สวัสดีค่ะวันนี้มาพบกับหมอตวง Amara Clinic พร้อมสาระความงามอีกเช่นเคยนะคะ สำหรับในบทความนี้เราจะพูดคุยกันเรื่อง “ปัญหารอยแตกลายสีแดง” ที่เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในปัญหาผิวของสาว ๆ หลายคนเลยทีเดียวค่ะ ซึ่งรอยแตกลายสีแดงสามารถเกิดขึ้นได้หลายบริเวณทั่วร่างกาย อาทิเช่น บริเวณหน้าท้อง ต้นขา ต้นแขน สะโพกและก้น ปัญหาผิวลักษณะนี้ถือว่าเป็นปัญหาผิวที่สามารถรุนแรงและขยายตัวได้ในอนาคต ดังนั้นเพื่อป้องกันก่อนยากเกินแก้ หมอจึงอยากพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ สาเหตุของปัญหารอยแตกลายสีแดง และแนวทางการรักษาที่สามารถช่วยบรรเทาอาการรอยแตกลายให้ดียิ่งขึ้นค่ะ – หมอตวง Amara Clinic
รอยแตกลายสีแดง คืออะไร?
รอยแตกลายสีแดง (Striae rubra) คือรอยแตกลายในระยะแรกที่มีลักษณะเป็นเส้นสีแดงบนผิวหนัง ซึ่งเกิดจากการที่ผิวหนังขยายตัวอย่างรวดเร็ว เช่น คนที่อ้วนขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยลักษณะของรอยแตกลายสีแดงจะมีเส้นเลือดสีแดงหรือสีม่วง สำหรับรอยแตกลายสีแดงถือเป็นช่วงแรกของปัญหารอยแตกลาย สามารถรักษาได้ง่าย แต่หากปล่อยอาจกลายเป็นรอยแตกลายสีขายซึ่งรักษายากมาก ๆ ค่ะ
รอยแตกลายสีแดง เกิดจากอะไร
รอยแตกลายประเภทนี้ถือเป็นระยะเริ่มแรกของรอยแตกลาย หรือ รอยแตกลายใหม่ เกิดจากการยืดขยายตัวอย่างรวดเร็วของผิวหนัง หรือหากให้หมออธิบายอย่างเห็นภาพ คือรอยเหล่านี้เกิดจากการฉีกของผิวหนังที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว จนทำให้เผยเห็นเป็นรอยแตกลายสีแดงขึ้นมา ซึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดการยืดขยายของผิวหนังมักมาจากปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้
พันธุกรรม
ในบางเคสสามารถเกิดรอยแตกลายสีแดงได้จาก ‘สาเหตุทางพันธุกรรม’ เนื่องจากสภาพของผิวที่ถูกส่งทอดมาจากรุ่นพ่อแม่มีความยืดหยุ่นน้อย ในครอบครัวที่มีประวัติผิวแตกลายมาก่อนจึงสามารถเกิดรอยแตกลายขึ้นได้ง่ายในรุ่นลูกค่ะ โดยรอยแตกลายสีแดงจะเริ่มปรากฎให้เห็นในช่วงที่ร่างกายเติบโตเข้าสู่วัยรุ่น
การตั้งครรภ์
