หน้าผากเป็นส่วนหนึ่งบนใบหน้าที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะเวลาที่มีการแสดงสีหน้าขมวดคิ้ว ยิ่งมีรอยย่นหน้าผากเกิดขึ้นมาเยอะ ใบหน้ายิ่งดูมีอายุมากขึ้น หรือบางคนอายุยังไม่ถึง 30 ปี แต่ดันมีปัญหาเรื่องรอยย่นหน้าผากซะแล้ว หน้าผากที่คนส่วนใหญ่มองว่าสวยและอยากจะมีกัน มักจะเป็นหน้าผากที่เรียบเนียน เต่งตึง และนูนสวยได้รูป เพราะบางคนก็มีความเชื่อว่าหน้าผากที่นูนสวยไร้ริ้วรอย จะช่วยให้โหงวเฮ้งดี มีราศี และเงินทองไหลมาเทมานั่นเองค่ะ สำหรับผู้อ่านท่านใดที่อยากจะจัดการกับปัญหาของริ้วรอยหน้าผาก หรือรอยย่นหน้าผากเหล่านี้ ลองมาอ่านทำความเข้าใจและทำความรู้จักกับวิธีลดรอยย่นหน้าผากในบทความนี้กัน – หมอตวง Amara Clinic (แพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนัง)
ใคร ๆ ก็สามารถพบกับปัญหารอยย่นหน้าผากได้ค่ะ เพราะในการดำเนินชีวิตประจำวันของคนเรา มักพบเจอกับปัจจัยที่ทำให้เกิดรอยย่นหน้าผากและริ้วรอยบนใบหน้ามากมาย ทั้งปัจจัยภายในร่างกายที่สามารถหลีกเลี่ยงได้ยาก ปัจจัยภายนอกหรือมลภาวะต่าง ๆ และพฤติกรรมการแสดงออกของตัวเราด้วย เอาล่ะค่ะ เรามาดูกันดีกว่าว่ามีปัจจัยใดบ้าง ที่สามารถทำให้เกิดรอยย่นหน้าผากและริ้วรอยต่าง ๆ ขึ้นมาได้
ปัจจัยภายในร่างกาย
อย่างที่เราทราบกันเป็นอย่างดีอยู่แล้วนะคะ ว่าคนที่มีอายุมากหรือคนแก่ มักจะมีปัญหาริ้วรอยตื้นลึกบนใบหน้า และรอยย่นหน้าผากที่มากกว่าคนอายุน้อยกว่าหรือวัยหนุ่มสาว ตรงนี้เป็นเพราะอัตราการผลิตคอลลาเจนในผิวของเราน้อยลงนั่นเอง หลังจากที่อายุของเราเลย 25 ปีมาแล้ว ร่างกายจะผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินออกมาในปริมาณที่ลดลงไปทุกปี ๆ ส่งผลให้ผิวขาดความเต่งตึงและความยืดหยุ่นไป ริ้วรอยที่ไม่เคยมีก็จะเริ่มปรากฎ ผิวจะค่อย ๆ คล้อยตัวมลงตามแนวโน้มถ่วงของโลก จึงค่อย ๆ เกิดเป็นรอยย่นเล็ก ๆ ขึ้น แรก ๆ อาจจะไม่ค่อยสังเกตเห็นกันหรอกค่ะ เลยปล่อยไปแบบไม่รู้ตัว พอรู้ตัวอีกทีเราก็มีรอยย่นหน้าผากเยอะซะแล้ว นอกจากนี้ ยังเป็นเพราะเซลล์ผิวของร่างกายมันเสื่อมสภาพลงตามการเวลาอีกด้วย
นอกจากแสงแดดแล้ว สิ่งที่เป็นปัญหาต่อผิวพรรณของเราก็คือควันบุหรี่ ควันไอเสีย ฝุ่นละอองต่าง ๆ เพราะในสิ่งเหล่านี้มีอนุมูลอิสระและสารเคมีที่ไม่ดีต่อเซลล์ผิวอยู่มากมาย เราอาจจะได้รับโดยที่รู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ได้ เมื่อเราได้รับมันเข้ามาในร่างกายแล้ว สิ่งเหล่านี้จะค่อย ๆ ทำลายผิวให้เสื่อมโทรมลง ดังนั้น หมอจึงแนะนำให้ทุกคนทาครีมป้องกันผิว และหลีกเลี่ยงที่จะพบเจอปัจจัยภายนอกเหล่านี้ให้ได้มากที่สุดนั่นเอง
