รักษารอยแตกลายให้หายได้! กู้ผิวลายให้เรียบเนียน

รอยแตกลาย

เรื่องรอยแตกลาย เป็นปัญหาผิวพรรณที่สาว ๆ เป็นกังวล เพราะการแต่งตัวบางสไตล์ก็หนีไม่พ้น กระโปรงหรือกางเกงขาสั้น และนอกจากนี้ หนุ่ม ๆ หลายคนก็เริ่มหันมาดูแลตัวเองให้ดูดีเหมือนสาว ๆ กันแล้ว สำหรับรอยแตกลายสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ทุกเพศทุกวัย สามารถหายได้เองตามธรรมชาติ และไม่เป็นอันตรายกับสุขภาพร่างกาย แต่มีผลในแง่ของความสวยงาม จนทำให้หลายคนหมดความมั่นใจไปได้ค่ะ วันนี้หมอมะปราง Amara Clinic จะพาทุกคนไปดูสาเหตุของการเกิดรอยแตกลาย, ประเภทของรอย ทั้งรอยแตกลายสีแดง และรอยแตกลายสีขาว พร้อมวิธีการป้องกัน รวมถึงการรักษารอยแตกลายด้วยวิธีธรรมชาติ และวิธีใหม่ล่าสุดที่เห็นผลรวดเร็วทันใจค่ะ

รอยแตกลาย เกิดขึ้นได้อย่างไร

รอยแตกลาย ถือว่าเป็นแผลเป็นชนิดหนึ่งค่ะ ทำให้สีผิวแตกต่างจากบริเวณอื่น ๆ สำหรับรอยแตกลาย เกิดขึ้นจากการที่ผิวหนังของเราฉีกขาด จากการที่ผิวหนังขยายตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่งการขยายตัวนี่เองเป็นตัวการสำคัญทำให้เส้นใยอิลาสตินและคอลลาเจน ที่ทำหน้าที่พยุงผิวให้ยืดหยุ่นและแข็งแรง โดนทำลายตามไปด้วย จนทำให้ผิวหนังสูญเสียความยืดหยุ่น

รอยแตกลาย

เมื่อผิวหนังในชั้นหนังแท้ขยายตัวจนฉีกขาด จะทำให้เห็นเส้นเลือดที่อยู่ลึกลงไป เราจึงเห็นเป็นรอยแตกลายที่มีเริ้วสีเข้ม ซึ่งรอยแตกลายมักจะเกิดขึ้นในคุณแม่ตั้งครรภ์ ที่มีการขยายตัวของหน้าท้องตามอายุครรภ์ที่มากขึ้น และเมื่อคลอดบุตรแล้วจะเกิดภาวะรอยแตกหลังคลอด หรือแม้แต่ในหนุ่ม-สาวที่อยู่ในช่วงวัยรุ่น ซึ่งมีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ก็สามารถพบรอยแตกลายได้เช่นเดียวกัน โดยบริเวณที่พบรอยแตกลายได้มากที่สุด จะเป็นบริเวณที่มีไขมันสะสมอยู่มาก เช่น ต้นแขน ท้องแขน, หน้าอก, หน้าท้อง หรือสะโพกค่ะ

รอยแตกลายสามารถแบ่งออกเป็น 2 ระยะ คือ รอยแตกลายระยะเริ่มต้น จะมีลักษณะเป็นรอยแตกลายสีแดง และรอยแตกลายระยะสุดท้าย ที่มีลักษณะเป็นรอยแตกลายสีขาวค่ะ

รอยแตกลายระยะเริ่มต้น

รอยแตกลายระยะเริ่มต้น (Striae Rubra) หรือรอยแตกลายใหม่ จะมีลักษณะเส้นริ้วนูนสีชมพู หรือรอยแตกลายสีแดงค่ะ เป็นระยะที่เกิดขึ้นจากการขยายตัวของผิวหนังที่มากเกินไปแบบเฉียบพลัน โดยจะเกิดเป็นรอยแตกที่พบได้ในลักษณะตั้งฉากหรือขนานกัน ในระยะเริ่มต้นของรอยแตกลายนี้ คนไข้อาจมีอาการคันหรือรู้สึกแสบที่ผิวหนังบริเวณที่มีรอยแตกสีแดงได้ ถ้าเราสังเกตเห็นรอยแตกลายสีแดงนี้ หมอแนะนำให้รีบรักษาโดยการทาครีมรักษารอยแตกลายตั้งแต่เนิ่น ๆ เลยเค่ะ เป็นรอยแตกสีแดงนี้เป็นระยะที่สามารถรักษาให้หายได้ง่ายกว่าค่ะ

