ปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำ โดยเฉพาะ ‘หน้าเป็นกระ’ เป็นปัญหาผิวพรรณที่หมอเจอได้เยอะมากกับคนไข้ที่ Amara Clinic ค่ะ เพราะจุดสีคล้ำหรือจุดน้ำตาลมักจะเกิดขึ้นบริเวณกว้าง ทำให้สีผิวบนใบหน้าไม่สม่ำเสมอ ทำให้ใบหน้าขาดความกระจ่างใส โดยเฉพาะบางคนที่มีผิวขาวก็จะยิ่งทำให้จุดด่างดำเหล่านี้ดูโดดเด่นมาก ทำให้ขาดความมั่นใจในการโชว์ผิวหน้า ต้องคอยแต่งหน้าปกปิดรอยตกกระ วันนี้หมอตวง (แพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนัง) จะมาไขข้อสงสัยเกี่ยวกับปัญหาหน้าเป็นกระว่าเกิดจากอะไร, ตกกระมีกี่ประเภท, ปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำต่างกันอย่างไร, เราจะสามารถป้องกันหน้าเป็นกระได้อย่างไร พร้อมทำความรู้จักกับการรักษากระด้วยเทคโนโลยีใหม่ที่ให้ผลจริง ไม่ต้องรอนานค่ะ
หน้าเป็นกระ หรือ ผิวตกกระ เป็นปัญหาผิวพรรณที่เกิดจากความผิดปกติของการสร้างเม็ดสีผิวเมลานิน (Melanin) ที่อยู่ใต้ชั้นผิวหนัง ซึ่งส่งผลให้เม็ดสีผิวอยู่กระจุกรวมตัวกัน ทำให้สีผิวบริเวณนั้น ๆ มีสีที่เข้มขึ้น โดยเฉพาะเมื่อผิวโดนแสงแดดจัดบ่อย ๆ ก็จะยิ่งทำให้การสร้างเม็ดสีมากขึ้น เห็นเป็นจุดเล็ก ๆ สีน้ำตาลอยู่ตามผิวหนัง โดยผิวที่ตกกระสามารถเกิดขึ้นได้ตามร่างกาย ซึ่งส่วนมากแล้วจะเกิดขึ้นบนใบหน้า หรือที่เรียกกว่า ‘หน้าเป็นกระ’ ค่ะ สำหรับสาเหตุของหน้าตกกระเกิดขึ้นได้จาก 3 ปัจจัย คือ กรรมพันธ์ุ, สีผิว, แสงแดด และปัจจัยอื่น ๆ ค่ะ
สาเหตุของหน้าตกกระ
- กรรมพันธุ์ ซึ่งผิวจะตกกระ หรือหน้าเป็นกระตั้งแต่เด็ก ๆ โดยบริเวณที่ตกกระจะมีลักษณะสีจางลงเมื่อไม่ได้โดนแดดเป็นเวลานาน และมีสีเข้มขึ้นได้เมื่อโดนแสงแดดเป็นประจำ
- สีผิว หน้าเป็นกระพบได้มากในคนชนชาติที่มีสีผิวขาว สีผิวอ่อน และมีสีผมที่อ่อนลงมา เนื่องจากมีเม็ดสีเมลานินที่น้อย เมื่อเจอปัจจัยภายนอกอย่างการโดนแสงแดด เม็ดสีจะยิ่งผลิตมากขึ้น จนเกิดเป็นผิวตกกระ สีผิวไม่สม่ำเสมอ มีฝ้า กระ จุดด่างดำ
- แสงแดด เมื่อเจอแสงแดดก็จะยิ่งทำให้มีการผลิตเม็ดสีที่มากขึ้น เพื่อทำหน้าที่กรองรังสี UV ยิ่งโดนแสงแดดจัดบ่อย ๆ นาน ๆ ก็จะยิ่งมีการผลิตเม็ดสีที่มากขึ้นด้วยเช่นกัน
- ปัจจัยอื่น ๆ เช่น แสงสว่างจากคอมพิวเตอร์ หลอดไฟ รวมไปถึงการใช้ยาคุมกำเนิด, การตั้งครรภ์ และความเครียด ที่ส่งผลให้ฮอร์โมนในร่างกายเปลี่ยนแปลง เกิดอนุมูลอิสระ ซึ่งจะเร่งการผลิตเม็ดสีเมลานินมากกว่าปกติ ทำให้เกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ
ประเภทของกระ
ตกกระสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ๆ ซึ่งแต่ละชนิดของกระก็มีลักษณะที่มีความแตกต่างกัน รวมไปถึงมีปัจจัยที่ต่างกัน เราลองมาสังเกตกันค่ะว่า ปัญหาหน้าเป็นกระของเราเป็นกระประเภทไหน เกิดจากอะไร และสามารถแก้ไขได้อย่างไรค่ะ
