ฟื้นฟูผิวใต้ตายังไงให้เรียบเนียน!? แก้ปัญหา “ใต้ตาเหี่ยว” อย่างเห็นผลจริง!!

ใต้ตาเหี่ยว

ผิวหน้าถือเป็นสิ่งที่ผู้คนไม่ว่าเพศไหนต่างก็ให้ความใส่ใจ และดูแลผิวส่วนนี้มากเป็นพิเศษอยู่เสมอ แต่จะมีบริเวณหนึ่งของใบหน้าที่มักถูกละเลยมากกว่าใคร นั่นก็คือ “ผิวบริเวณรอบดวงตา” ที่หากปล่อยไปโดยไม่ดูแล สามารถส่งผลให้เกิด “ปัญหาผิวใต้ตาเหี่ยว” และริ้วรอยรอบดวงตาต่าง ๆ ตามมาได้ง่ายมาก ๆ ค่ะ 

วันนี้ หมอตวง Amara Clinic จึงขออาสาพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับสาเหตุของปัญหาใต้ตาเหี่ยว ที่ทำให้สุขภาพผิวรอบดวงตาดูโรยราจนภาพรวมของใบหน้าดูแก่กว่าวัย จะลงคอนซีเลอร์หนาแค่ไหนก็ยังมองเห็นรอยได้ชัด จนทำลายความมั่นใจของใครหลายคนไป ดังนั้นเพื่อให้ทุกคนได้รับคำแนะนำในการรักษาที่เหมาะสมและเห็นผลจริง หมอจึงมี 5 เทคนิคการรักษาผิวใต้ตาเหี่ยว ให้กลับมาอิ่มฟูเรียบเนียนอีกครั้ง ถ้าใครอยากรู้ว่ามีอะไรบ้างเราไปติดตามกันต่อที่รายละเอียดด้านล่างได้เลยค่ะ – หมอตวง Amara Clinic

ก่อนที่เราจะไปดูถึงวิธีแก้ปัญหาใต้ตาเหี่ยว หมอขอแนะนำให้ทุกคนทำความเข้าใจถึงสาเหตุของปัญหานี้ก่อนค่ะ จริง ๆ คนไข้แต่ละเคสที่ได้เข้ามาปรึกษากับหมอในเรื่องของผิวใต้ตา ก็จะมีความรุนแรงมากน้อยต่างกันไป  เนื่องจากมีสาเหตุที่แตกต่างกันตามปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้

ใต้ตาเหี่ยว

อายุมากขึ้น

อายุที่เพิ่มมากขึ้นนอกจากจะส่งผลต่อการเปลี่ยนของสุขภาพภายในแล้ว ในด้านของผิวพรรณอายุก็จัดว่าเป็นตัวการสำคัญ ที่ทำให้ผิวเราโรยราและหย่อนคล้อยยิ่งขึ้นค่ะ โดยเฉพาะบริเวณกระดูกใต้ตาที่จะเกิดการยุบตัวลงเมื่ออายุเริ่มมากขึ้น ทำให้เนื้อบริเวณผิวหนังใต้ตาดูน้อยลงตามไปด้วยค่ะ เมื่อนำรูปสมัยวัยรุ่นมาเทียบจึงเห็นได้ชัดเจนเลยค่ะ ว่าผิวในตอนนั้นจะมีความอิ่มฟูกว่าเนื่องจากเนื้อใต้ตายังมีเยอะอยู่ค่ะ นอกจากนี้อายุยังส่งผลให้เกิดปัญหาริ้วรอย ตีนกา และความหมองคล้ำได้ด้วยค่ะ