รอยแตกลาย

รอยแตกลายระยะสุดท้าย

รอยแตกลายชนิดต่อมาคือ รอยแตกลายระยะท้ายสุด (Striae Alba) ซึ่งเป็นรอยแตกลายเก่าที่เกิดจากรอยแตกลายระยะแรก ที่ไม่ได้รับการรักษา โดยเป็นระยะที่ใช้เวลาประมาณ 1 เดือนไปจนถึงเป็นปี โดยจะมีลักษณะรอยแตกที่มีสีเข้มขึ้น สีแดง และสีม่วงจนจางลงกลายเป็นรอยแตกลายสีขาวในที่สุด ซึ่งนอกจากสีที่เปลี่ยนไปแล้วยังมีภาวะผิวหนังบางลงและอาจมีรอยย่นร่วมด้วยค่ะ สำหรับรอยแตกลายระยะท้ายสุดนี้ เป็นระยะที่รักษาให้ผิวกลับมาเรียบเนียนค่อนข้างยากค่ะ

รอยแตกลาย

ใครบ้างที่เสี่ยงมีรอยแตกลาย

  • มีประวัติคนในครอบครัวที่เป็นสายเลือดเดียวกัน มีอาการรอยแตกลาย
  • คนที่ใช้ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ติดต่อกันเป็นเวลานานหรือใช้อย่างผิดวิธี
  • คนที่มีโรคประจำตัวบางอย่างที่ทำให้เกิดภาวะโรคอ้วน เช่น โรคกินไม่หยุด, กลุ่มอาการคุชชิง หรือโรคมาร์แฟนซินโดรม ซึ่งเป็นโรคที่มีการขยายตัวอย่างรวดเร็วของเนื้อเยื่อ และอวัยวะภายใน
  • คุณแม่ที่ตั้งครรภ์ มีโอกาสเสี่ยงท้องลายหลังคลอด
  • คนที่มีภาวะโรคอ้วน น้ำหนักเกินกว่าเกณฑ์มาตรฐาน หรือมีค่า BMI 23 ขึ้นไป (เช็คค่า BMI ด้วยตัวเองได้ที่ >> BMI คือ)
  • ในวัยรุ่นที่มีการเจริญเติบโตของร่างกายอย่างรวดเร็ว
  • คนที่เคยมีน้ำหนักตัวมาก และลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว
  • คนที่ออกกำลังกายแบบ Weight Training หรือคนที่เล่นกล้าม หรือนักเพาะกาย ที่มีกล้ามเนื้อโตขึ้นอย่างรวดเร็ว

บทความที่เกี่ยวข้อง

ป้องกันก่อนเกิดรอยแตกลาย

สำหรับคนที่กังวลว่าผิวจะเกิดรอยแตกลาย หรือคนที่มีแนวโน้มที่จะเกิดปัญหารอยแตกลาย รวมไปถึงคนที่มีรอยแตกลายอยู่ก่อนแล้ว หมออยากแนะนำให้เริ่มดูแลผิวพรรณกันตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดรอยแตกลายค่ะ

ควบคุมน้ำหนักไม่ให้อ้วน

การควบคุมน้ำหนักเพื่อไม่ให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคอ้วน เป็นวิธีที่สามารถทำได้โดยเริ่มจากการควบคุมอาหารค่ะ หมอแนะนำให้ใช้วิธีลดน้ำหนักแบบนับแคลอรี่ หรือรูปแบบการทานอาหารเพื่อการลดน้ำหนักต่าง ๆ เช่น การทำ IF หรือใช้วิธีการทานแบบคีโต และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์กับร่างกาย ดื่มน้ำเยอะ ๆ ซึ่งนอกจากจะดีกับสุขภาพโดยรวมแล้ว ยังดีกับสุขภาพผิวพรรณ ลดการเกิดรอยแตกลาย ผิวพรรณสดใสอีกด้วยค่ะ

ทาครีม โลชั่น ที่มีความชุ่มชื่นสูง

การทาครีมหรือโลชั่นบำรุงผิวเป็นประจำทุกวัน นอกจากจะช่วยลดโอกาสเกิดรอยแตกลายแล้ว ยังทำให้ผิวพรรณมีความชุ่มชื่น และทำให้ผิวพรรณอ่อนกว่าวัยได้ด้วยนะคะ โดยเลือกครีมที่มีส่วนผสมที่ช่วยเก็บกักความชุ่มชื่นของผิวได้อย่างยาวนาน เช่น โกโก้บัตเตอร์, เชียบัตเตอร์, น้ำมันมะกอก, โจโจบาออยล์ รวมไปถึงส่วนผสมที่ช่วยลดเลือนริ้วรอยและเพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิวพรรณ อาทิ วิตามิน E, คอลลาเจน และอีลาสติน หรืออาจใช้น้ำมันบำรุงผิวนวดบริเวณที่กังวลเป็นพิเศษหลังอาบน้ำ เช่น Baby Oil, น้ำมันมะพร้าว หรือน้ำมันมะกอกค่ะ

