ทากันแดด 2 ข้อนิ้ว VS 2 นิ้วมือ ต่างกันอย่างไร?

ทากันแดด 2 ข้อนิ้ว

หลายคนคงเคยได้ยินทฤษฎีทากันแดด 2 ข้อนิ้วกันมาบ้างนะคะ เรียกได้ว่าเป็นกระแสฮิตมาสักพักใหญ่ ๆ เลย เนื่องจากการทาครีมกันแดด หรือวิธีทาครีมกันแดด เป็นสิ่งที่หลายคนยังไม่ทราบ และกะไม่ถูกว่า ครั้งนึงควรต้องใช้ปริมาณครีมกันแดดทาหน้าเท่าไหร่ จึงเกิดเป็นทฤษฎีทากันแดด 2 ข้อนิ้ว เพื่อที่จะทำให้ทุกคนจดจำได้ง่ายยิ่งขึ้นนั่นเองค่ะ นอกจากสูตรนี้แล้ว ยังมีอีกหนึ่งทฤษฎีที่เกี่ยวกับเลข 2 เช่นกัน นั่นก็คือ ทากันแดด 2 นิ้วมือ หรือปริมาณครีมกันแดดที่ถูกบีบลากจากโคนนิ้วถึงปลายนิ้ว ทั้งนิ้วชี้และนิ้วกลาง ว่าแต่ทั้ง 2 ทฤษฎีนี้จะมีความแตกต่างกันอย่างไร วันนี้ใน Blog Amara Clinic หมอตวง (แพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนัง การปรับรูปหน้า และเวชศาสตร์ชะลอวัย) จะพาไปพบกับคำตอบ พร้อมเคล็ดลับอื่น ๆ ทั้งวิธีทาครีมกันแดดทาหน้า ทาตัวที่ถูกต้อง, ทริคแก้ปัญหาทากันแดดแล้วเป็นขุย, เทคนิคเลือกครีมกันแดดที่เหมาะสม รวมถึงตอบคำถามที่หลายคนสงสัยว่า ทำไมทาครีมกันแดดแล้ว ผิวยังหมองคล้ำได้ และเมื่อผิวเสียจากแสงแดดแล้ว จะมีวิธีรักษาอย่างไร ให้ผิวพรรณกลับมาสวยได้อีกครั้งค่ะ

อย่างที่หมอได้เกริ่นเอาไว้นะคะว่า คนส่วนใหญ่มักจะคุ้นเคยกับทากันแดด 2 ข้อนิ้วกันมากกว่า เพราะเป็นที่รู้กันดีว่า ปริมาณของครีมกันแดดทาหน้าที่บีบออกมาเท่ากับ 2 ข้อนิ้วมือ จะเพียงพอต่อใบหน้าของเรา ส่วนทฤษฎีต่อมา คือ ทาครีมกันแดด 2 นิ้วมือ ก็เริ่มเป็นที่นิยมมากเช่นเดียวกัน ส่วนทั้ง 2 แบบนี้มีความต่างกันอย่างไร เราไปดูกันเลยค่ะ

ทากันแดด 2 ข้อนิ้ว

ทากันแดด 2 ข้อนิ้ว หรือ 2 Finger Tip Unit (2 FTU) เป็นทฤษฎีแรกที่หลายคนคุ้นเคยกันดี โดยมาจากปริมาณการทาครีมกันแดดที่ใบหน้าที่เหมาะสม ซึ่งมีค่าเฉลี่ย 2 มิลลิกรัมต่อพื้นที่บนใบหน้า 1 ตารางเซนติเมตร ซึ่งหากจะทาครีมกันแดดทั่วใบหน้า ก็จะตีเป็นตัวเลขของปริมาณครีมกันแดดทาหน้า 1 กรัมค่ะ

โดยหลายคนมักจะกะไม่ค่อยถูกกันใช่ไหมหละคะว่า ทาครีมกันแดด 1 กรัม มันจะเท่าไหน เค้าก็เลยทำสูตรเทียบเท่ากับข้อนิ้วมือของเรานี่เองค่ะ สำหรับปริมาณของครีมกันแดดทาหน้า 1 กรัม จะเท่ากับปริมาณครีมกันแดดที่บีบลงบนนิ้วมือ 1 นิ้ว ตั้งแต่ข้อนิ้วที่1-2 นี่เองจึงเป็นที่มาของทาครีมกันแดด 2 ข้อนิ้ว หรือการใช้หน่วยเป็นข้อนิ้วมือของเราค่ะ สรุป คือ ทากันแดด 2 ข้อนิ้ว เหมาะสำหรับทาครีมกันแดดเฉพาะที่ใบหน้า 

