ปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอ สีผิวไม่เท่ากัน หรือแม้แต่ฝ้า กระ จุดด่างดำ และรอยดำต่าง ๆ ล้วนเป็นอุปสรรคผิวสวยใส จนสาว ๆ หลายคนต้องเมคอัพ ทารองพื้น คอลซีลเลอร์ แบบจัดเต็มกันทุกวันก่อนออกจากบ้าน วันไหนเปลือยหน้าสดไปทำงานหรือออกไปข้างนอกก็จะรู้สึกไม่มั่นใจ วันไหนแฟนมาเซอร์ไพรส์ที่บ้านแบบไม่บอกล่วงหน้า บางคนถึงกับต้องบอกให้แฟนรอก่อน เพราะต้องแอบไปแต่งหน้ากลบรอยด่างดำ หรือจะออกนอกไปเที่ยวแต่ละทีก็ต้องเสียเวลาแต่งตัวแต่งหน้าเป็นชั่วโมง แต่จะดีกว่ามั้ย ถ้าเรามีผิวหน้าที่ขาวใส ไร้จุดด่างดำ เปลือยหน้าสดได้อย่างมั่นใจ ใครเห็นก็ทัก วันนี้หมอตวง (แพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังประจำ Amara Clinic) มีข่าวดีมาบอกค่ะ เพราะหมอมีเทคโนโลยีหน้าใสรุ่นใหม่มาแรง! ที่ใครได้ใช้ก็ติดใจ เผยผิวใสได้แบบเห็นผลชัวร์ ไม่ต้องรอนานเหมือนทาครีมบำรุงค่ะ แต่ก่อนอื่น เราไปทำความรู้จักกับเม็ดสีเมลานิน หรือเม็ดสีในชั้นผิว ซึ่งเป็นที่มาของปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอกันก่อนค่ะ
ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับเม็ดสีเมลานิน ซึ่งเป็นที่มาของสีผิวกันก่อนค่ะ เม็ดสีหรือเมลานินในชั้นผิว (Melanin) คือ เม็ดสีที่ถูกผลิตขึ้นจากกลไกตามธรรมชาติในชั้นผิวหนัง หรือเรียกว่า กลไก “เมลาโนเจเนซิส (Melanogenesis)” โดยเซลล์เม็ดสี หรือเซลล์เมลาโนไซต์ (Melanocyte) ที่ผิวหนังจะสร้างเม็ดสีเมลานินขึ้นจากกรดอะมิโนไทโรซิน (Tyrosine) ซึ่งเมลานินเป็นเม็ดสีผิวจะมีอยู่ในผิวหนัง, ดวงตา, เส้นขน และเส้นผม ถูกสังเคราะห์มาจากกรดแอมิโนไทโรซีนในเมลาโนไซต์ก่อนส่งมายังชั้นผิวหนังอีกด้วย สำหรับเมลานินนั้นสามารถแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ ยูเมลานิน (Eumelanin) และฟีโอเมลานิน (Pheomelanin)
- ยูเมลานิน (Eumelanin) เป็นเม็ดสีผิวที่มีลักษณะสีน้ำตาลหรือสีดำ พบได้ในชั้นผิวหนัง, เส้นผม และเส้นขนตามร่างกาย ยิ่งมีเม็ดสีน้ำตาลมากก็ทำให้ก็จะทำให้เส้นผม และเส้นขนมีสีน้ำตาลเข้ม แต่หากมีน้อยจะทำให้เส้นผมมีสีบรอนซ์ทอง (พบในคนยุโรป) ส่วนคนที่มีผิวเข้มจะมีเม็ดสียูเมลานินสีดำอยู่ค่อนข้างเยอะ
- ฟีโอเมลานิน (Pheomelanin) เป็นเม็ดสีผิวที่มีลักษณะสีแดงอมเหลือง เป็นสีที่มีโทนสีสว่าง ซึ่งจะเห็นได้ชัดในเส้นผม, เส้นขน และผิวหนัง
