หน้าเด็กสร้างได้! โบท็อกลิฟหน้า เห็นผลภายในกี่วัน?

โบท็อกลิฟหน้า

“โบท็อก” ตัวช่วยยกกระชับผิวหน้าให้สวยเด้งดั่งใจ ขึ้นชื่อเรื่องความเรียวคมของกรอบหน้า ถ่ายมุมไหนออกมาก็ดูดี เป็นหนึ่งในวิธีแช่แข็งผิวหน้าเยาว์วัยของสาว ๆ ให้คงอยู่ไปนาน ๆ ซึ่งการใช้โบท็อกลิฟหน้า ก็คือการใช้ตัวยาที่เรียกว่าโบท็อก ฉีดเข้าไปเพื่อยกกระชับผิวหน้าให้เต่งตึงขึ้นนั่นเองค่ะ ปัจจุบัน เจ้าตัวนี้ก็เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย เพราะปลอดภัยและไม่จำเป็นต้องพักฟื้นอะไร แต่สาว ๆ หลายคนก็อาจจะยังมีคำถามอยู่ใช่มั้ยคะ ว่าโบท็อกลิฟหน้า สามารถเสกใบหน้าให้สวยคมเหมือนสาวฝรั่งได้ไหม? ทำแล้วเด็กลงเป็นสิบปีจริงหรือเปล่า? ทำโบท็อกลิฟหน้ากี่วันถึงจะเห็นผล? วันนี้ หมอตวง (แพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนัง Amara Clinic) จะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับโบท็อกกันค่ะ

face-lifting

โบท็อก หรือ โบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ (Botulinum Toxin A) เป็นสารที่สกัดมาจากแบคทีเรีย คลอสตริเดียม โบทูลินัม (Clostridium Botulinum) เพื่อนำมาใช้ในทางการแพทย์ ตัวยาโบท็อกจะทำงานโดยออกฤทธิ์ทำให้กล้ามเนื้อบางส่วนอ่อนแรงหรือเป็นอัมพาตไปชั่วขณะหนึ่ง เพราะถูกยับยั้งการหลั่งสารสื่อประสาท ผลลัพธ์จะคงอยู่ไปอีกราว ๆ ไม่เกินหนึ่งปี ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองและการใช้ชีวิตประจำวันของคนไข้ด้วยนะคะ

ผลข้างเคียงหลังการฉีดโบท็อก อันตรายไหม หน้าตึงจริงหรือเปล่า?

อย่างที่หมอได้กล่าวไปว่า ปัจจุบัน หลาย ๆ สถานพยาบาลหรือคลินิกต่างก็มีบริการฉีดโบท็อกกันเยอะมาก ๆ ผลข้างเคียงส่วนใหญ่ในการฉีดโบท็อกลิฟหน้าจะมีเพียงอาการ บวมแดงหรือช้ำบนบริเวณที่ฉีดตัวยา ด้วยฤทธิ์ยาที่ทำให้กล้ามเนื้อหดตัวหรือเป็นอัมพาต หลังฉีดจึงจะรู้สึกว่ากล้ามเนื้อส่วนนั้นตึง ไม่สามารถขยับได้เท่าที่ควร ในกรณีนี้ ขึ้นอยู่กับความชำนาญของแพทย์และปริมาณยูนิตที่ฉีดค่ะ หากเป็นการรักษาในเชิงการแพทย์โดยเฉพาะ อย่างการฉีดโบท็อกลดเหงื่อที่เท้า จะต้องฉีดในปริมาณมากกว่าการฉีดเพื่อเสริมความงาม ซึ่งอาจสูงถึง 150 ยูนิต ทำให้โอกาสที่จะเกิดกล้ามเนื้อตึงสูงกว่าและอาจมีผลยาวนานกว่าการฉีดเพื่อความงามค่ะ หากเป็นการฉีดโบท็อกลิฟหน้า ก็ต้องทำการประเมินและพูดคุยกับแพทย์ก่อน เพื่อตรวจสอบใบหน้าของเราว่าควรฉีดส่วนไหน ปริมาณเท่าไหร่ จึงจะเหมาะสมกับรูปหน้าของเรา ทำแล้วออกมาสวย ออกมาพอดี ก็จะช่วยลดโอกาสที่ทำให้หน้าตึงหลังฉีดได้ค่ะ หากไม่มั่นใจว่าต้องฉีดกี่ยูนิต หรือต้องฉีดตรงไหน เข้ามาพูดคุยกับหมอที่ Amara Clinic ได้นะคะ!