สำหรับสาเหตุที่ทำให้เกิดรอยแตกลายสีแดงได้มากที่สุดในผู้หญิงคือ ‘การตั้งครรภ์’ เนื่องจากการตั้งครรภ์ทำให้ผิวหนังขยายตัวใหญ่อย่างรวดเร็ว ทำให้โครงสร้างคอลลาเจนทำงานได้ไม่ปกติและเกิดความเสียหายได้ จึงทำให้คุณแม่หลังคลอดทุกคนล้วนเจอกับปัญหารอยแตกลายสีแดงและรอยแตกลายสีขาว
น้ำหนักขึ้น หรือ ลดลงอย่างรวดเร็ว
เมื่อเริ่มเข้าสู่วัยรุ่นผู้หญิงอย่างเราจะมีความเปลี่ยนแปลงร่างกายอย่างรวดเร็วและเห็นได้ชัด เช่น หน้าอกที่ขยายตัวขึ้น สะโพกที่ผายออก ซึ่งการเติบโตของร่างกายในช่วงวัยรุ่นทำให้มีรอยแตกลายสีแดงเกิดขึ้น ยิ่งในสาว ๆ หลายคนที่รักการกินก็ยิ่งเป็นการไปกระตุ้นให้ร่างกายขยายตัวอย่างรวดเร็ว จึงทำให้บริเวณทั่วร่างกายมีรอยแตกลายกระจายไปตามจุดต่าง ๆ ค่ะ นอกจากนี้ในกลุ่มสาว ๆ ที่อยากผอมจนลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วในเวลาอันสั้น ก็ทำให้เกิดรอยแตกลายได้เช่นกันค่ะ
รอยแตกลายสีแดง ส่งผลเสียอย่างไร
- ทำให้ผิวแลดูไม่เรียบเนียน
- ทำให้ผิวดูมีริ้วรอย
- ส่งผลต่อความมั่นใจในการแต่งตัว
- บ่งบอกถึงปัญหาสภาพผิวภายใน
- สร้างความเสียหายให้โครงสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน
รอยแตกลายสีแดง แม้จะไม่ได้ส่งผลเสียในด้านสุขภาพทีร้ายแรงมากนัก แต่ก็เป็นปัญหาผิวที่กระทบต่อจิตใจและความมั่นใจของสาว ๆ เป็นอย่างมาก เนื่องจากริ้วรอยแตกลายเป็นสิ่งที่สามารถมองเห็นได้ชัดและปกปิดได้ยาก ทำให้ไปลดความมั่นใจใครหลายคนที่ต้องการสวมใส่บิกินี่หรือเสื้อผ้าที่เน้นโชว์ผิว อีกทั้งรอยแตกลายยังทำให้ความเรียบเนียนของผิวขาดหายไปแลดูสุขภาพผิวไม่ดีอีกด้วยค่ะ แต่ถึงอย่างนั้นรอยแตกลายก็ถือว่าเป็นปัญหาที่เกิดได้กับทุกคนและถือว่าเป็นธรรมชาติของคนเรา ดังนั้นใครที่กำลังเจอปัญหานี้อยู่ก็อย่าเครียดหรือกังวลจนบั่นทอนตัวเองเลยนะคะ เพราะหมอตวงมีแนวทางการรักษามาฝากทุกคนแล้วค่ะ
รอยแตกลายแดง VS รอยแตกลายขาว แบบไหนรุนแรงกว่ากัน?
สำหรับความรุนแรงของรอยแตกลายทั้งสองประเภท รอยแตกลายสีขาวจะมีความรุนแรงมากกว่ารอยแตกลายสีแดง การรักษาของรอยแตกลายสีขาวจึงรักษาได้ยากและใช้เวลานานในการรักษามากยิ่งขึ้น ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดรอยแตกลายสีขาว หมอแนะนำให้ผู้ที่เริ่มสังเกตว่าร่างกายของเรามีรอยแตกลายสีแดงขึ้นมา ให้เข้ารักคำแนะนำจากแพทย์ผิวหนังและทำการรักษาที่เหมาะสมกับอาการต่อไปค่ะ เพราะหากปล่อยทิ้งไว้นานจากรอยแดงก็จะกลายเป็นรอยแตกลายสีขาวที่รักษาได้ยากค่ะ