กระตื้น
กระตื้น (Freckle) เป็นชนิดของตกกระที่มีลักษณะเป็นจุดเล็ก ๆ สีน้ำตาล ซึ่งมีขอบเขตที่ไม่ชัดเจน มักจะพบได้ที่ใบหน้าบริเวณโหนกแก้มและจมูก หรือกระจายทั่วใบหน้า รวมไปถึงในชาวต่างชาติที่มีสีผิวขาวมาก ๆ จะพบการตกกระตื้นได้ที่ลำตัว หรือบริเวณที่ถูกแสงแดดบ่อย ๆ ซึ่งกระตื้นมักจะพบได้ตั้งแต่เด็กที่มาจากกรรรมพันธุ์ โดยการตกกระชนิดนี้จะมีสีเข้มขึ้นได้เมื่อโดนแสงแดด และมีสีจางลงเมื่อไม่ได้ถูกแสงแดดเป็นระยะเวลานาน ๆ สำหรับปัญหาหน้าเป็นกระตื้นสามารถทำการรักษาด้วยการทายา และการรักษาด้วยเลเซอร์ค่ะ
หน้าเป็นกระตื้น (Freckle)
กระแดด
กระแดด (Solar Lentigo) มีลักษณะตกกระเป็นดวง ๆ เป็นปื้น ๆ สีน้ำตาล มีขนาดที่ใหญ่กว่ากระตื้นและกระลึก โดยกระแดดจะมีสีที่เข้มขึ้นเมื่อโดนแสงแดด และมักจะพบได้ในวัยกลางคนไปถึงผู้สูงอายุ ซึ่งกระแดดมักจะเกิดขึ้นบริเวณที่โดนแดดบ่อย ๆ สะสมมาเป็นระยะเวลานาน เช่น ใบหน้า, แขน, หลังมือ หรือบริเวณอื่น ๆ ในร่างกาย สำหรับการรักษากระแดดสามารถทำได้โดยการใช้เลเซอร์กำจัดกระค่ะ
หน้าเป็นกระแดด (Solar Lentigo)
กระลึก
กระลึก (Hori’s Nevus) จะมีลักษณะจุดสีน้ำตาลเข้ม เทา หรือดำ ซึ่งมีขอบที่ไม่ชัดเจน เมื่อมองดูเผิน ๆ แล้วจะมีลักษณะคล้ายกับฝ้า และมักจะพบได้ที่บริเวณหน้าแก้ม สันจมูก หรือที่บริเวณขมับ โดยเกิดจากความผิดปกติของเซลล์เม็ดสีในชั้นหนังแท้ สามารถพบได้ตั้งแต่อายุ 20-30 ปี บวกกับมีการกระตุ้นด้วยรังสี UV จากแสงแดด นอกจากนี้ยังสามารถพบได้ในผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ หรือในช่วงวัยรุ่นที่มีความเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนภายในร่างกายค่ะ สำหรับกระลึกนับว่าเป็นชนิดของหน้าตกกระที่รักษาได้ค่อนข้างยากที่สุด ซึ่งการทายาอาจจะทำให้กระลึกจางลงได้บ้าง แต่จะไม่หายไปทั้งหมด ดังนั้น จึงต้องทำการรักษากระลึกด้วยเลเซอร์ค่ะ
หน้าเป็นกระลึก (Hori’s Nevus)
ขอบคุณภาพประกอบจาก : eastsidedermatology
ฝ้า กระ ต่างกันอย่างไร
หลายคนยังมีความเข้าใจผิดคิดว่า ฝ้า กระ เป็นปัญหาผิวชนิดเดียวกัน แต่ในความเป็นจริงแล้วฝ้า กระ ลักษณะคนละอย่างกัน อย่างที่หมอได้เล่าไว้ในตอนต้นนะคะว่า ลักษณะของหน้าเป็นกระจะเป็นจุดเล็ก ๆ สีน้ำตาล ซึ่งส่วนใหญ่จะมีขอบที่ชัดเจนและจะขึ้นได้ตามใบหน้า ลำคอ แขน และส่วนที่โดนแสงแดดบ่อย ๆ แต่สำหรับฝ้า (Melasma) นั้นจะมีลักษณะเป็นปื้น ๆ สีน้ำตาลเข้ม โดยจะมีทั้งชนิดฝ้าตื้นและฝ้าลึก ซึ่งจะมีลักษณะที่แตกต่างกันคือ ฝ้าตื้นจะมีระดับความลึกของเม็ดสีที่ตื้นกว่าฝ้าลึก ซึ่งจะอยู่ในชั้นหนังกำพร้า แต่สำหรับฝ้าลึกจะมีจะมีความผิดปกติของเม็ดสีที่อยู่ในชั้นหนังแท้ โดยจะพบฝ้าได้มากบริเวณของโหนกแก้ม และมักจะพบได้ในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายอีกด้วยค่ะ