ผิวสูญเสียคอลลาเจน

ผิวหนังของเราเป็นส่วนที่มีองค์ประกอบของคอลลาเจนและอิลาสตินอยู่เป็นจำนวนมาก เมื่อร่างกายของเราสูญเสียคอลลาเจนไปหรือร่างกายได้รับคอลลาเจนไม่เพียงพอ จะส่งผลให้ผิวหนังเหี่ยวย่น ขาดความยืดหยุ่น ผิวใต้ตาที่เคยเต่งตึงก็จะเหี่ยวย่นลงเรื่อย ๆ จะสังเกตได้ว่าในผิวของเด็กจะมีความนุ่มเด้งและเรียบเนียน นั้นเป็นเพราะว่าในผิวของเด็ก ๆ มีคอลลาเจนและอิลาสตินอยู่สมบูรณ์ค่ะ ดังนั้นใครที่ไม่อยากมีปัญหาผิวชราจึงควรเสริมสร้างคอลลาเจนให้กับร่างกายอยู่เสมอค่ะ

ไขมันใต้ผิวน้อยลง

หลายคนอาจจะมองไขมันเป็นสิ่งที่ไม่ดีต่อร่างกาย แต่หากว่าผิวหน้าและใต้ตาของเราขาดไขมันใต้ผิวเป็นจำนวนมาก จะก่อให้เกิดผลเสียหลากหลายด้านมาก ๆ ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาหน้าตอบ ร่องแก้มร่องน้ำหมาก รวมทั้งปัญหาใต้ตาเหี่ยวด้วยค่ะ ดังนั้นในคนที่ผิวหน้าขาดไขมันจึงเกิดปัญหาเหล่านี้ได้ง่ายขึ้น ทำให้ใบหน้าแลดูแก่กว่าวัยและดูโทรมได้ค่ะ

ใต้ตาเหี่ยว

พฤติกรรมการใช้ชีวิต

ไลฟ์สไลต์ต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน ล้วนส่งผลต่อทั้งสุขภาพภายในและสุขภาพผิว ในคนที่มีปัญหาใต้ตาเหี่ยว มักได้รับผลกระทบมาจากไลฟ์สไตล์ของตัวเองเป็นส่วนใหญ่ค่ะ ซึ่งพฤติกรรมที่ส่งผลให้เกิดปัญหาใต้ตาเหี่ยวได้เร็วและรุนแรงขึ้น คือ การพักผ่อนไม่เพียงพอ การกินอาหารที่ไม่มีคุณค่าทางโภชนาการ รวมทั้งการใช้งานดวงตาหนัก ๆ ด้วยค่ะ จะเห็นได้ว่ายุคสมัยนี้ผู้คนนิยมจ้องหน้าจอกันมากขึ้น ส่งผลให้แสงสีฟ้าเหล่านั้นทำลายทั้งประสาทตาและกล้ามเนื้อบริเวณใต้ตา เมื่อทำพฤติกรรมนี้ซ้ำนานหลายปี กล้ามเนื้อตาที่ทำงานหนักมาตลอดจึงเริ่มหย่อนคล้อยและเหี่ยวย่นลงมาค่ะ ดังนั้นในกลุ่มคนหนุ่มสาวจึงมีปัญหาใต้ตาเหี่ยวและหมองคล้ำได้ไวขึ้นค่ะ บางคนอยู่มัธยมแต่ก็เริ่มมีปัญหานี้แล้วก็มีเช่นกันค่ะ

แสงแดดและมลภาวะ

ผิวหน้าที่มีการสัมผัสกับแสงแดดเป็นประจำ โดยไม่มีการป้องกันด้วยกันแดดหรืออุปกรณ์กันแดดต่าง ๆ จะทำให้ผิวหน้าสัมผัสกับรังสี UV ได้โดยตรง ส่งผลให้เส้นใยคอลลาเจนและอิลาสตินถูกทำลาย ผิวหน้าที่เคยแข็งแรงและยืดหยุ่นก็จะอ่อนแอลดอย่างรวดเร็วค่ะ ริ้วรอยและปัญหาใต้ตาเหี่ยวจึงปรากฏขึ้นให้เราเห็นมากขึ้นเรื่อย ๆ อีกทั้งในบางคนอาจมีอาการหน้าไหม้แดดรวมด้วย ดังนั้นการทากันแดดก่อนออกจากบ้านทุกวันจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรละเลยค่ะ

“ใต้ตาเหี่ยวมีรอยย่น” ส่งผลเสียอย่างไร?