รอยแตกลายสีแดง รักษายังไงให้จางลง
หลาย ๆ คนคงจะเริ่มเข้าใจกันถึงสาเหตุของปัญหารอยแตกลายสีแดงกันมากขึ้นแล้วใช่ไหมคะ ซึ่งต่อไปหมอจะขอพาทุกคนไปลงลึกถึงแนวทางการรักษารอยแตกลายชนิดนี้ให้จางลง โดยทางการแพทย์เราจัดว่ารอยแตกลายสีแดงสามารถรักษาให้จางลงและหายได้ เนื่องจากอาการยังไม่หนักและรักษายากเท่ารอยแตกลายสีขาว ดังนั้นทุกคนที่มีปัญหานี้สามารถอ่านรายละเอียดแนวทางการรักษาได้ที่ข้อมูลด้านล่างนี้เลยค่ะ
การรักษารอยแตกลายสีแดง ด้วยตัวเอง
- ทาครีมบำรุงสม่ำเสมอ – เนื่องจากภายในผิวหนังที่ไม่รับการดูแลอย่างเป็นประจำ จะยิ่งเสี่ยงต่อการสูญเสียความหยืดหยุ่นและเกิดเป็นรอยแตกลายได้ค่ะ ดังนั้นการบำรุงผิวให้มีความชุ่มชื้นอยู่เสมอจะช่วยบรรเทาอาการแตกลางให้จางลงได้ แต่จำเป็นต้องทำเนื่องเป็นเวลานานถึงจะได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นจนสังเกตเห็นค่ะ
- ใช้ยาลดผิวแตกลาย – การเลือกใช้ยาสำหรับลดผิวแตกลายสีแดง สามารถช่วยบรรเทาอาการให้เบาบางลงได้และเห็นผลที่เร็วกว่าวิธีแรกค่ะ แต่หมอขอแนะนำให้ซื้อยารักษากับเภสัชเท่านั้น เพื่อรับคำแนะนำและข้อระวังระหว่างที่ใช้ยาอย่างถูกต้องค่ะ
- ใช้ว่านหางจระเข้ – การใช้ว่านหางจระเข้ถือเป็นการรักษาด้วยสมุนไพรที่ไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียง โดยนิยมนำบริเวณวุ้นสีขาวที่ทำความสะอาดแล้วมาใช้ทาผิว ทิ้งไว้ 20-30 นาทีในช่วงเช้า-เย็นแล้วล้างออก โดยว่านหางจระเข้จะช่วยรักษารอยแตกลายให้ดูจางลงได้
การรักษารอยแตกลายสีแดงจัดได้ว่าเป็นปัญหาผิวที่รักษาได้ยากและต้องใช้เวลานาน หากใครที่ลองทำด้วยวิธีด้านบนแล้วเห็นผลลัพธ์ช้าเกินไป สามารถมาปรึกษาและรับการรักษาด้วย เลเซอร์ และ คลื่น IPL กับหมอตวงที่ Amara Clinic ซึ่งรายละเอียดของการรักษาด้วยเทคนิคทางการแพทย์นั้น สามารถอ่านข้อมูลที่ด้านล่างต่อได้เลยค่ะ
สครับผิว ช่วยลดรอยแตกลายได้ไหม?