พฤติกรรมการใช้ชีวิต
รอยย่นหน้าผากเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับคนที่ผิวขาดความเต่งตึงจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต คนที่แสดงสีหน้าและอารมณ์บ่อย ๆ จะทำให้กล้ามเนื้อบนใบหน้าขยับตามไปด้วย แน่นอนว่าผิวในบริเวณนั้นต้องถูกขยับตาม เมื่อมีการขยับบ่อย ๆ ผิวที่เคยกระชับเต่งตึงมีความยืดหยุ่นดี ก็จะค่อย ๆ ขาดความกระชับตรงนี้ไป สำหรับรอยย่นหน้าผากจะเกิดจากพฤติกรรมการขมวดคิ้วหรือยกคิ้วขึ้น และอีกหนึ่งปัญหาริ้วรอยบนใบหน้า อันเกิดจากพฤติกรรมการแสดงสีหน้าที่เกิดขึ้นได้บ่อยก็คือรอยย่นหางตาหรือตีนกานั่นเอง
อยากลดรอยย่นหน้าผาก ต้องทำอย่างไร?
ถ้าอยากลดรอยย่นหน้าผากเราสามารถจัดการได้หลายวิธีเลย มีทั้งการฉีดโบท็oกซ์เพื่อลดการทำงานของกล้ามเนื้อ, การฉีดสารเติมเต็ม เพื่อทำให้รอยย่นหน้าผากจางหายไป และทำให้หน้าผากกระชับเต่งตึงขึ้น และการใช้เครื่องมือที่สามารถส่งพลังความร้อนลงไปกระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิว พร้อมทั้งยกกระชับจัดการริ้วรอยให้หายไปได้ เรามาดูกันว่าแต่ละวิธีคืออะไร และมีข้อดีข้อเสียยังไงบ้าง!?
การฉีดโบท็อกซ์หน้าผาก
โบท็oกซ์ หรือ Botulinum toxin type A หรือเรียกแบบกระชับ ๆ ว่าการฉีดโบ หมอเชื่อว่าวิธีนี้ใคร ๆ ก็รู้จักค่ะ เพราะเป็นหัตถการที่ใคร ๆ ก็ทำกัน หลังจากที่ฉีดโบท็oกซ์แล้ว มันจะเข้าไปออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นหยุดการทำงานชั่วคราว อาจจะ 3-4 เดือน หรือนานไปจนถึง 6 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อของโบท็oกซ์ที่เลือกใช้ เมื่อกล้ามเนื้อบริเวณหน้าผากไม่ทำงาน ไม่หดเกร็ง ไม่ขยับ รอยย่นหน้าผากก็จะหายไปด้วย หากฉีดเยอะเกินไป หรือในช่วงแรกที่ยังไม่เข้าที่ จะทำให้หน้าตึงหรือดูไม่เป็นธรรมชาติได้
การฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก
ถ้าอยากทำให้รอยย่นหน้าผากจางลงไป จะต้องเติมเต็มบริเวณนั้นให้เต่งตึงขึ้นค่ะ การฉีดสารเติมเต็มสามารถช่วยได้ ชนิดแรกที่เราจะมาแนะนำกันก็คือการฉีดฟิลเลอร์ (Filler) นั่นเอง ฟิลเลอร์เป็นสารที่ถูกสร้างมาเลียนแบบ Hyaluronic Acid (HA) ที่เป็นสารธรรมชาติในร่างกาย โดยมีหน้าที่ในการสร้างความชุ่มชื้นและเพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่ร่างกาย (ถ้าร่างกายขาดสารนี้ไป จะทำให้ผิวเหี่ยวย่น แห้งกร้าน ไม่ชุ่มชื้น และมีริ้วรอยเกิดขึ้น)
