ครีมกำจัดขน ดีจริงไหม? มีวิธีอื่นที่ดีกว่ารึเปล่า?

“ครีมกำจัดขน” นับว่าเป็นวิธีที่หลาย ๆ คนเลือกใช้กันเลยนะคะ เพราะเป็นวิธีที่สะดวกมาก ใช้งานไม่ยาก ราคาไม่แรง และหาซื้อได้ง่าย เพียงเดินเข้าไปในร้านสะดวกซื้อก็มีให้เลือกหลายยี่ห้อแล้วค่ะ โดยราคาจะอยู่ที่ประมาณหลักสิบปลาย ๆ – 300 บาท แล้วแต่ยี่ห้อที่เลือกใช้ ผู้อ่านทราบไหมคะว่านอกจากครีมกำจัดขนจะมีข้อดีต่าง ๆ มากมายแบบนี้แล้ว ก็มีข้อเสียเช่นเดียวกันนะคะ ก่อนที่จะไปหาซื้อครีมกำจัดขนหรือมูสกำจัดขนมาลองใช้ เรามาทำความรู้จักกับมันก่อนดีกว่า ว่าครีมกำจัดขนดีไหม? มีข้อดี-ข้อเสียยังไงบ้าง? และคุ้มค่าไหมที่จะใช้ในระยะยาว – หมอตวง แพทย์เฉพาะทางผิวหนังประจำ Amara Clinic

ขอบคุณภาพจาก :  denisapicks

ครีมกำจัดขนในท้องตลาดตอนนี้มีให้เลือกหลายยี่ห้อเลยนะคะ แล้วเราจะเลือกครีมกำจัดขนยี่ห้อไหนดีล่ะ? ส่วนตัวหมอก็ไม่ได้มีแนะนำนะคะว่าจะต้องเป็นยี่ห้อไหน แต่หมอจะมาแนะนำวิธีการเลือกซื้อ และทริคในการใช้งานครีมกำจัดขนอย่างเหมาะสม เพื่อให้เราได้ใช้งานครีมกำจัดขนที่มีประสิทธิภาพและได้มาตรฐานจริง รวมไปถึงป้องกันไม่ให้เราหลงไปซื้อครีมกำจัดขนที่ไม่ได้ผ่านการรับรอง จนทำให้แก้อาการแพ้หรือผลข้างเคียงต่าง ๆ ขึ้นค่ะ

• เลือกครีมกำจัดขนที่มีการรับรองมาตรฐานและคุณภาพ
• เลือกยี่ห้อมูสกำจัดขนที่น่าเชื่อถือ มีขายบนร้านค้าชั้นนำ
• ดูรีวิวครีมกำจัดขนหรือคนมารีวิวประสบการณ์หลังใช้งานจริง
• เช็คและเลือกสูตรของมูสกำจัดขนที่เหมาะสมกับตัวเอง
• ทดสอบอากาศแพ้ใต้ท้องแขนก่อนใช้งานจริง 10-20 นาที
• อ่านคู่มือและทำตามคำแนะนำข้างกล่องอย่างเคร่งครัด
• ปาดครีมกำจัดขนออกไปในทิศทางเดียวกัน ไม่ถู เพื่อป้องกันขนคุด

ขอบคุณภาพจาก : thesun

วิธีกำจัดขนมีให้เลือกหลายวิธีเลยนะคะ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ครีมหรือมูสกำจัดขน, การโกนขน, การถอนขน, การแว็กซ์ขน และรวมไปถึงการเลเซอร์ขนด้วยเช่นกัน แต่ละวิธีก็มีข้อดี-ข้อเสียและความเหมาะสมกับแต่ละบุคคลที่แตกต่างกันไปนะคะ สำหรับหมอแล้ว หมอเลือกการเลเซอร์กำจัดขนเป็นวิธีที่เห็นผลในระยะยาวและมีประสิทธิภาพมากที่สุดค่ะ