การสครับผิวสามารถช่วยลดรอยแตกลายที่เพิ่งเริ่มเป็นได้ค่ะ โดยการสครับจะเป็นการช่วยผลัดเซลล์ผิว ทำให้ผิวบริเวณที่มีรอยแตกลายจางลงแต่ยังคงมองเห็นรอยแตกลายอยู่บ้าง แต่การทำสครับผิวไม่ควรใช้เม็ดสครับที่ใหญ่หรือหยาบเกินไปเพราะจะทำให้ผิวเสียหายได้ค่ะ แต่ถึงอย่างนั้นวิธีนี้ก็ยังคงต้องใช้เวลาในการรักษานานและต้องทำอย่างต่อเนื่อง
Morpheus8 - กระตุ้นการสร้างผิวใหม่ อย่างมีประสิทธิภาพ
การเกิดรอยแตกลายสีแดง เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในชั้นหนังแท้ (Dermis) จึงทำให้การรักษาดัวยครีมเป็นวิธีที่ใช้เวลานาน ทาง Amara Clinic จึงได้มีการให้บริการรักษาริ้วรอยแตกลายด้วย เทคโนโลยีคลื่นความถี่วิทยุ Morpheus8 ที่มีคุณสมบัติในการยกกระชับผิวได้ลึกตั้งแต่ชั้นหนังแท้จนถึงชั้นไขมันใต้ผิวหนัง จึงทำให้ปัญหารอยแตกลายสีแดงที่อยู่ในชั้นหนังแท้ถูกกระตุ้นให้เกิดการสร้างเซลล์ผิวใหม่ อีกทั้งยังสามารถช่วยให้โครงสร้างของคอลลาเจนและอิลาสตินสามารถเรียงตัวกันให้อยู่ในภาวะปกติ จึงทำให้รอยแตกลายจางลงอีกทั้งยังทำให้ผิวบริเวณนั้นมีความกระชับและเรียบเนียนยิ่งขึ้นค่ะ
วิธีการรักษาด้วย Morpheus8
- ก่อนเริ่มทำการรักษาคนไข้จะได้รับการทายาชา
- แพทย์ทำการรักษาในตำแหน่งที่วางแผนไว้
- ระหว่างที่ทำ Morpheus8 คนไข้จะรู้สึกยิบ ๆ ที่ผิว
- แพทย์จะมีการใช้เครื่องเป่าลมเย็นร่วมกับการรักษา เพื่อให้คนไข้สบายผิวยิ่งขึ้น
- เมื่อยิง Morpheus8 ครบทุกจุดที่ต้องการรักษาแล้ว ผิวหนังจะมีความบวมแดงและมีจุดเลือดออกเล็ก ๆ ได้ค่ะ
- เจ้าหน้าที่จะทำการประคบเย็น 20 นาที เพื่อให้ผิวผ่อนคลายและบวมแดงน้อยลง
ลดเลือนรอยแตกลายแดงให้ดียิ่งขึ้นด้วย Lumecca
เพื่อการรักษาลดรอยแตกลายสีแดงให้ดียิ่งขึ้น หมออยากแนะนำให้ทำ Lumecca ร่วมด้วย เนื่องจากแสงกึ่งเลเซอร์ตัวนี้ มีคุณสมบัติในการช่วยรักษาอาการเส้นเลือดที่ปรากฎบนผิว และเผยความกระจ่างใสให้กับผิวได้ดียิ่งขึ้น โดยการทำงานของ Lumecca สามารถให้ผลรักษาที่ดีกว่า IPL ทั่ว ๆ ไปได้มากถึง 3 เท่า ดังนั้นในเคสที่มีปัญหารอยแตกลายสีแดงชัดและเป็นเยอะ จึงควรทำตัวนี้เสริมเพื่อช่วยกำจัดรอยแตกลายแดงให้จางลงได้มากขึ้นกว่าเดิมค่ะ
สำหรับการรักษาด้วย Lumecca จะใช้เวลาในการรักษาประมาณ 15-20 นาทีเท่านั้นค่ะ การรักษาผิวด้วยวิธีนี้จะมีความเจ็บนิด ๆ คล้ายกับการถูกดีดด้วยหนังยาง อาการหลังทำที่พบส่วนใหญ่จะมีความบวมแดงในช่วง 1-2 ชั่มโมงหลังทำ หลังจากนั้นผิวจะค่อย ๆ ฟื้นตัวเองจนเป็นปกติ
ตั้งครรภ์อยู่ ทำเลเซอร์ได้ไหม?