ทากันแดด 2 ข้อนิ้ว 

ทากันแดด 2 ข้อนิ้ว

ทาครีมกันแดด 2 นิ้วมือ

นอกจากการทากันแดด 2 ข้อนิ้วแล้ว ยังมีสูตรต่อมา ที่ถ้ามองผิวเผินแล้ว หลายคนอาจเข้าใจผิดได้ว่าเป็นแบบเดียวกัน นั่นก็คือ ทาครีมกันแดด 2 นิ้วมือ หรือ 2 Finger Rule Sunscreen ค่ะ โดยทฤษฎีนี้มาจากการศึกษาของต่างประเทศ (อ่านเพิ่มเติมได้ที่ Simple dosage guide for suncreams will help users) ที่เค้าทำการวิจัยมาแล้วว่า การทาครีมกันแดด 2 นิ้วมือ คือ การบีบปริมาณครีมกันแดดตั้งแต่โคนนิ้วถึงปลายนิ้ว ของทั้งนิ้วชี้และนิ้วกลาง และต้องบีบในปริมาณเต็มนิ้วนะคะ หากปากขวดผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดมีขนาดเล็ก บีบออกมาอาจจะเป็นเส้นบาง ๆ แบบนี้หมอแนะนำให้บีบซ้ำให้มันหนาขึ้น จึงจะเป็นปริมาณที่เพียงพอค่ะ 

ทาครีมกันแดด 2 นิ้วมือ

ทากันแดด 2 ข้อนิ้ว

สรุป คือ การทาครีมกันแดด 2 นิ้วมือนั้น จะเป็นปริมาณที่เพียงพอสำหรับใช้ที่บริเวณใบหน้ารวมถึงลำคอ และสามารถใช้สูตรนี้กับพื้นที่อื่น ๆ ในร่างกาย ซึ่งจะถูกแบ่งออกเป็น 11 สัดส่วนในร่างกาย ซึ่งแต่ละส่วนจะมีพื้นที่ 9% (ทฤษฎี Rule of Nines) โดยสัดส่วนตามลำตัวทั้ง 11 ส่วนที่ว่านี้ คือ ใบหน้าและลำคอ, แขนข้างซ้าย, แขนข้างขวา, หลังส่วนบน, หลังส่วนล่าง, หน้าอก, หน้าท้อง, ต้นขาด้านบนข้างซ้าย, ต้นขาด้านบนข้างขวา, ท่อนขาด้านล่างไปถึงเท้าข้างซ้าย และท่อนขาด้านล่างไปถึงเท้าข้างขวาค่ะ

ทริคพิเศษ : สำหรับการทากันแดด 2 ข้อนิ้ว ควรแบ่งทา 2 รอบค่ะ รอบแรก ใช้ปริมาณ 1 ข้อนิ้ว ทาให้ทั่วใบหน้า จากนั้น ควรรอให้เนื้อครีมกันแดดทาหน้าได้ซึมเข้าสู่ผิวหนังประมาณ 5 นาที หลังจากนั้นก็ทาอีก 1 ข้อนิ้วที่เหลือค่ะ และการทาครีมกันแดด 2 นิ้วมือ ก็ควรแบ่งทาเป็น 2 รอบเช่นเดียวกัน โดยแบ่งรอบแรกในปริมาณ 1 นิ้วมือ ทาทั่วใบหน้าและลำคอ หลังจากครีมซึมเข้าผิวแล้ว ก็ทาเพิ่มอีก 1 นิ้วมือที่เหลือค่ะ