เพราะการเลเซอร์ขนมันเป็นการทำลายรากขนที่อยู่ข้างล่างใต้ผิวหนัง พอรากขนถูกทำลายลงไป ขนก็จะค่อย ๆ หลุดร่วงออกมา แน่นอนว่าทำครั้งเดียวไม่เห็นผลหรอกค่ะ จะต้องอาศัยการทำซ้ำในทุก ๆ เดือน (แล้วแต่เส้นขนของแต่ละคนว่าหนาแค่ไหน จำนวนครั้งของแต่ละคนจึงแตกต่างกัน) นอกจากนี้ ยังมีราคาสูงกว่าวิธีอื่น ๆ อีกด้วย แต่ถ้าเรามองถึงผลลัพธ์ในระยะยาว เช่น การเลเซอร์ไปประมาณ 6 ครั้ง หรือ 6 เดือน ขนก็จะไม่ขึ้นมาอีกเป็นระยะเวลาหลายเดือน – ปีเลยค่ะ (แล้วแต่ละนะคะ) ถือว่าคุ้มเลยทีเดียว

ส่วนวิธีอื่น ๆ อย่างการใช้ครีมกำจัดขน การโกนขน หรือการถอนขน มันช่วยกำจัดขนด้านบนเท่านั้น แค่ชั่วคราวมาก ๆ ค่ะ ขนจะหายไปจากพื้นผิวแค่ไม่กี่วันเท่านั้น แล้วมันก็จะค่อย ๆ ยาวขึ้นมาเป็นปกติให้เราเห็นอีก แถมวิธีเหล่านี้ ก็เสี่ยงทีจะมีปัญหาขนคุด ตามมาด้วยนะคะ

ทั้งนี้ นวัตกรรมการเลเซอร์ขนก็มีอยู่หลายแบบเช่นกัน อาทิ YAG Laser ที่ขึ้นชื่อด้านความแรง ความเจ็บ และการเห็นผลที่ชัดเจน (เจ็บแต่จบ), IPL ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ทั้งการไปรับบริการที่คลินิกเอง หรือการซื้อเครื่องเลเซอร์กำจัดขนมาทำเองที่บ้านก็ตาม (จริง ๆ IPL เป็นลำแสง ไม่ใช่เลเซอร์ แต่มีลักษณะการกำจัดขนที่คล้ายคลึงกัน จึงมักจะถูกจับมาอยู่ในหมวดของเลเซอร์กำจัดขน) และ Diode Laser ที่อยู่ระหว่างนวัตกรรมทั้งสองแบบข้างต้น มีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับ YAG Laser แต่ความเจ็บนับว่าน้อยมาก อีกทั้งเครื่องไดโอดบางรุ่นยังมีฟังก์ชั่นการใช้งานที่น่าสนใจมาก ๆ ค่ะ

MeDioStar ที่สุดของเลเซอร์กำจัดขน 

สำหรับใครที่รู้สึกว่าใช้ครีมกำจัดขนมานานแล้วปัญหาขนมันไม่หายไปสักที อยากให้ขนมันหายไปนาน ๆ ไม่กลับมาอีกในระยะเวลาสั้น ๆ หมอแนะนำให้เลือกกำจัดขนต่าง ๆ ด้วยเลเซอร์ไดโอดเลยค่ะ สำหรับเครื่องเลเซอร์ไดโอดที่ทาง Amara Clinic เลือกใช้มีที่ชื่อว่า MeDioStar สามารถกำจัดรากขนที่หนาบางได้อย่างล้ำลึก ด้วยความยาวคลื่น 810 nm และทำลายเส้นเลือดฝอยที่คอยเลือดรากขนได้อย่างตรงจุด ด้วยความยาวคลื่น 940 nm จึงช่วยยับยั้งการเกิดของขนใหม่ได้สูงถึง 92% เลยทีเดียว