โบท็อก ทำอะไรได้บ้าง?

ในทางการแพทย์ โบท็อกถูกนำมาใช้ประโยชน์หลายอย่างมากเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการฉีดโบท็อกลดเหงื่อที่เท้า ฉีดโบท็อกรักษาโรคคอบิดเกร็ง รักษาอาการกลิ่นเหงื่อรักแร้รุนแรง โรคหนังตากระตุก ภาวะตาเหล่หรือตาเข ภาวะปวดไมเกรนเรื้อรัง หรือจะเป็นภาวะกระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวเกิน ก็สามารถนำโบท็อกมารักษาได้ แต่ในด้านความสวยความงาม โบท็อกลิฟหน้า เป็นหนึ่งในหัตถการที่ขึ้นชื่อมากในวงการค่ะ นอกจากจะช่วยให้ผิวหน้าของเรากระชับเต่งตึงและมีกรอบหน้าชัดแบบไม่พึ่งมีดหมอ โบท็อกลิฟหน้ายังสามารถหมายถึงการแก้ไขริ้วรอยต่าง ๆ ได้อย่างตรงจุดอีกด้วยค่ะ

โบท็อกลิฟหน้า ใช้กี่ยูนิต? เหมือนฉีดโบลดกรามไหม?

ทั้งสองแบบจะมีความแตกต่างกันในส่วนของจุดประสงค์เท่านั้นค่ะ โบท็อกลิฟหน้า คือ การฉีดแบบเน้นยกกระชับใบหน้าส่วนใต้คางและบริเวณคอ ทำให้กรอบหน้าชัดมากขึ้นและดึงแก้มให้น้อยลง ซึ่งจะใช้ปริมาณไม่เกิน 30 ยูนิตเท่านั้น แต่การฉีดโบลดกราม จะฉีดเพื่อลดขนาดของกล้ามเนื้อบริเวณสันกรามในปริมาณของโบท็อกไม่เกิน 35 ยูนิต ทำให้รูปหน้าเปลี่ยนเป็นเรียวสวยขึ้น โครงหน้าของเราก็จะไม่เหมือนเดิมค่ะ เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหากรามใหญ่จากกล้ามเนื้อ ถ้ากรามใหญ่จากไขมันก็จะไม่สามารถใช้โบท็อกรักษาได้ค่ะ

โบท็อก

หลังฉีด โบท็อกลิฟหน้า กี่วันเห็นผล?  

โบท็อกลิฟหน้า จะออกฤทธิ์อย่างเร็วสุดประมาณ 2-3 วัน และจะเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจนภายใน 2 สัปดาห์ค่ะ หน้าของเราจะดูคมขึ้น กรอบหน้าชัด แก้มน้อยลง ทำให้ใบหน้าดูมีมิติ ไม่หย่อนคล้อย 

ลิฟหน้าด้วยโบท็อก อยู่ได้นานไหม?  

ในส่วนนี้จะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างมาก ๆ ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเทคนิคการฉีด ชนิดของโบท็อกที่เลือกใช้ และที่สำคัญคือการดูแลตัวเองของคนไข้ด้วย แต่โดยปกติโบท็อกลิฟหน้าสามารถอยู่ได้นานถึงหนึ่งปีเลยค่ะ คนไข้สามารถกลับมาฉีดซ้ำได้หากต้องการให้ผลลัพธ์อยู่นานขึ้น แต่ต้องเว้นระยะด้วย เพราะถ้าฉีดบ่อยหรือถี่เกินไปก็จะทำให้มีอาการดื้อโบท็อกได้ค่ะ พอฉีดซ้ำก็จะไม่เห็นผลเลยก็มี