แบบนี้ก็ได้นะ! ปริมาณเท่าเหรียญ 10 (2 เหรียญ) = 2 ข้อนิ้ว

หากสาว ๆ เลือกใช้ครีมกันแดดทาหน้า ชนิดเนื้อโลชั่น หรืออิมัลชั่น ที่มีลักษณะเป็นกันแดดเนื้อเหลว เนื้อน้ำ ให้กะปริมาณทาครีมกันแดดเท่ากับเหรียญ 10 บาท 2 เหรียญ โดยแบ่งทาบนใบหน้า 2 รอบ รอบละ 1 เหรียญค่ะ 

ส่วนครีมกันแดดทาหน้า ชนิดเนื้อครีมเข้มข้น ให้กะปริมาณการทาครีมกันแดดเท่ากับ 2 ข้อนิ้ว โดยแบ่งทาทาบนใบหน้า 2 รอบ รอบละ 1 ข้อนิ้วค่ะ

ทากันแดด 2 ข้อนิ้ว

วิธีทาครีมกันแดดทาหน้า ครีมกันแดดทาตัว

  • ทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง ทากันแดด 2 ข้อนิ้วสำหรับใบหน้า และทาครีมกันแดดที่ใบหน้าและลำคอปริมาณ 2 นิ้วมือ รวมถึงสามารถใช้สูตรทาครีมกันแดด 2 นิ้วมือ ในการทาครีมกันแดดที่ลำตัว (ตามที่แนะนำในข้างต้น)
  • สวมเสื้อผ้าที่ปิดมิดชิด สวมหมวกปีกกว้าง หากต้องอยู่ในที่ที่มีแดดจัดเป็นเวลานาน
  • ทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้าน หรือก่อนออกแดดประมาณ 15-30 นาที
  • ควรทาครีมกันแดดซ้ำทุก ๆ 2 ชั่วโมง
  • ทาครีมหรือโลชั่นบำรุงผิวก่อนทาครีมกันแดด
  • เลือกใช้ครีมกันแดดที่มีคุณสมบัติเหมาะกับการทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น เลือกครีมกันแดดทาหน้า ชนิดกันเหงื่อ กันน้ำ หากต้องไปเล่นน้ำ
  • ในรายที่มีผิวบอบบาง แพ้ง่าย ควรเลือกใช้ครีมกันแดดแบบ Physical (ครีมกันแดดที่ไม่มีสารที่ก่อให้ผิวระคายเคือง)
ทากันแดด 2 ข้อนิ้ว

ทากันแดดแล้วเป็นขุย เป็นคราบ ทำยังไงดี

ปัญหาทากันแดดแล้วเป็นขุย เป็นคราบ ทำให้หลายคนถึงกับโยนครีมกันแดดทิ้ง แล้วก็ไม่ทาอีกเลย แต่เรื่องทากันแดดแล้วเป็นขุย เกิดได้จากหลายสาเหตุค่ะ ก่อนอื่น หมออยากให้ลองเช็คจากหลาย ๆ ปัจจัยกันก่อน เพราะยังไงการทาครีมกันแดดถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนไม่ควรมองข้ามเด็ดขาดเลยค่ะ สำหรับปัจจัยที่ทำให้ทากันแดดแล้วเป็นขุย หน้าเป็นคราบ อาจเกิดได้จากสาเหตุดังนี้ค่ะ

  • ล้างหน้าไม่สะอาด ซึ่งอาจมีสิ่งสกปรกและเซลล์ผิวที่ตายแล้วตกค้างอยู่ ทำให้เมื่อทากันแดดแล้วเป็นขุย เลือกครีมกันแดดที่ไม่เหมาะกับสภาพผิว
  • เลือกครีมกันแดดทาหน้าที่ไม่เหมาะกับสภาพผิว ซึ่งในคนที่ผิวแห้งจะเกิดปัญหาทากันแดดแล้วเป็นขุยได้มากกว่า
  • ครีมบำรุงผิวบางชนิดไม่เหมาะใช้คู่กับครีมกันแดด เช่น ในสกินแคร์ที่มีส่วนผสมของซิลิโคน และครีมบำรุงที่มีส่วนผสมของสารที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว อาจทำให้เกิดปัญหาทากันแดดแล้วเป็นขุย หน้าเป็นคราบได้

