เรื่อง ‘สิว’ เป็นปัญหาผิวพรรณกวนใจที่ใคร ๆ ก็ไม่อยากเจอ โดยเฉพาะในวัยรุ่นไปจนถึงวัยทำงาน นอกจากจะทำให้เรากลุ้มใจกับสิวที่มันปูดนูนออกมาจนทำให้หมดความมั่นใจ ยังมีปัญหาที่ตามมาหลังจากสิวหายแล้ว นั่นก็คือ ‘รอยแดงจากสิวและรอยดำจากสิว’ โดยบริเวณที่สามารถพบได้บ่อยนั่นก็คือ รอยสิวที่หน้า หน้าอก และที่หลัง ซึ่งถ้าหากเป็นรอยสิวใหม่ก็ยังสามารถรักษาให้หายได้อย่างรวดเร็ว แต่ถ้าหากเป็นรอยสิวที่สะสมนาน ก็รักษาให้หายได้ยากขึ้นค่ะ วันนี้หมอตวง (พญ.ภคกมล ตุ้มสุทธิ แพทย์เฉพาะทางผิวหนังประจำ Amara Clinic) จะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับรอยสิว ทั้งสาเหตุของรอยแดงจากสิว และรอยดำจากสิว รวมไปถึงวิธีลดรอยสิวเร่งด่วน ด้วย 2 เทคโนโลยีอันทันสมัย ซึ่งเป็นการรักษารอยสิวที่เห็นผลจริงและรวดเร็วค่ะ
ก่อนจะไปเรื่องของการลดรอยสิวเร่งด่วนกัน เรามาดูสาเหตุของการเกิดสิวกันก่อนค่ะ ปัญหาสิว (Acne) เกิดจากรูขุมขนที่เกิดการอุดตันจากคอมีโดน (Comedones) ซึ่งเป็นสารเหนียวที่เกิดจากการรวมตัวของน้ำมัน, ขนอ่อน, เชื้อแบคทีเรีย รวมถึงเซลล์ผิวที่ตายแล้ว จนทำให้อักเสบและเกิดเป็นสิว ซึ่งมีลักษณะเป็นตุ่มผิวหนังอักเสบ มีอาการบวมแดง หรือมีหนองอยู่ในสิว โดยส่วนมากแล้ว สิวจะเกิดได้ตามจุดต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น สิวที่ใบหน้า, หนังศีรษะ, ลำคอ, หน้าอก, ไหล่ และแผ่นหลังค่ะ
สิวสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลัก ๆ นั่นก็คือ สิวอุดตัน (กดแล้วไม่เจ็บ) ได้แก่ สิวไม่มีหัว, สิวหัวดำ, สิวหัวขาว, สิวผด และสิวเสี้ยน และอีกประเภทคือ สิวอักเสบ ซึ่งเป็นสิวที่เวลาเราใช้มืดกดแล้วจะรู้สึกเจ็บ จะมีลักษณะเป็นเม็ดสิวบวมแดง บางรายอาจมีการอักเสบมากจนเกิดเป็นเม็ดสิวขนาดใหญ่ หรือเรียกว่า สิวหัวช้าง หรือในบางรายอาจมีตุ่มหนองอยู่ในสิวอักเสบได้
สำหรับสาเหตุของการเกิดสิวนั้นอาจมีได้หลายปัจจัย เช่น การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวัยรุ่น ปัจจัยต่อ ๆ มาคือ การรับประทานอาหารที่มีไขมันและน้ำตาลสูง, การล้างหน้าไม่สะอาด, อาการระคายเคืองและการอุดตันผิวจากการใช้เครื่องสำอาง, แพ้ครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมบางชนิดที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองและอุดตันผิว, อากาศและมลภาวะ หรือเกิดจากความเครียดสะสม จนทำให้นอนดึกและพักผ่อนน้อย เป็นต้นค่ะ ซึ่งหากเกิดสิวแล้ว ทางที่ดี หมอแนะนำให้ดูแลผิวพรรณและทำการรักษาสิวอย่างถูกวิธี เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดสิวเพิ่มขึ้นและรอยแผลเป็นจากสิวค่ะ
เรื่องน่ารู้! ของหวาน = เป็นสิว
อาหารประเภทแป้งและน้ำตาล จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น ส่งผลให้อนุมูลอิสระและระดับฮอร์โมนอินซูลินเพิ่มสูงขึ้นไปด้วย ทำให้การอักเสบเกิดขึ้นในร่างกาย รวมไปถึงที่ผิวหนัง จนเกิดการกระตุ้นการผลิตน้ำมันในผิวหนัง ซึ่งเป็นอาหารชั้นดีของเชื้อโรคที่ทำให้เกิดสิวนั่นเองค่ะ ดังนั้น การลดปริมาณอาหารหวานและน้ำตาล จะช่วยลดโอกาสการเกิดสิวได้ค่ะ