การเตรียมตัวก่อนฉีดโบท็อกลิฟหน้า

แน่นอนว่าสาว ๆ ทุกคนต้องการผลลัพธ์ที่ถูกใจที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ใช่มั้ยคะ เพราะฉะนั้น เราต้องเริ่มเตรียมตัวตั้งแต่ก่อนฉีดโบท็อก เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลข้างเคียงตามมา ทำให้โบท็อกลิฟหน้าได้ดี เห็นผลชัดเจน และปลอดภัยด้วย นอกจากนี้ก็ยังต้องเลือกคลินิกที่น่าเชื่อถือและได้มาตรฐาน ที่ Amara Clinic หมอจะทำการเปิดขวดยาให้คนไข้ตรวจก่อนฉีด คนไข้สามารถสแกนที่ข้างกล่องยาเพื่อเช็คว่าเป็นโบท็อกของแท้หรือปลอมได้ หายห่วงแน่นอนค่ะ

  1. งดการรับประทานยา วิตามิน หรืออาหารเสริมใด ๆ ที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด หรือยาแก้อักเสบชนิดไม่ใช่สเตอรอยด์ (NSAIDs) ตัวอย่างเช่น ยาแอสไพริน ไอบูโพรเฟน วิตามินอี น้ำมันปลา แปะก๊วย ก่อนฉีดโบท็อกลิฟหน้าเป็นเวลา 2 สัปดาห์
  2. งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ก่อนฉีดโบท็อกลิฟหน้าอย่างน้อย 7 วัน
  3. งดใช้ยาทากลุ่มกรดวิตามิน A หรือ AHA บนผิวหน้า และงดการสครับหรือขัดผิวหน้าเป็นเวลา 1-2 วันก่อนการฉีด

ข้อควรระวัง : คนไข้ที่กำลังตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร หรือบุคคลที่มีความผิดปกติทางกล้ามเนื้อและระบบประสาท ไม่ควรรับการฉีดโบท็อกโดดเด็ดขาด

การดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อกลิฟหน้า

โบท็อกลิฟหน้าจะใช้เวลาในการทำหัตถการเพียง 10-20 นาทีเท่านั้น โดยจะมีการประคบเย็น ฉีดยาทา หรือแปะยาชา คนไข้สามารถเดินทางกลับบ้านได้เลยหลังทำเสร็จ แต่ต้องดูแลตัวเองอย่างเคร่งครัดตามแนะนำของแพทย์ เพื่อให้ตัวยาคงอยู่ได้นานขึ้น ไม่สลายเร็วค่ะ

ข้อห้ามหลังฉีดโบท็อกลิฟหน้า

  1. งดการนอนราบและนอนตะแคง 4 ชั่วโมง เพราะการขยับหรือกดทับใบหน้าอาจทำให้ตัวยากระจายตัวไปยังกล้ามเนื้อส่วนอื่นที่เราไม่ต้องการได้ ภายใน 24 ชั่วโมงให้นอนหงายบนหมอนสูงแทนค่ะ
  2. ห้ามสัมผัสหรือนวดคลึงใบหน้า โดยเฉพาะบริเวณที่ฉีดโบท็อกเข้าไปค่ะ เหตุผลเดียวกับข้อแรกคือจะทำให้โบท็อกไหลไปยังกล้ามเนื้อส่วนอื่น ๆ ให้งดการนวดหรือกดใบหน้าในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก เพื่อให้ยาดูดซึมเข้ากล้ามเนื้อได้เต็มที่
  3. หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ที่มีอากาศร้อนจัด อย่างแสงแดดจ้า ซาวน่าหรือเตาทำอาหาร 4 ชั่วโมงหลังการฉีดโบท็อก เพราะจะทำให้ตัวยาสลายเร็วได้ค่ะ
  4. งดการทำกิจกรรมที่ทำให้ร่างกายเคลื่อนไหวมาก เช่น การออกกำลังกาย การเล่นโยคะ การวิ่ง เป็นเวลา 4 ชั่วโมงหลังการฉีดโบท็อก
  5. งดการใช้ยาทา ยาทาน และอาหารที่อาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิว เช่น AHA วิตามินซี ยาแก้ปวด ยาแก้อักเสบ ยาที่มีส่วนผสมของขิง ข่า แปะก๊วย โสม กระเทียม หรือสมุนไพรที่ทำให้ร่างกายภายในร้อนกว่าปกติ รวมไปถึงงดดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ อาหารรสจัดและของหมักดอง เป็นเวลาอย่างน้อย 1 สัปดาห์หลังการฉีดโบท็อกลิฟหน้า
  6. คนไข้สามารถแต่งหน้าหรือใช้สกินแคร์ได้ตามปกติหลัง 24 ชั่วโมง แต่ต้องระมัดระวังไม่ให้ใช้แรงมากเกินไป