ดังนั้น การแก้ปัญหาทากันแดดแล้วเป็นขุย เป็นคราบ ควรล้างหน้าให้สะอาด เช็ดผิวด้วยโทนเนอร์ ก่อนใช้ครีมบำรุง และทาครีมกันแดด รวมถึงเลือกครีมกันแดดที่เหมาะกับสภาพผิว เช่น หากเป็นคนผิวแห้ง ให้เลือกใช้ครีมกันแดดทาหน้าที่เป็นเนื้อครีมเข้มข้น ส่วนผิวมันและผิวผสม ให้ใช้สูตรโลชั่น หรือสูตรน้ำแทนค่ะ

เทคนิคเลือกครีมกันแดด

ในบ้านเรา ถือว่าเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีแสงแดดแรงมาก ยิ่งในช่วงเวลา 9 โมงเช้า ถึงบ่าย 3 โมง จะมีรังสียูวีจากแสงแดดเข้มข้นที่สุด จึงควรหลีกเลี่ยงอยู่กลางแดดจัด เพราะในรังสียูวี หรือรังสีอัลตร้าไวโอเลต (Ultraviolet) เป็นตัวการที่จะทำร้ายผิวพรรณ เป็นที่มาของหน้าไหม้แดด, ฝ้า หน้าเป็นกระ จุดด่างดำ รวมไปถึงการเกิดริ้วรอยบนใบหน้า และอาจก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรง จนนำไปสู่มะเร็งผิวหนังได้เลยค่ะ ดังนั้น การทาครีมกันแดด ทั้งครีมกันแดดทาหน้าและลำตัว จึงเป็นสิ่งสำคัญมาก ซึ่งเทคนิคในการเลือกครีมกันแดด หมอแนะนำให้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 15 ขึ้นไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการใช้ชีวิตประจำวันของเราค่ะ

ทากันแดด 2 ข้อนิ้ว

หลายคนเข้าใจว่า ยิ่งค่า SPF สูง ๆ จะยิ่งช่วยให้ปกป้องแสงแดดได้มากขึ้น ความเป็นจริงเป็นอย่างนั้นไหม เดี๋ยวเราไปหาคำตอบ พร้อมไปทำความรู้จักและวิธีเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF และ PA ที่เหมาะสมกันค่ะ

ทำความรู้จัก SPF

ค่า SPF หรือ Sun Protection Factor คือ ค่าที่บ่งบอกความสามารถของครีมกันแดด ในการป้องกันรังสียูวีบี (UVB) เพื่อไม่ให้ผิวโดนทำร้ายจนเกิดผิวไหม้ ซึ่งในค่า SPF จะมีตัวเลขตามหลัง โดยตัวเลขที่แสดงอยู่นี้ จะบ่งบอกจำนวนเท่าของเวลาในการปกป้องผิวเราจากแสงแดด เช่น หากเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 15 ใช้ปริมาณทากันแดด 2 ข้อนิ้ว เราจะสามารถโดนแสงแดดเป็นระยะเวลาเพิ่มขึ้น 15 เท่า หมอขออธิบายเพิ่มเพื่อให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น คือ จากเดิมหากไม่ทาครีมกันแดด หากออกแดดในเวลา 15 นาที แล้วผิวเราเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง แสดงว่าผิวเราสามารถทนแดดได้ 15 นาที ซึ่งถ้าเราทาครีมกันแดดค่า SPF 15 ก็จะช่วยเพิ่มระยะเวลาในการป้องกันแสงแดดเพิ่มขึ้นอีก 3 ชั่วโมงกว่า ๆ หรือคิดจาก 15×15 = 225 นาทีค่ะ

สำหรับสิ่งที่คนส่วนใหญ่เข้าใจว่า ยิ่งตัวเลขที่ตามหลังค่า SPF สูงมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งปกป้องผิวจากแสงแดดได้มาก อันนี้เป็นเรื่องจริงค่ะ แต่ทั้งนี้ การใช้ครีมกันแดดทาหน้า หรือทาตัว ที่มีค่า SPF สูง ๆ ก็จะเสี่ยงต่อการระคายเคืองที่ผิวได้มากขึ้น ดังนั้น การเลือกทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูง ๆ จะเหมาะกับกิจกรรมกลางแจ้ง และต้องอยู่กับแสงแดดจัดเป็นเวลานานค่ะ หากหนุ่ม ๆ สาว ๆ ที่นั่งทำงานในออฟฟิศทั้งวัน การทาครีมกันแดดถือว่ายังเป็นสิ่งที่จำเป็นอยู่ เพราะในที่ร่มก็ยังมีรังสียูวีทะลุผ่านเข้ามาได้ และยังมีอยู่ในหลอดไฟ, หน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือหน้าจอโทรศัพท์ค่ะ 