ที่มาของ ‘รอยแดงจากสิว รอยดำจากสิว’
ภายหลังจากการเกิดสิว แน่นอนค่ะว่าย่อมมีร่องรอยตามมา อย่างรอยสิวที่เป็นหลุม หรือหลุมสิว และรอยสิวเรียบ นั่นก็คือ รอยแดงจากสิว และรอยดำจากสิว ซึ่งรอยสิวนี้เองเป็นผลมากจากการกระบวนการฟื้นฟูผิว และสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ ซึ่งทั้ง 2 ชนิดของรอยสิวนี้มีที่มาที่ไป เดี๋ยวเรามาดูกันค่ะว่า รอยแดงจากสิวและรอยดำจากสิว เกิดจากอะไร
ขอบคุณภาพประกอบจาก : herocosmetics.us
รอยแดงจากสิว
รอยแดงจากสิว หรือ Post-inflammatory Erythema (PIE) เกิดจากการอักเสบของผิวหนังเมื่อเป็นสิว มีลักษณะรอยจุดแดงหรือชมพู โดยเมื่อร่างกายเริ่มมีการฟื้นฟูเกิดขึ้น ก็จะเพิ่มการไหลเวียนของโลหิตไปยังบริเวณผิวหนังที่มีการอักเสบ เพื่อซ่อมแซมเนื้อเยื่อบริเวณนั้น รวมไปถึงมีการขยายตัวและการแตกตัวของเส้นเลือดฝอย ทำให้บริเวณที่เป็นสิวมีสีแดง เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก เริ่มมีการสร้างเนื้อเยื่อขึ้นใหม่ รอยเหล่านี้ก็จะหายไปได้เอง แต่อาจใช้เวลา 2-3 เดือน ซึ่งในบางคนอาจเห็นว่ามีรอยแดงจากสิวที่คงอยู่นาน ไม่หาย นั่นอาจเป็นเพราะเกิดการกระตุ้นให้เกิดการอักเสบอยู่เรื่อย ๆ แบบเรื้อรังค่ะ เช่น การแกะ บีบ เกา หรือใช้มือจับสิวบ่อย ๆ รวมไปถึงดูแลผิวพรรณอย่างไม่เหมาะสม เช่น การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง, การล้างหน้าบ่อย ๆ แรง ๆ หรือการสครับผิวค่ะ
รอยดำจากสิว
รอยดำจากสิว หรือ Post-inflammatory Hyperpigmentation (PIH) เกิดขึ้นหลังจากสิวอักเสบหายดีแล้ว หรือในรายที่บีบและแกะสิว จนทำให้การอักเสบของสิวนั้นไปกระตุ้นการสร้างเม็ดสีเมลานินเพิ่มมากขึ้น รวมไปถึงปัจจัยต่าง ๆ ที่กระตุ้นการสร้างเม็ดสี เช่น การโดนแสงแดดจัด ๆ เป็นเวลานาน ๆ และส่วนมากมักจะพบรอยดำจากสิวในคนที่มีสีผิวเข้มได้มากกว่า สำหรับรอยดำจากสิวเป็นรอยสิวที่รักษาได้ยากกว่ารอยแดงจากสิว ดังนั้น หมอแนะนำให้รักษารอยสิวตั้งแต่เนิ่น ๆ ดูแลผิวพรรณให้ถูกวิธี และหลีกเลี่ยงแสงแดด ซึ่งเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้รอยดำจากสิวเพิ่มความเข้มมากขึ้น และควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 PA+++ ขึ้นไปก่อนออกจากบ้านค่ะ
เคล็ดลับผิวสวย ไร้รอยสิวที่หน้า
สำหรับคนที่กำลังเป็นสิวและมีรอยแดงจากสิว และรอยดำจากสิว สิ่งที่สำคัญที่สุดนั่นก็คือ การดูแลตัวเองค่ะ โดยหมออยากให้โฟกัสไปที่เรื่องความสะอาดของผิวพรรณ ระมัดระวังไม่ให้เกิดการระคายเคืองและเกิดการอักเสบมากขึ้นบริเวณที่เป็นสิว และต้องดูแลตัวเองจากภายในด้วยการเอาใจใส่เรื่องอาหารการกิน รวมถึงการพักผ่อนให้เพียงพอค่ะ