การทำเลเซอร์ยังจัดว่ามีความเสี่ยงต่อสุขภาพของคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ อีกทั้งการใช้เลเซอร์ก็มีหลายประเภทที่ถูกนำมาใช้ในการรักษาผิวพรรณ หมอจึงขอแนะนำให้คนที่ตั้งครรภ์ระเว้นจากการใช้เลเซอร์ไปก่อนจะเป็นการดีที่สุดค่ะ แต่ถ้าหากมีความกังวลกลัวว่าจะมีรอยแตกลายหลังคลอด สามารถป้องกันได้ดังนี้ค่ะ
- เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์และมีสารอาหารครบถ้วน
- ควรอาบน้ำอุณหภูมิปกติเป็นประจำ
- เล่นโยคะและบริหารร่างกายเป็นประจำ
- ทาครีมบำรุงผิวที่เหมาะสำหรับหญิงตั้งครรภ์
- เมื่อมีอาการคันที่หน้าท้อง ไม่ควรเกาเพราะจะไปกระตุ้นให้เกิดรอยแตกลายมากขึ้น
วิธีป้องกันไม่ให้เกิด รอยแตกลายสีแดง
- ควบคุมน้ำหนักให้มีความเสถียร – การควบคุมน้ำหนักไม่ให้ขึ้นลงบ่อยหรือรวดเร็วจนเกินไป จะช่วยให้ผิวหนังของเราไม่ถูกขยายเร็วจนทำให้โครงสร้างใต้ชั้นผิวหนังเสียหาย อีกทั้งการลดน้ำหนักอย่างผิดวิธีก็สามารถทำให้เกิดรอยแตกลายได้เช่นกันค่ะ อีกทั้งยังทำให้เกิดปัญหาผิวหย่อนคล้อยได้อีกด้วยค่ะ
- ออกกำลังกายเป็นประจำ – การออกกำลังกายจะช่วยเพิ่มความกระชับให้กับผิวหนัง ลดโอกาสเกิดปัญหารอยแตกลายสีแดง และยังทำให้สามารถช่วยควบคุมน้ำหนักได้ดีอยู่เสมอ ยังช่วยทำให้ร่างกายภายในทำงานได้เป็นปกติและลดการสะสมของไขมัน
- ทานวิตามิน c – การทานวิตามิน c ให้ครบ 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน ถือเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ร่างกายและผิวพรรณมีสุขภาพที่ดีขึ้น โดยวิตามิน c สามารถช่วยเสริมสร้างคอลาเจนให้กับร่างกาย ซึ่งคอลลาเจนเป็นเส้นใยที่มีความสำคัญในการเชื่อมเนื้อเยื่อไว้ด้วยกัน ร่างกายที่ได้รับวิตามิน c เพียงพอจึงมีผิวที่มีความหยืดหยุ่นและเกิดรอยแตกลายได้ยากขึ้น
- พบแพทย์ผิวหนังทุกปี – การพบแพทย์ผิวหนังในทุก ๆ ปี จะช่วยให้ผิวพรรณได้รับการดูและอย่างถูกวิธีมาสม่ำเสมอ ทำให้โอกาสที่ผิวจะเสียหายจนเกิดการแตกลายเป็นไปได้น้อยลง ซึ่งที่ Amara Clinic เราได้มีบริการด้านผิวพรรณ หากท่านใดที่ต้องการรับคำแนะนำเพิ่มเติม สามารถเข้ามาปรึกษากับหมอตวงได้เสมอเลยนะคะ
บทความที่เกี่ยวข้อง
สรุป
ปัญหารอยแตกลายสีแดง แม้จะเป็นอาการรอยแตกลายระยะแรก แต่ก็ไม่ควรนิ่งนอนใจจนทำให้ปัญหานี้กลายเป็นรอยแตกลายสีขาวที่แก้ได้ยาก ซึ่งแนวทางการรักษาที่หมอได้แนะนำไปเบื้องต้น เป็นเทคนิคการรักษาที่มีประสิทธิภาพและให้ผลลัพธ์ตรงตามความคาดหวังของคนไข้ แต่ถ้าหากท่านใดไม่มั่นใจว่าตนเองควรรักษารอยแตกลายสีแดงด้วยวิธีไหน สามารถสอบถามเพิ่มเติมผ่านเจ้าหน้าที่ได้ทาง LINE : @amaraskin หรือจะนัดคิวเข้ามาพบกับหมอก็ได้เช่นกันค่ะ