โดยสรุป คือ สีผิวของคนเราแต่ละคนจะถูกกำหนดด้วยจำนวนเม็ดสีเมลานิน ซึ่งเราจะได้รับการถ่ายทอดจากพันธุกรรม (พ่อ แม่ ญาติพี่น้องในตระกูลเดียวกัน) โดยจะมีความแตกต่างกันไปในแต่ละครอบครัว และเชื้อชาติ ส่วนปัจจัยอื่น ๆ ที่มาจากสภาพแวดล้อมภายนอก เช่น การโดนแสงแดด, ฮอร์โมน, การใช้ยา หรือสารเคมีอันตราย ล้วนส่งผลต่อกระบวนการผลิตเม็ดสีเมลานินที่ผิดปกติ ซึ่งเป็นที่มาของปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอ สีผิวไม่เท่ากัน รวมถึงการเกิดฝ้า กระ จุดด่างดำค่ะ
เม็ดสีเมลานินมีหน้าที่อะไร
โดยปกติแล้ว ร่างกายเราจะผลิตเม็ดสีเมลานิน ซึ่งจะมีหน้าที่สำคัญต่อผิวพรรณเรา ซึ่งเม็ดสีเมลานินจะช่วยปกป้องผิวเราจากแสงยูวี เพราะสามารถดูดซับแสงแดดที่มีความเข้มข้นได้ รวมถึงช่วยกระจายแสง เพื่อไม่ให้ผิวเราไหม้เกรียมจากแสงแดด (Sunburn)
- ทำหน้าที่เหมือนแผ่นกรองแสงยูวีที่อยู่ในแสงแดด
- ช่วยกระจายแสงยูวี ซึ่งแสงที่มีความยาวคลื่นสั้น (แสงสีม่วงฟ้า) ที่เมื่อกระทบผิวหนังจะถูกหักเหออกไป
- ช่วยดูดซับรังสียูวี รวมถึงแสงที่มองเห็นด้วยตาเปล่าได้ จากนั้นจะมีการกระจายตัวออก
- ทำหน้าที่ดักจับอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นตัวการทำลายภูมิคุ้มกันและเซลล์ต่าง ๆ ทำให้เกิดการเสื่อมถอยของร่างกาย ซึ่งจะแสดงออกมาในรูปแบบของริ้วรอย และหน้าแก่ก่อนวัย
บทความที่เกี่ยวข้อง
- ตากแดดทั้งวันจนหน้าไหม้ ทำให้ผิวคล้ำเสียสะสม จะกู้คืนยังไงให้ได้ผล หาคำตอบได้ที่ หน้าไหม้แดด
- ตีนกา ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก ทำให้หน้าแก่ มีวิธีไหนที่จะช่วยกู้ผิวให้อิ่มฟู ริ้วรอยหาย อ่านเพิ่มเติมได้ที่ ริ้วรอยบนใบหน้า
สีผิวไม่สม่ำเสมอ เกิดจากอะไร
ปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอ หรือที่เรียกว่า ภาวะไฮเปอร์พิกเมนเทชั่น (Hyperpigmentation) เกิดจากความผิดปกติของการสร้างและการลำเลียงขนส่งเม็ดสีผิว (Melanin) ซึ่งจะทำให้เม็ดสีผิวเข้าไปสะสมยังชั้นผิวหนังไม่เท่ากัน โดยจะเกิดขึ้นในบางตำแหน่งของผิวหนัง ทำให้เกิดบางจุดบนผิวมีสีเข้มกว่ารอบข้าง และจะมีขนาดและรูปร่างที่แตกต่างกันออกไป จนทำให้สีผิวไม่สม่ำเสมอ ซึ่งปัญหาที่พบได้บ่อยมาก ได้แก่ การเกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ และรอยด่างดำ สำหรับปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอนี้ เกิดขึ้นได้รับทุกเพศ ทุกวัย
หากเม็ดสีเมลานินมีความผิดปกติ จะส่งผลกระทบต่อผิวพรรณ จนเป็นสาเหตุของสีผิวไม่สม่ำเสมอ ซึ่งคำว่าสีผิวไม่สม่ำเสมออาจหมายความรวมไปถึง การเกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ รอยสิว และรอยด่างดำต่าง ๆ โดยปัจจัยที่มีผลต่อการสร้างเม็ดสีเมลานินที่ผิดปกติ คือ ฮอร์โมนในร่างกาย รวมถึงปัจจัยภายนอก อย่างแสงแดด, การใช้ยาบางชนิด หรือการใช้สารที่เป็นอันตรายกับผิวค่ะ