การฉีดฟิลเลอร์หน้าผากใช้เวลาน้อย ไม่ต้องผ่าตัด และไม่ต้องพักฟื้นใด ๆ เลย ตัวฟิลเลอร์จะมียาชามาด้วยอยู่แล้ว แพทย์สามารถทำความสะอาดผิวและฉีดฟิลเลอร์ไปแก้ไขปัญหารอยย่นหน้าผากได้ทันที แต่หมอแนะนำให้เลือกแพทย์ที่มีฝีมือ น่าเชื่อถือ คลินิกที่ได้มาตรฐาน และมีการจำหน่ายฟิลเลอร์ในราคาที่เหมาะสม เพราะฟิลเลอร์ปลอมหรือสารเหลวได้มีอยู่เยอะมาก มักจะพบในคลินิกเสริมความงามที่มีราคาถูก (หลักพัน) ทั้งนี้ ราคาก็จะขึ้นอยู่กับยี่ห้อของฟิลเลอร์ รุ่นของฟิลเลอร์ และฝีมือของแพทย์ด้วย ยังไงก็อย่าลืมหาข้อมูลและดูรีวิวเยอะ ๆ ก่อนตัดสินใจทำนะคะ
การเติมไขมันหน้าผาก
ไขมันเป็นหนึ่งในสารเติมเต็มเช่นเดียวกันกับการฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก การเติมไขมันหน้าผาก (Forehead Fat Grafting) เป็นการใช้เซลล์ไขมันของตัวคนไข้เอง เติมเต็มไปยังบริเวณหน้าผาก เพื่อให้หน้าผากมีความเต่งตึงขึ้น ทำให้รอยย่นหน้าผากจางหายไป และช่วยปรับสภาพผิวบริเวณหน้าผากให้โกลว์ใสดูสุขภาพดี สำหรับการเติมไขมันหน้าผากนั้น มีความแตกต่างจากการฉีดฟิลเลอร์หน้าผากหลายอย่าง
เช่น
- การเติมไขมันหน้าผากจะต้องมีการเปิดแผลผ่าตัดขนาดเล็กเพื่อดูดไขมันออกไป
- อาจมีความรู้สึกเจ็บได้ระหว่างผ่าตัด แต่ส่วนใหญ่แล้วแทบจะไม่รู้สึกใด ๆ เพราะเป็นการผ่าตัดเล็ก
- ต้องคอยลุ้นว่าเซลล์ไขมันจะติดมากน้อยแค่ไหน ซึ่งปัจจัยนี้จะขึ้นอยู่กับวิธีการเติมไขมันของแต่ละคน
- ราคาถูกกว่าการฉีดฟิลเลอร์ เพราะการลดรอยย่นหน้าผากและทำให้หน้าผากนูนสวย จะต้องใช้สารเติมเต็มหลายซีซี
สำหรับผู้ที่สนใจในการเติมไขมันหน้าผากหรือเติมไขมันหน้าเด็กที่ Amara Clinic ทางคลินิกมี KOL Trainer แพทย์ผู้สอนดูดไขมัน-เติมไขมันโดยตรง (คุณหมอไอซ์และคุณหมอมะปราง) ซึ่งทุกการผ่าตัดของคลินิก จะทำภายใต้ห้องผ่าตัดคลีนรูมที่ได้มาตรฐาน มีทั้งการผ่าตัดแบบยาชาและการวางยาสลบโดยวิสัญญีแพทย์ มีห้องพักฟื้นหลังผ่าตัด รีวิวเยอะมาก และมี After Care คอยดูแลหลังทำครบครัน สามารถเข้ามาปรึกษาแพทย์ได้เลยนะคะ
ยกกระชับหน้าผากด้วย Ultraformer III