ลักษณะหน้าเป็นฝ้า
แต่ทั้งนี้ สาเหตุของการเกิดฝ้า กระ จะมีสาเหตุที่เหมือนกันคือ เกิดจากการทำงานของเม็ดสีที่ผิดปกติ และโดยส่วนใหญ่มักเกิดจากรังสียูวี UVA และ UVB ในแสงแดด ที่เข้ามาทำร้ายผิวเป็นระยะเวลานาน ๆ สะสมกัน ซึ่งเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาผิวพรรณต่าง ๆ อย่างฝ้า กระ จุดด่างดำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ นอกจากนี้แสงแดดยังสาเหตุทำให้ผิวหมองคล้ำ เกิดริ้วรอยบนใบหน้า ผิวหนังเหี่ยวย่นและหย่อนคล้อยได้อีกด้วยค่ะ
บทความที่น่าสนใจ
- หน้าเหี่ยวย่น หย่อนยาน เกิดจากอะไร มีวิธีจัดการให้ผิวหน้าเต่งตึงได้อย่างไร หาคำตอบได้ที่ หน้าหย่อนคล้อย
- ผิวไม่สดใส หมองคล้ำ หน้าโทรม แก้ได้ด้วยหลากหลายวิธี! อ่านเพิ่มเติมได้ที่ หน้าหมองคล้ำ
วิธีป้องกันหน้าเป็นกระ
- ใช้ครีมกันแดดที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันแสง UVA และ UVB เลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50 PA+++ ขึ้นไป
- ใช้ครีมบำรุงผิวให้เหมาะกับสภาพผิว หากเริ่มมีปัญหากระตื้น สามารถใช้ครีมบำรุงที่มีส่วนผสมของ Abutin, Niacinamide, Kojic Acid, Tretinoin, Tazarotene, Adapalene เป็นต้น ซึ่งจะช่วยลดเลือนกระได้
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำสะอาดให้ได้วันละ 8 แก้วต่อวัน
- หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดในช่วงเวลา 10 โมงเช้า ไปจนถึงบ่าย 3 โมง ซึ่งเป็นช่วงเวลาแดดจัด
- สวมเสื้อแขนยาว ขายาว สวมหมวกปีกกว้าง ก่อนออกจากบ้านและต้องโดนแสงแดดจัด
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงความเครียด เพื่อรักษาสมดุลระดับฮอร์โมนในร่างกาย
รักษากระที่ Amara Clinic โดยแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนัง
เมื่อหน้าเป็นกระ ตกกระ หรือผิวมีฝ้า กระ จุดด่างดำ การทาครีมบำรุงอาจช่วยลดเลือดได้บ้าง แต่ก็ยังไม่สามารถกำจัดหน้าตกกระได้หมด ดังนั้น การรักษาด้วยวิธีทางการแพทย์จึงเป็นทางเลือกในการรักษากระได้อย่างลงลึกถึงต้นตอ ช่วยแก้ปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำให้หายได้ โดยไม่ทำร้ายผิว ไม่ทำให้ผิวบางลง เห็นผลได้จริง มีความปลอดภัยต่อผิวพรรณ เพราะอยู่ภายใต้การดูแลจากแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังค่ะ
รักษาหน้าเป็นกระด้วยนวัตกรรมแสงกึ่งเลเซอร์