ออกกำลังกาย

การออกกำลังกาย นอกจากจะช่วยให้ระบบในร่างกายทำงานได้เป็นปกติ สุขภาพแข็งแรง ยังดีต่อผิวพรรณ ช่วยลดโอกาสการเกิดรอยแตกลายได้ค่ะ เพราะเป็นการเพิ่มความแข็งแรงและความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ ช่วยผิวหนังให้พร้อมกับการยืดขยาย และยังช่วยปรับสมดุลของฮอร์โมนในร่างกาย ซึ่งจะช่วยลดปัญหาการเกิดรอยแตกลาย

รักษารอยแตกลายด้วยวิธีธรรมชาติ

นอกจากการป้องกันการเกิดรอยแตกลายแล้ว แต่ก็ยังมีหลายคนที่ดูแลตัวเองอย่างดีแล้ว ก็ยังไม่สามารถหลีกเลี่ยงรอยแตกลายได้ ไม่ต้องกังวลค่ะ ถ้าหากยังเป็นรอยแตกลายสีขาวอยู่ ก็ยังมีวิธีรักษารอยแตกลายด้วยวิธีธรรมชาติ จากพืชพรรณสมุนไพร น้ำมันธรรมชาติ รวมถึงวัตถุดิบที่แค่เดินเข้าไปในห้องครัวก็เจอแล้วค่ะ 

  • น้ำมัน Argan Oil ใช้หยดที่ฝ่ามือ วอร์มน้ำมัน Argan Oil โดยการถูที่ฝ่ามือ จากนั้นค่อย ๆ นวดบริเวณรอยแตกลาย
  • น้ำมะนาว นำน้ำมะนาวมาถูเป็นวงกลมบริเวณรอยแตกลาย นวดสักพัก และทิ้งให้น้ำมะนาวซึมลงผิว จากนั้นล้างออกด้วยน้ำอุ่น
  • ไข่ขาว นำไข่ขาวมานวดบริเวณรอยแตกลายสักพัก ทิ้งไว้จนแห้ง จากนั้นล้างออกด้วยน้ำอุ่น
  • สครับน้ำตาล ใช้น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำมันมะกอก หรือน้ำมันธรรมชาติอื่น ๆ นำมาสครับผิวแตกลาย จากนั้นล้างออก
  • น้ำมันมะกอก นำน้ำมันมะกอกนวดบนผิวที่มีรอยแตกลายประมาณ 10 นาที โดยไม่ต้องล้างออก
  • มันฝรั่ง ใช้มันฝรั่งฝานเป็นแว่น ๆ แล้วนำเอามาถูบริเวณรอยแตกลาย ทิ้งไว้จนกว่าจะรู้สึกว่าผิวเริ่มแห้ง จากนั้นล้างออกด้วยน้ำอุ่น
  • ว่านหางจระเข้ นำว่านห่างจระเข้มาปลอกเปลือก ล้างยางออกให้หมด นำวุ้นว่านหางจระเข้มาพอกที่รอยแตกลาย ทิ้งไว้ 5-10 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำอุ่น

รักษารอยแตกลาย นวัตกรรมน้องใหม่มาแรง!

วิธีรักษารอยแตกลายด้วยวิธีธรรมชาติ อาจได้ผลลัพธ์ที่ดีกับรอยแตกลายสีแดง ที่เป็นระยะเริ่มต้นของรอยแตกลาย แต่สำหรับรอยแตกลายสีขาวที่เป็นรอยเก่าสะสมมานาน อาจต้องพึ่งวิธีรักษารอยแตกลายทางการแพทย์ค่ะ ซึ่งในปัจจุบันมีเลเซอร์รักษารอยแตกลายอยู่หลายชนิด แต่ขณะนี้มีเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดMorpheus8 ที่ช่วยรักษารอยแตกลายได้ถึงชั้นผิวหนังแท้และชั้นของไขมันใต้ผิวค่ะ

รอยแตกลาย
รอยแตกลาย

  คลื่น RF ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน

สำหรับหลักการของ Morpheus8 จะเป็นการปล่อยพลังงานคลื่นความถี่วิทยุ (RF) ผ่านเข็มทองคำขนาดเล็ก 24 เข็ม ที่วางเรียงกันอยู่ตรงหัวอุปกรณ์ จากนั้น พลังงานจะถูกนำส่งลงไปยังระดับชั้นผิวที่ต้องการทำการรักษาได้อย่างตรงจุด โดยสามารถปล่อยพลังงานลงลึกในชั้นผิวได้หลายระดับตั้งแต่ 2-3 และ 4 (Multi-Layer Technology) ซึ่งสามารถแก้ไขปัญหาผิวได้ตั้งแต่ชั้นหนังแท้และชั้นไขมันใต้ผิวหนัง และตัวเครื่องยังสามารถปรับระดับความลึกของชั้นผิวที่ต้องการ เพื่อจุดประสงค์ในการรักษาที่ต่างกัน โดยที่ไม่ก่อให้เกิดความร้อน ไม่ทำให้ผิวหนังชั้นบนไหม้ และไม่ทิ้งรอยดำหลังทำค่ะ