การเลือกครีมกันแดดจะต้องคำนึงถึงกิจกรรมที่เราทำ หากนั่งทำงานในที่ร่มทั้งวัน ควรเลือกครีมกันแดดทาหน้า หรือทาตัวที่มีค่า SPF 15 ก็เพียงพอแล้วค่ะ แต่หากต้องออกแดดจัด ๆ เช่น เล่นน้ำที่ทะเล หรือการเล่นกีฬากลางแจ้ง หมอแนะนำให้เลือกทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50 ขึ้นไปค่ะ

ทำความรู้จัก PA

ค่า PA หรือ Protection grade of UVA คือ ค่าที่ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด ใช้ในการป้องกันรังสียูวีเอ (UVA) ซึ่งจะมีตัวระบุจำนวนเท่าที่สามารถปกป้องผิวได้ เป็นเครื่องหมาย (+) โดยหลายคนอาจจะเคยเห็นนะคะว่า ทำไมบางผลิตภัณฑ์ของครีมกันแดดมีเครื่องหมาย (+) ตั้งแต่ 1-4 ตัวเลย สำหรับเครื่องหมาย (+) ที่ตามหลังค่า PA มีความหมายดังนี้ค่ะ

  • PA + มีคุณสมบัติปกป้องผิวจากแสงแดดได้มากกว่าปกติ 2-4 เท่า
  • PA ++ มีคุณสมบัติปกป้องผิวจากแสงแดดได้มากกว่าปกติ 4-8 เท่า
  • PA +++ มีคุณสมบัติปกป้องผิวจากรังสี UVA ได้มากกว่าปกติ 8-16 เท่า
  • PA ++++ มีคุณสมบัติปกป้องผิวจากสังสี UVA ได้มากกว่า 16 เท่า
ทากันแดด 2 ข้อนิ้ว

สรุปแล้ว เราควรเลือกครีมกันแดดทาหน้า และทาตัว ที่มีค่าหลักทั้ง SPF และ PA เพราะจะช่วยปกป้องผิวจากแสงยูวีเอ (UVA) และยูวีบี (UVB) ที่จะทำร้ายผิวเราได้ค่ะ นอกจากนี้ ยังต้องเลือกค่า SPF ให้เหมาะกับกิจกรรมที่เราทำ รวมถึงคุณสมบัติต่าง ๆ เช่น ครีมกันแดดที่ช่วยกันน้ำและกันเหงื่อค่ะ ซึ่งเมื่อเราเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีประสิทธิภาพเหมาะกับเรา ร่วมกับใช้วิธีทาครีมกันแดดอย่างถูกต้อง โดยเลือกทากันแดด 2 ข้อนิ้วกับใบหน้า ก็จะช่วยลดโอกาสการเกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ และผิวหน้าหมองคล้ำได้ค่ะ

ทำไมทาครีมกันแดดแล้ว ผิวยังหมองคล้ำ เป็นแล้วแก้ยังไง

หลายคนเลยนะคะที่มีปัญหาทาครีมกันแดดแล้ว แต่หน้ายังหมองคล้ำ เกิดฝ้า กระ จุดด่างดำได้อยู่ ซึ่งสาเหตุอาจมาได้หลายปัจจัย ทั้งการเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF ที่ไม่เหมาะสม, การทาครีมกันแดดรอบเดียว ทั้งที่ต้องออกแดดจ้าทั้งวัน, การเลือกครีมกันแดดทาหน้าที่มีคุณสมบัติไม่เหมาะกับกิจกรรมนั้น ๆ เช่น ไม่กันน้ำ ไม่กันเหงื่อ ทำให้ครีมกันแดดหลุดลอกไป, ทากันแดด 2 ข้อนิ้วในปริมาณที่น้อยเกินไป บีบออกมาเป็นเส้นบาง ๆ หรือบางคนก็ใช้วิธีทาครีมกันแดดไม่ถูกต้อง เกลี่ยไม่ทั่ว หรือทาครีมกันแดดทาหน้า แต่ละเลยทาที่ลำคอกับลำตัว จึงเป็นที่มาของผิวคล้ำเสีย ผิวไหม้ มีปัญหาฝ้า กระ และจุดด่างดำได้ค่ะ

