาลดน้ำหนัก Amara Pen
- ดูดไขมัน+กระชับผิวหย่อนคล้อย ด้วยเทคนิค Plasma Jet
- อัพอกสวย กระชับหน้าอกที่หย่อนคล้อย ด้วย เสริมหน้าอก หรือ ฉีดไขมันหน้าอก
- จบปัญหาผิวหนังหน้าท้องหย่อนคล้อยระดับรุนแรงด้วยวิธี ตัดหนังหน้าท้อง
- น้องสาวเต่งตึง โหนกนูน สวยได้รูปอีกครั้งด้วยไขมันตัวเอง ฉีดไขมันน้องสาว
- กระชับช่องคลอด รักษาปัสสาวะเล็ด แก้ไขกล้ามเนื้อหน้าท้องแยก ด้วยเทคโนโลยี TESLA Former
สรุป
หมอเชื่อว่าคุณแม่ยุคนี้ต้องเก่งทั้งในเรื่องเลี้ยงลูก ดูแลงานบ้าน ดูแลครอบครัว และยังต้องดูแลตัวเองให้สวยดูดีอยู่ตลอดเวลา ซึ่งปัญหารอยแตกหลังคลอด ถึงแม้ว่าจะไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ แต่ก็ทำให้คุณแม่หลายท่านขาดความมั่นใจไม่น้อยเลยค่ะ อย่างที่หมอได้บอกไปในตอนต้นนะคะว่า โครงสร้างและสภาพผิวพรรณของเราแตกต่างกัน ทำให้ครีมลดรอยแตกลายหลังคลอดอาจยังไม่ได้ผลสำหรับคุณแม่บางท่าน หมอจึงแนะนำให้คุณแม่พิจารณาการรักษารอยแตกลายหลังคลอด ด้วยวิธีการรักษาทางการแพทย์ ซึ่งที่ Amara Clinic เรามีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณ พร้อมด้วยเครื่องมือและเทคโนโลยีที่คัดสรรมาโดยเฉพาะ ให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อช่วยให้คุณแม่หลังคลอดกลับมามีความมั่นใจในผิวพรรณและสัดส่วน กลายเป็นคุณแม่ที่ยังสวยเป๊ะได้แน่นอนค่ะ