ด้วยคลื่นพลังงาน RF ที่ถูกส่งลงไปในชั้นผิว จะไปกระตุ้นการซ่อมสร้างเซลล์ผิวใหม่ ทั้งเส้นใยคอลลาเจน และเส้นใยอิลาสติน และช่วยกระตุ้นการเรียงตัวใหม่ของคอลลาเจนในชั้นผิวหนังแท้ (Dermal Remodeling) ช่วยให้ผิวที่เสื่อมสภาพตามอายุที่มากขึ้น (Aging Skin) แลดูอ่อนเยาว์ขึ้น และยังมีผลช่วยให้รอยแตกลายลดลง สีผิวสม่ำเสมอ ทำให้ผิวกลับมาเรียบเนียนค่ะ

ก่อน-หลัง รักษารอยแตกลาย ด้วย Morpheus8

หลังทำการรักษารอยแตกลายด้วย Morpheus8 จะเห็นผลชัดเจนขึ้นใน 3 สัปดาห์ และเห็นผลได้อย่างเต็มที่ใน 3 เดือน ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ทำการรักษา และสภาพผิวของแต่ละบุคคลค่ะ ซึ่งหมอแนะนำให้ทำการรักษารอยแตกลายด้วย Morpheus8 ต่อเนื่อง 1-3 ครั้ง และควรเว้นระยะห่างทุก 1-6 เดือน เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดนั่นเองค่ะ

สำหรับใครที่มีปัญหารอยแตกลาย ทั้งรอยแตกลายสีแดง รอยแตกลายสีขาว ที่ใช้วิธีรักษารอยแตกลายด้วยวิธีธรรมชาติแล้วยังไม่เห็นผล หรือว่าไม่อยากรอนาน หมอแนะนำวิธีรักษารอยแตกลายด้วย Morpheus8 นวัตกรรมใหม่ที่ Amara Clinic เราได้นำเข้ามาใช้ บอกได้เลยค่ะว่าตอนนี้เจ้า Morpheus8 เป็นลูกรักของหมอเลย เพราะด้วยคุณสมบัติของคลื่นพลังงานที่ลงลึกได้หลายระดับ ทำให้สามารถรักษาผิวพรรณได้อย่างครอบคลุมทุกปัญหา ทำได้ทั่วร่างกาย ทั้งบริเวณใบหน้าและลำตัว เช่น ช่วยยกกระชับผิว หย่อนตรงไหนก็ตึงได้, ช่วยลดเลือนริ้วรอยร่องลึก ผิวดูเด็กลง พร้อมกับฟื้นฟูปัญหาผิวพรรณอื่น ๆ อย่างรอยแผลเป็น, รอยสิว, จุดด่างดำ, สีผิวไม่สม่ำเสมอ, ผิวขรุขระไม่เรียบเนียน, รอยแตกลาย รวมไปถึงยังช่วยลดเซลล์ไลท์ เพื่อผิวที่สดใสและเรียบเนียนค่ะ

สรุป

          ถึงแม้ว่าปัญหารอยแตกลายจะไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ แต่ก็ทำให้ใครหลายคนเสียเซลฟ์ได้เหมือนกันนะคะ โดยเฉพาะเวลาแต่งตัวที่ต้องโชว์ผิว หมอจึงอยากแนะนำให้เราเริ่มดูแลตัวเองตั้งแต่เนิ่น ๆ โดยเฉพาะการรักษารอยแตกลายสีแดงที่เป็นระยะเริ่มต้น ป้องกันไม่ให้เกิดเป็นรอยแตกลายสีขาว ซึ่งเป็นระยะที่รักษาเองค่อนข้างยาก เพื่อผิวพรรณที่สดใส เรียบเนียน รวมถึงใครที่กำลังสนใจรักษารอยแตกลายด้วยเทคโนโลยี Morpheus8 สามารถเข้ามาพูดคุยและตรวจวิเคราะห์สภาพผิวพรรณกันก่อนได้เลยค่ะ


KOL Trainer แพทย์ผู้สอน
ดูดไขมัน Water-jet

พญ.กรพร สถิตวิทยานันท์ (หมอมะปราง)

ลงทะเบียนปรึกษาฟรี!


    ใส่ความเห็น