- หลีกเลี่ยงการแกะ เกา บีบสิว จะทำให้สิวยิ่งอักเสบ เกิดเป็นรอยแดงจากสิว รอยดำจากสิวได้ และกระตุ้นทำให้เกิดสิวบริเวณข้างเคียง
- ใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่อ่อนโยนกับผิว หรือสูตรสำหรับคนเป็นสิว
- หากเป็นสิว หรือมีแผลเปิดจากสิว ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผลัดเซลล์ผิว เพราะอาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองและอักเสบมากขึ้น
- หากต้องการใช้ยาทาสิว ควรปรึกษาเภสัชกร หรือเข้ารับการรักษากับแพทย์ผิวหนังเฉพาะทาง
- เลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะสมกับสภาพผิว ไม่มีแอลกอฮอล์ สูตรอ่อนโยน ไม่มีน้ำหอม หรือสารที่ก่อให้เกิดอาการคะคายเคือง
- หากมีแผลเปิดที่เกิดจากสิว ไม่ควรทาครีมใด ๆ ลงบนแผลโดยตรง เพราะอาจทำให้แผลติดเชื้อและอักเสบมากขึ้น
- รับประทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ แต่ให้ลดปริมาณอาหารประเภทไขมันและน้ำตาล
- ดื่มน้ำเยอะ ๆ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงหลีกเลี่ยงความเครียด
รักษารอยสิวด้วยครีมบำรุง
โดยปกติแล้ว การเกิดรอยแดงจากสิวและรอยดำจากสิว สามารถหายได้เองตามธรรมชาติ เพียงแต่ต้องอาศัยระยะเวลาค่อนข้างนานพอสมควรเลยค่ะ สำหรับรอยแดงจากสิวจะค่อย ๆ ลดเลือนได้เองใน 6-9 เดือน ส่วนรอยดำจากสิวนั้นจะลดเลือนในระยะเวลา 3-6 เดือน (ขึ้นอยู่กับสีผิวของแต่ละคน หากมีผิวเข้มก็จะหายได้ช้ากว่าสีผิวอ่อน) แต่ลำพังจะรอให้รอยสิวที่หน้าหายไปเองก็ต้องรอนาน หมอจึงแนะนำให้ลองใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยบำรุงรักษารอยสิวให้หายได้เร็วขึ้นค่ะ
- สำหรับรอยแดงจากสิว แนะนำให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Vitamin C, Niacinamide, Vitamin E, หรือสารสกัดจากว่านหางจระเข้ และ Hyaluronic Acid ที่ช่วยคงความชุ่มชื่นให้ผิว และปรับสีผิวให้รอยแดงจากสิวค่อย ๆ ลดเลือนลง
- สำหรับรอยดำจากสิว ควรทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง และใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารผลัดเซลล์ผิวอาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง เช่น AHA และ BHA รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่สามารถทาบำรุงได้ทุกวัน เช่น Vitamin C, Vitamin A และ Niacinamide
ลดรอยสิวเร่งด่วนที่ Amara Clinic
การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ช่วยรักษารอยสิว อาจต้องอาศัยระยะเวลากันสัก 1-2 เดือนขึ้นไป ถึงจะช่วยให้ลดเลือนรอยสิวได้ หรือในบางรายที่มีปัญหารอยแดงจากสิวและรอยดำจากสิวค่อนข้างเยอะ รักษารอยสิวด้วยตัวเองแล้วไม่ค่อยเห็นผล หมอก็แนะนำให้ใช้วิธีรักษารอยสิวทางการแพทย์ ด้วยโปรแกรมลดรอยสิวเร่งด่วน จาก 2 เทคโนโลยี นั่นก็คือ Pico Laser และ Lumecca ค่ะ
ลดรอยสิวเร่งด่วน ด้วย Pico Laser