ฮอร์โมนในร่างกาย
อย่างในกรณีของคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ จะทำให้ระดับฮอร์โมนในร่างกายแกว่งไปมา หรือแม้กระทั่งคนที่มีภาวะขาดไทรอยด์ (Hypothyroidism) ซึ่งความผิดปกติของฮอร์โมนในร่างกาย จะไปกระตุ้นการผลิตเม็ดสีเมลานินในชั้นผิวให้มากขึ้น ส่งผลให้ผิวหน้าเป็นฝ้า กระ จุดด่างดำได้ง่ายกว่าปกติ นอกจากนี้ ยังพบปัญหาของผิวหมองคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ มีรอยด่างดำตามข้อพับต่าง ๆ เช่น รักแร้, ข้อศอก, หลังคอ หรือขาหนีบ
รังสียูวีจากแสงแดด
โดยปกติแล้ว เม็ดสีเมลานินจะถูกผลิตมาเพื่อเป็นตัวป้องกันไม่ให้ผิวไหม้ แต่ทั้งนี้ ในแสงแดดมีรังสียูวี หรือรังสีอัลตราไวโอเลต ซึ่งยังสามารถทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ ยิ่งถ้าเป็นรังสียูวีประเภท UVA จะลงลึกไปทำร้ายผิวหนังชั้นใน ซึ่งจะทำให้สีผิวไม่สม่ำเสมอ หน้าหมองคล้ำ มีสีผิวไม่เท่ากัน เกิดเป็นฝ้า กระ จุดด่างดำค่ะ ยิ่งในคนที่มีผิวขาวมาก หรือในชาวต่างชาติผิวขาว เราจะเห็นว่าส่วนใหญ่มักจะมีปัญหาหน้าเป็นกระ หรือตกกระตามลำตัว เพราะชอบอาบแดด หรือบางคนโดดแดดไม่มาก แต่ก็มีปัญหาจุดด่างดำได้ง่ายและมากกว่าคนสีผิวเข้มค่ะ
การใช้ครีมหรือยาบางประเภท
การใช้ยาบางประเภทเป็นสาเหตุของสีผิวไม่สม่ำเสมอ เช่น การทานยาคุมกำเนิดเป็นระยะเวลานาน จะส่งผลกระทบกับผิวพรรณ จนเกิดเป็นรอยด่างดำ สีผิวคล้ำขึ้น เกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ เนื่องจากฤทธิ์ของยาทำให้ผิวบางลง เมื่อโดนแสงแดดก็จะไปกระตุ้นการผลิตเม็ดสีเมลานินในชั้นผิว รวมไปถึงการใช้ครีมทาผิวที่มีส่วนผสมของสารอันตราย อย่างสารสเตียรอยด์ สารปรอท ที่อยู่ในพวกครีมหน้าขาว ครีมทาฝ้า เมื่อใช้แล้วทำให้ผิวหน้าอ่อนแอ ผิวบางลง และผิวไวต่อแสงแดด นอกจากนี้ ยังทำให้เกิดผลข้างเคียงซึ่งเป็นอันตรายอีกมากมาย เกิดอาการระคายเคือง ผิวหนังอักเสบ รู้ตัวอีกทีผิวหน้าก็พังจนรักษายากค่ะ
บทความที่เกี่ยวข้อง
- ฝ้าหนาเป็นปื้น เกิดจากอะไร มีวิธีไหนที่จะรักษาได้อย่างเห็นผลจริง ไม่ต้องง้อครีม หาคำตอบได้ที่ รักษาฝ้า
- รอยแดง รอยด่างดำ ที่เกิดจากสิว รักษาได้ง่าย ๆ หายชัวร์! อ่านเพิ่มเติมได้ที่ ลดรอยสิวเร่งด่วน
ปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอ ป้องกันได้!