Ultraformer III มีชื่อเรียกหลายแบบเลย บางคนอาจจะรู้จักในชื่อ Hifu แบบใหม่, Hifu Macrofocus, Macro Hifu หรือ Hifu Ultraformer III เป็นต้น ซึ่งเครื่อง Ultraformer III นี้จะใช้พลังงานคลื่นเสียงอัลตร้าซาวด์ที่มีความเข้มข้นสูง หรือใหญ่กว่าไฮฟู่ทั่วไป (Micro & Macro Focused Ultrasound : MMFU) สามารถลงลึกไปยังชั้นผิวได้มากกว่า มีหัวอุปกรณ์หลายแบบ สามารถทำได้ทั้งใบหน้าและลำตัว และมีประสิทธิภาพในการยกกระชับและลดเลือนรอยย่นหน้าผากได้ดีกว่าไฮฟู่ทั่วไปถึง 5 เท่า จึงทำให้ช่วงหลังมานี้ Ultraformer III เป็นเครื่องยกกระชับลดเลือนริ้วรอยที่ได้รับความนิยมมาก
- ช่วยยกกระชับชั้นผิวได้ทุกชั้นและลงลึกได้ถึงชั้นกล้ามเนื้อใบหน้า (SMAS)
- ช่วยเพิ่มอัตราการผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ช่วยสลายไขมันส่วนเกินได้ พร้อม ๆ กับการยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย
- เจ็บน้อย ไม่ต้องพักฟื้น ไม่ต้องลางาน สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติเลย
- หลังทำเสร็จจะมีรอยแดงและอาการช้ำเกิดขึ้นได้เล็กน้อย หายไปได้ภายใน 2-4 สัปดาห์
- เห็นผลชัด เกิดการเปลี่ยนแปลงทันทีหลังทำ และผลลัพธ์อยู่นานตั้งแต่ 6 เดือน – 1 ปี
- เครื่องมือได้มาตรฐาน พลังงานเสถียร ไม่ทำให้เกิดรอยไหม้ ไม่ต้องเปิดแผลผ่าตัด
วิธีป้องกันไม่ให้มีรอยย่นหน้าผาก
วิธีป้องกันไม่ให้มีรอยย่นหน้าผากง่าย ๆ หรือการป้องกันไม่ให้ผิวเสื่อมโทรมก่อนถึงเวลาอันควร (หน้าแก่ก่อนวัย) สามารถทำได้โดยการหลีกเลี่ยงปัจจัยภายนอกที่มีอนุมูลอิสระต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นแสงแดด, ควันไอเสีย หรือควันบุหรี่ และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเองค่ะ เช่น ไม่แสดงออกทางสีหน้ามากเกินไป, ทานแต่อาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย, ไม่สูบบุหรี่, ดื่มน้ำเปล่าในปริมาณที่มาก ๆ , ทาครีมบำรุงผิวเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นเป็นประจำ, ทาครีมกันแดดทุกวัน, มาส์กหน้าเองบ่อย ๆ และรวมไปถึงการทำทรีตเมนต์ที่คลินิกเสริมความงามด้วยค่ะ
บทความที่เกี่ยวข้อง
สรุป
รอยย่นหน้าผากมักจะเกิดขึ้นกับผู้มีอายุมากแล้วเป็นส่วนใหญ่ แต่ถ้าใครที่อายุยังไม่เยอะแล้วมีรอยย่นหน้าผากขึ้นมาละก็ อาจเป็นสัญญาณว่าผิวของเราต้องการความชุ่มชื้นและการฟื้นบำรุงอย่างเต็มที่ก็เป็นได้ ใครที่อยากลดเลือนรอยย่นหน้าผากหรือริ้วรอยบ่นใบหน้า แต่ไม่รู้ว่าจะเลือกวิธีไหนดี อยากรู้ว่าวิธีไหนเหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด สามารถสอบถามเจ้าหน้าที่ผ่านทาง LINE : @amaraskin ได้เลยค่ะ หรือจะเข้ามาปรึกษาหมอที่ Amara Clinic ก่อนก็ได้นะคะ หมอยินดีให้คำแนะนำที่เหมาะสมกับปัญหาและสภาพผิวให้ค่ะ