ครีมกันแดดทาหน้าและลำตัว สามารถลดผลกระทบที่เกิดจากแสงแดด แต่ก็ยังไม่สามารถป้องกันผิวได้เต็มที่ 100% จึงทำให้ผิวพรรณได้รับผลข้างเคียงจากแสงแดด ซึ่งหากผิวเสียเกิดขึ้นแล้ว เราก็สามารถฟื้นฟูผิวให้กลับมาสวยได้อย่างไม่ยากเลยค่ะ ด้วยการรักษาจากเครื่อง Lumecca (นวัตกรรมแสงกึ่งเลเซอร์ที่เข้มข้นกว่า IPL ธรรมดาทั่วไปถึง 3 เท่า) และ Pico Laser เลเซอร์ผิวใส รักษาความผิดปกติของเม็ดสีผิวได้อย่างตรงจุด โดยไม่ทำให้ผิวเบิร์นไหม้ อ่อนโยนมากับผิว สามารถรักษาได้ทั้งใบหน้าและลำตัว รักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ เผยผิวหน้าที่เกลี้ยงเกลา และยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ให้ผิวกลับมาเนียน เด้ง ใส ในเวลาที่รวดเร็ว และเห็นการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ครั้งแรก พร้อมดูแลทุกขั้นตอนจากแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังค่ะ

สีผิวไม่สม่ำเสมอ

สำหรับใครที่สนใจ สามารถเข้าไปอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ตามลิ้งค์ด้านล่างเลยค่ะ

  • Lumecca นวัตกรรมเพื่อผิวขาวใส เข้มข้นกว่า IPL ทั่วไปถึง 3 เท่า
  • Pico Laser เลเซอร์กำจัดได้ทุกรอย เกลี้ยง ไม่ทิ้งรอย!

บทความที่เกี่ยวข้อง

ฟื้นฟูผิวหน้าไหม้แดด ให้กลับมากระจ่างใสได้ทุกซีซัน!!

อ่านเพิ่มเติม

เคลียร์สีผิวไม่สม่ำเสมอ เผยผิวใส กล้าโชว์หน้าสด!

อ่านเพิ่มเติม

เปลี่ยนผิวโทรมเป็น ผิวใส ฉ่ำวาว ด้วยออร่าคอลลาเจน

อ่านเพิ่มเติม

สรุป

          ท้ายนี้ หมอหวังว่าทุกคนคงจะได้ข้อสรุปกันแล้วนะคะว่า ทากันแดด 2 ข้อนิ้ว แตกต่างจากการทาครีมกันแดด 2 นิ้วมืออย่างไร เพื่อนำไปปรับใช้ให้เหมาะสม อย่าไรก็ตาม ไม่ว่าเราจะมีไลฟ์สไตล์ที่อยู่ในร่มหรือกลางแจ้ง การทาครีมกันแดดถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรละเลย หมอจึงแนะนำให้ทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน ด้วยวิธีทาครีมกันแดดที่ถูกต้อง และเลือกใช้ครีมกันแดดทาหน้าให้เหมาะสมกับกิจกรรม รวมถึงสภาพผิว ก็จะช่วยลดโอกาสที่ผิวจะโดนทำร้ายจากแสงแดด ทำให้เกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ และความหมองคล้ำ สำหรับใครที่มีปัญหาผิวพรรณที่ยังแก้ไม่ตก สามารถเข้ามาพูดคุย พร้อมวิเคราะห์ปัญหาผิวพรรณได้ที่ Amara Clinic หรือแอดไลน์สอบถาม รวมถึงนัดวันเข้าพบแพทย์ได้ที่ LINE : @AmaraSkin (มี@นำหน้า) ค่ะ

ขอบคุณภาพประกอบจาก


แพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนัง

พญ.ภคกมล ตุ้มสุทธิ (หมอตวง)

ลงทะเบียนปรึกษาฟรี!


    ใส่ความเห็น