Pico Laser คือ เครื่องเลเซอร์ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี Picosecond Laser โดยการปล่อยแสงเลเซอร์ออกมาในช่วงระยะเวลาที่สั้นมาก ๆ ในเวลา 1 picosecond ต่อ 1 ช็อต (1 picosecond = 1 ในล้านล้านวินาที) ซึ่งมีความจำเพาะสูงต่อเม็ดสีทั้งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เช่น ฝ้า กระ จุดด่างดำ รอยแดงจากสิว รอยดำจากสิว หลุมสิว รูขุมขนกว้าง รวมไปถึงรอยสักหลากสี ส่งผลให้เกิดการกระจายตัวของเม็ดสีผิวให้มีขนาดอนุภาคที่เล็ก เมื่อเม็ดสีกระจายตัวเป็นผงเล็ก ๆ แล้วจะถูกกำจัดออกจากร่างกายได้ง่ายและไวขึ้น รวมไปถึงยังมีผลช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยทำให้ผิวพรรณสดใสเรียบเนียน เป็นวิธีการลดรอยสิวเร่งด่วนที่หมอแนะนำเลยค่ะ โดยหลังทำจะไม่มีสะเก็ดทิ้งเอาไว้เหมือนเลเซอร์รุ่นอื่น ๆ หรือในบางกรณีอาจมีการตกสะเก็ดได้บ้างเพียงเล็กน้อย และหลังทำคนไข้สามารถแต่งหน้าได้ตามปกติเลยค่ะ
ลดรอยสิวเร่งด่วน ด้วย Lumecca
วิธีลดรอยสิวเร่งด่วนต่อมาคือ Lumecca เป็นนวัตกรรมแสงกึ่งเลเซอร์ ซึ่งจะใช้เทคโนโลยี Intense Pulsed Light หรือที่หลาย ๆ คนรู้จักในชื่อย่อ IPL แต่ Lumecca จะใช้พลังงานที่เข้มข้นกว่า IPL ทั่ว ๆ ไปถึง 3 เท่า และปล่อยพลังงานแบบ Highest Peak Power ที่มีคุณสมบัติช่วยลดเลือนเม็ดสีที่ผิดปกติได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยหลักการทำงานของเครื่องนี้คือ เมื่อส่งพลังงานลงสู่ชั้นผิวที่ต้องการทำการรักษารอยสิวแล้ว จะไปทำปฏิกิริยากับเม็ดสีนั้นอย่างเฉพาะเจาะจง หลังจากนั้นเม็ดสีต่าง ๆ ที่อยู่ใต้ผิวก็จะดูดซับแสงที่ปล่อยลงไป และค่อย ๆ ถูกทำลายให้จางหายไป ช่วยรักษารอยแดงจากสิวและรอยดำจากสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยหลังทำจะเห็นผลชัดเจนหลังจากที่ทำการรักษาประมาณ 2 สัปดาห์ ซึ่งหมอแนะนำให้ทำประมาณ 2-5 ครั้ง (ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล) และควรเว้นระยะห่างในแต่ละครั้งอย่างน้อย 3-4 สัปดาห์ หรือ 1 เดือนค่ะ
ผลลัพธ์ที่ได้ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
บทความที่น่าสนใจ
- ริ้วรอยร่องลึก ปัญหากวนใจที่ทำให้ผิวแก่ แก้ไขอย่างไรให้ผิวเรียบเนียน อ่อนกว่าวัย อ่านเพิ่มเติมได้ที่ ริ้วรอยบนใบหน้า
- จุดด่างดำ ทำให้สีผิวไม่สม่ำเสมอ พบวิธีจัดการรอยดำอย่างอยู่หมัดได้ที่ รอยดำ ปัญหาผิวสุดกวนใจ
สรุป
ปัญหาเรื่องรอยแดงจากสิว รอยดำจากสิว สามารถรักษาได้ แต่จะดีกว่าถ้าเราป้องกันรอยสิวที่หน้าด้วยการดูแลผิวพรรณ เพื่อลดโอกาสการเกิดสิว และเมื่อเกิดสิวแล้วก็ไม่ควรบีบ เกา แกะสิว ซึ่งเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้รอยสิวเป็นรุนแรงขึ้น สำหรับใครที่กังวลเรื่องรอยสิวอยู่ อยากเข้ามาปรึกษาหมอเรื่องการลดรอยสิวเร่งด่วน ก็สามารถนัดคิวพบแพทย์ได้ตามช่องทางการติดต่อด้านล่าง ทั้งเบอร์โทรและไลน์ค่ะ