- ทาครีมกันแดดเป็นประจำ เลือกใช้ครีมกันแดดที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันแสง UVA และ UVB ที่มีค่า SPF 50 PA+++ ขึ้นไป แนะนำให้ทาก่อนออกแดดประมาณ 30 นาที และทาซ้ำได้ทุก ๆ 2 ชั่วโมง
- หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด โดยเฉพาะในช่วง 10 โมงเช้าถึงบ่าย 3 โมงเย็น หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ แนะนำให้ใส่หมวกปีกกว้าง สวมเสื้อผ้าที่ปกคลุมผิวอย่างมิดชิด
- เลือกใช้ครีมทาผิวที่เหมาะกับสภาพผิว หากเกิดรอยด่างดำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ ฝ้า กระ จุดด่างดำ หรือผิวหมองคล้ำ แนะนำเลือกใช้ครีมทางผิวที่มีคุณสมบัติปรับสีผิวให้สว่างกระจ่างใส ซึ่งมีส่วนผสมของวิตามินซี, วิตามินเอ, วิตามินบี3, กรด Azelaic Acid และกรด Salicylic Acid และหลีกเลี่ยงการใช้ครีมที่มีสเตียรอยด์ รวมถึงสารปรอท ที่เป็นอันตรายกับผิว
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอในแต่ละวัน (2-3 ลิตรต่อวัน)
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงความเครียด เพื่อรักษาสมดุลระดับฮอร์โมนในร่างกาย เพื่อผิวพรรณที่สดใส ไร้ปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำ และสีผิวไม่สม่ำเสมอ
รักษาสีผิวไม่สม่ำเสมอ ด้วยเทคโนโลยีรุ่นใหม่ มาแรง!
หลายคนที่รักษาสีผิวไม่สม่ำเสมอ สีผิวไม่เท่ากัน ฝ้า กระ จุดด่างดำ ด้วยการทาครีมบำรุงผิวแล้ว แต่ด้วยปัญหาที่ฝังรากลึกถึงชั้นผิวด้านใน และสะสมมานาน ทำให้การทาครีมที่ช่วยบำรุงให้ผิวกระจ่างใสไม่ได้ผล หมอจึงแนะนำให้เข้ารับการรักษากับแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังค่ะ ซึ่งที่ Amara Clinic เรามีการรักษาปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอ ด้วยเทคโนโลยีรุ่นใหม่ที่กำลังมาแรงและเป็นที่พูดถึงมากในขณะนี้ นั่นก็คือ นวัตกรรมแสงกึ่งเลเซอร์จากเครื่อง Lumecca และการทำ Pico Laser ที่จะมาจัดการกับเม็ดสีเมลานินในชั้นผิวได้อย่างตรงจุด แต่มีความอ่อนโยนกับผิวพรรณ ไม่ทิ้งรอยด่างดำ ไม่เบิร์น เห็นผลได้ไว ช่วยให้ผิวหน้ากลับมาขาวใส และช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอได้ดีค่ะ
รักษาสีผิวไม่สม่ำเสมอ ด้วย Pico Laser