คำแนะนำหลังฉีดโบท็อกลิฟหน้า

  1. ขยับกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดทุก 1-2 ชั่วโมง เพื่อให้ตัวยากระจายเข้าสู่กล้ามเนื้อได้เร็วขึ้น
  2. ประคบเย็นอย่างเบามือเพื่อให้รอยนูนจากการฉีดโบท็อกลิฟหน้าหายเร็วขึ้นได้ แต่ปกติจะหายไปเองภายใน 2-3 ชั่วโมงหลังการฉีดค่ะ

โบท็อกนั้นจัดเป็นตัวยาที่ใช้ในทางการแพทย์ โดยที่แพทย์ต้องมีความชำนาญเฉพาะทางเพื่อที่จะได้ประเมินร่างกายของคนไข้ และจัดทำแผนการรักษาอย่างถูกต้อง เพื่อให้การฉีดโบท็อกตั้งแต่ต้นจนจบเป็นไปด้วยความปลอดภัยของคนไข้ หลังจากการฉีดแล้ว หากพบความผิดปกติของผิวหรือกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีด คนไข้ควรกลับมาพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยอย่างละเอียดได้เลยค่ะ หมอตวงพร้อมให้คำแนะนำและคำปรึกษาทั้งก่อนและหลังการฉีดโบท็อกลิฟหน้าเลยค่ะ!

ข้อดีและข้อเสีย โบท็อกลิฟหน้า

ข้อดีของโบท็อกลิฟหน้า

ข้อเสียของโบท็อกลิฟหน้า

เห็นผลรวดเร็ว ภายในไม่เกิน 1 เดือน

มีผลข้างเคียงง่ายกว่าเลเซอร์ เช่น ปวดหัว ปวดบริเวณที่ฉีด กล้ามเนื้อขยับได้ยาก

ไม่ต้องพักฟื้นเหมือนการผ่าตัด

หลังฉีดอาจทำให้กล้ามเนื้อตึง จนแสดงสีหน้าได้ไม่เหมือนเดิม แต่สามารถหายไปได้เอง

มีผลการวิจัยรับรองจำนวนมาก

ผลลัพธ์ไม่ถาวร ต้องกลับมาฉีดซ้ำ

ราคาไม่สูงเท่าการผ่าตัดหรือทำเลเซอร์

หากฉีดบ่อย อาจทำให้เกิดอาการดื้อโบได้

สรุป

       เป็นยังไงกันบ้างคะกับบทความในวันนี้ หมอหวังว่าสาระความรู้ที่หมอนำมาฝากจะทำให้สาว ๆ หรือหนุ่ม ๆ ที่กำลังสนใจโบท็อกลิฟหน้าได้ความรู้เกี่ยวกับการฉีดโบท็อกเพิ่มขึ้นนะคะ ใครที่อยากลิฟหน้า แต่ไม่แน่ใจว่าจะลิฟหน้าส่วนไหน อยากกลับไปหน้าเด็กเหมือนย้อนเวลา ทำหัตถการโดยแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนัง ไว้ใจได้เรื่องการยกกระชับผิวหน้าอย่างปลอดภัย สามารถเข้ามาปรึกษาพูดคุยและประเมินปัญหาเบื้องต้นกับ หมอตวง ได้ที่ Amaraaesthetic นะคะ

ปรึกษาแพทย์ ฟรี!


แพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนัง

พญ.ภคกมล ตุ้มสุทธิ (หมอตวง)

ลงทะเบียนปรึกษาฟรี!


    ใส่ความเห็น