นวัตกรรมแสงกึ่งเลเซอร์ด้วยเครื่อง Lumecca ซึ่งจะใช้เทคโนโลยี Intense Pulsed Light หรือที่หลาย ๆ คนรู้จักในชื่อย่อ IPL ที่มีความยาวคลื่น 580-1,200 นาโนเมตร โดยหลักการทำงาน คือ ส่งความยาวคลื่นที่เหมาะสมที่สุดไปรักษาในบริเวณที่ต้องการทำการรักษา และทำปฏิกิริยากับเม็ดสีนั้นอย่างเฉพาะเจาะจง หลังจากนั้นเม็ดสีที่อยู่ใต้ผิวก็จะดูดซับแสงที่ Lumecca ปล่อยลงไป และค่อย ๆ ถูกทำลายให้จางหายไป ซึ่งหลังทำแล้วจะมีสะเก็ดได้บ้างและจะหลุดไปเองภายใน 1 สัปดาห์ ผิวก็จะสว่างกระจ่างใสขึ้น เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำ นอกจากนี้ ยังเหมาะกับรอยโรคที่เกี่ยวกับเส้นเลือดบนใบหน้าอีกด้วยค่ะ รวมไปถึงยังสามารถทำได้ทั้งบริเวณใบหน้า ลำคอ และตามลำตัวที่โดนแสงบ่อย ๆ จนทำให้ผิวตกกระ อ่อนโยนกับผิวพรรณ ไม่ทำให้ผิวไหม้ ไม่ทิ้งรอยแผล นับว่าเป็นอีกหนึ่งการรักษากระที่หมอแนะนำค่ะ
รักษาหน้าเป็นกระด้วยนวัตกรรมเลเซอร์
Pico Laser อีกหนึ่งการรักษาปัญหาหน้าเป็นกระหรือผิวตกกระที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากค่ะ เนื่องจากเป็นเลเซอร์ที่ช่วยรักษาความผิดปกติของเม็ดสีในผิวโดยเฉพาะ ทั้งปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำ ซึ่งสามารถรักษากระได้ทั้งชนิดกระตื้น กระลึก และกระแดด รวมไปถึงยังสามารถช่วยลบรอยสัก และแก้ไขปัญหาหลุมสิวได้อีกด้วย
Pico Laser คือ เครื่องเลเซอร์ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี Picosecond Laser โดยการปล่อยแสงเลเซอร์ออกมาในช่วงระยะเวลาที่สั้นมาก ๆ ในเวลา 1 picosecond ต่อ 1 ช็อต (1 picosecond = 1 ในล้านล้านวินาที) ซึ่งจะเข้าไปทำการสลายเม็ดสีให้แตกละเอียด จากนั้นด้วยกลไกลในร่างกายจะทำให้เม็ดเลือดขาวมาจับกับเม็ดสีเหล่านี้แล้วกำจัดทิ้งไปทางระบบน้ำเหลือง โดยการทำ Pico Laser จะมีความอ่อนโยนกับผิวพรรณค่อนข้างมากกว่าเลเซอร์รุ่นก่อน ๆ เนื่องจากใช้การยิงพลังงานระยะเวลาที่สั้น ไม่สะสมความร้อนจึงไม่ทำให้ผิวไหม้ และใช้จำนวนครั้งในการรักษากระน้อยกว่า เจ็บน้อยกว่า ซึ่งหลังทำจะมีแค่การตกสะเก็ดได้เล็กน้อย หรือไม่มีเลยค่ะ
บทความที่น่าสนใจ
- รอยแตกจากการขยายตัวของผิว ทั้งรอยแตกสีแดง รอยแตกสีขาว สามารถรักษาให้หายได้! อ่านเพิ่มเติมได้ที่ รอยแตกลาย
- ขนเยอะ! ผิวไม่เกลี้ยงเกลา ต้องลองเลเซอร์! ทำความรู้จักกับชนิดของเลเซอร์กำจัดขนกันก่อนได้ที่ เลเซอร์ขนมีกี่แบบ
สรุป
ปัญหาผิวพรรณผิวหน้าเป็นกระ ไม่กระจ่างใส มีฝ้า กระ จุดด่างดำ เราสามารถป้องกันได้ด้วยการดูแลตัวเอง หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด หมั่นทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้านเป็นประจำ สวมใส่เสื้อผ้าและหมวกปีกกว้าง เพื่อป้องกันผิวจากแสงแดด ลดโอกาสเสี่ยงที่ปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำจะสะสมรุนแรงขึ้น รวมถึงเข้ารับการรักษากระกับแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนัง เพื่อผิวหน้าที่กระจ่างใส ไร้จุดด่างดำ ผิวสว่างกระจ่างใส ไร้ปัญหาหน้าเป็นกระที่คอยกวนใจค่ะ