Pico Laser คือ เครื่องเลเซอร์ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี Picosecond Laser โดยการปล่อยแสงเลเซอร์ออกมาในช่วงระยะเวลาที่สั้นมาก ๆ ในเวลา 1 picosecond ต่อ 1 ช็อต (1 picosecond = 1 ในล้านล้านวินาที) ด้วยคลื่นความถี่ในช่วงระยะเวลาระดับ picosecond จะมีผลให้เกิดการกระจายตัวของเม็ดสีผิว รวมไปถึงหมึกที่ใช้สักลายให้มีขนาดอนุภาคที่เล็กกว่าเลเซอร์รุ่นอื่น ๆ เมื่อเม็ดสีกระจายตัวเป็นผงเล็ก ๆ แล้วจะถูกกำจัดออกจากร่างกาย (ทางระบบน้ำเหลือง) ได้ง่ายและไวขึ้น ช่วยรักษาความผิดปกติของเม็ดสีผิวเมลานิน เช่น ปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอ รอยด่างดำ ฝ้า กระ จุดด่างดำ ปานโอตะ รอยแผลเป็น รวมถึงช่วยลบรอยสักได้ ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ ผิวหน้าใสเรียบเนียนค่ะ (อ่านเพิ่มเติมได้ที่ Pico Laser)
รักษาสีผิวไม่สม่ำเสมอ ด้วย Lumecca
สำหรับเทคโนโลยีต่อมาที่ช่วยรักษาสีผิวไม่สม่ำเสมอ นั่นก็คือ Lumecca ซึ่งเป็นนวัตกรรมแสงกึ่งเลเซอร์ที่เข้มข้นกว่า IPL ธรรมดาทั่วไปถึง 3 เท่า โดยหลักการทำงานของเครื่อง คือ การปล่อยพลังงานแบบ Highest Peak Power ที่มีคุณสมบัติช่วยลดเลือนเม็ดสีที่ผิดปกติได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยหลักการทำงานของเครื่องนี้คือ เมื่อส่งพลังงานลงสู่ชั้นผิวที่ต้องการทำการรักษารอยสิวแล้ว จะไปทำปฏิกิริยากับเม็ดสีนั้นอย่างเฉพาะเจาะจง หลังจากนั้นเม็ดสีผิวต่าง ๆ ที่อยู่ใต้ผิวก็จะดูดซับแสงที่ปล่อยลงไป และค่อย ๆ ถูกทำลายให้จางหายไป โดยเมื่อทำการรักษาเสร็จทันที บริเวณดังกล่าวอาจจะมีสีที่เข้มขึ้น และเป็นสะเก็ดขึ้นได้นะคะ สำหรับฝ้า กระ จุดด่างดำ จะตกสะเก็ดจะหลุดออกภายใน 1 สัปดาห์ จากนั้น ผิวเราจะสว่างกระจ่างใสยิ่งขึ้นค่ะ (อ่านเพิ่มเติมได้ที่ Lumecca)
ผลลัพธ์หลังรักษาสีผิวไม่สม่ำเสมอ ด้วย Lumecca
*ผลลัพธ์ที่ได้อาจแตกต่างกันในแต่ละบุคคล
บทความที่เกี่ยวข้อง
สรุป
หลังจากรักษาเส้นเลือดฝอยที่หน้า เส้นเลือดฝอยที่แก้ม เส้นเลือดฝอยที่จมูก รวมถึงฝ้าเลือดแล้ว หมอแนะนำให้ดูแลผิวพรรณอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันการเกิดเส้นเลือดฝอยที่หน้า ด้วยการหลีกเลี่ยงปัจจัยต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดเส้นเลือดที่หน้า เช่น แสงแดด, การทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง, ยาทาหรือครีมที่มีส่วนผสมของสารสเตียรอยด์ เช่น พวกครีมหน้าขาว หรือครีมทาฝ้า หากจำเป็นต้องใช้ ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผิวหนัง และใช้เป็นระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น สำหรับปัญหาเส้นเลือดฝอยที่หน้าอาจไม่ได้ส่งผลต่อสุขภาพ และไม่ใช่โรคร้ายแรง แต่หากปล่อบทิ้งไว้นาน ก็อาจทำให้เส้นเลือดที่หน้าลุกลามจนทำให้ขาดความมั่นใจได้ หมอจึงแนะนำให้เข้ามาปรึกษาที่ Amara Clinic ได้ค่ะ หรือสามารถแอดไลน์เพื่อพูดคุยปรึกษาหมอได้ที่ LINE : @amaraskin