ส่งผลต่อรูปลักษณ์ภายนอก

สิ่งที่ทำให้คนที่มีปัญหาใต้ตาเหี่ยวหลายคนมองหาวิธีแก้ไขผิวใต้ตา เป็นเพราะว่าปัญหานี้ส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์โดยตรงเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มอายุให้กับใบหน้า ทำให้ถูกเข้าใจผิดในเรื่องอายุอยู่บ่อย ๆ อีกทั้งยังทำให้ใบหน้าขาดความสดใสและดูโรยราตลอดเวลา ซึ่งส่งผลต่อบุคลิกภาพอย่างมากเลยค่ะ และหากว่าสาว ๆ คนไหนที่กำลังมีปัญหานี้ก็ยังส่งผลต่อการแต่งหน้าอีกด้วยค่ะ เพราะหากว่ากล้ามเนื้อใต้ตาของเรามีความเหี่ยวลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะใช้เครื่องสำอางแพงแค่ไหนก็ปกปิดต่อปัญหานี้ได้ยากมากอยู่ดีค่ะ หรือไม่ก็อาจกลายเป็นร่องเป็นคราบเครื่องสำอางระหว่างวันได้อีกด้วยค่ะ ดังนั้นปัญหาใต้ตาเหี่ยวจึงไม่ควรปล่อยไว้เด็ดขาดเลยค่ะ!!

ส่งผลต่อความมั่นใจ

เมื่อปัญหาผิวใต้ตาเหี่ยวส่งผลต่อรูปลักษณ์และความสวยงามภายนอกแล้ว ผลกระทบอีกสิ่งที่ตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือผลกระทบต่อความมั่นใจ มีคนไข้ไม่น้อยเลยค่ะที่หมอเคยได้พูดคุยและให้คำปรึกษา แล้วมีปัญหาสูญเสียความมั่นใจในเรื่องของผิวพรรณ เนื่องจากแต่งตัวแต่งหน้าได้ไม่สวยอย่างเคย หรือโดนทักจากคนรอบข้างในเรื่องเดิม ๆ บ่อยเกินไป จนสุดท้ายก็นำมาสู่ความไม่มั่นใจในตัวเองได้ค่ะ ดังนั้นเพื่อช่วยให้ทุกคนสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมั่นใจ หมอได้อธิบายถึงแนวทางการรักษาปัญหาใต้ตาเหี่ยวไว้ที่ด้านล่างให้ทุกคนแล้วค่ะ

5 วิธีรักษาปัญหา “ผิวใต้ตาเหี่ยว” ทำให้แล้วเห็นผลจริง!!

1.การฉีดสารเติมเต็ม HA (Hyaluronic Acid)

สำหรับวิธีรักษาด้วยการฉีดสารเติมเต็ม HA หรือ Filler เข้าไปที่บริเวณผิวใต้ตา เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากช่วยลดความเหี่ยวย่นได้อย่างเห็นผล เพราะว่าสารเติมเต็ม HA หรือ Hyaluronic Acid ถูกทำออกมาให้มีลักษณะที่คล้ายคลึงกับไฮยาลูโรนิค ที่เป็นส่วนประกอบของคอลลาเจนในผิวหนังของคนเรา อย่างที่เราต่างรู้กันว่าไฮยาลูโรนิคเป็นส่วนสำคัญในการช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและความยืดหยุ่นให้ผิว ดังนั้นเมื่อฉีดเข้าไปบริเวณผิวที่เหี่ยวย่นผิวก็จะอิ่มฟูและเรียบเนียนขึ้นค่ะ โดยการฉีดสารเติมเต็ม HA หนึ่งครั้งจะอยู่ได้นาน 6 เดือน – 1ปี (ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเอง) หลังจากนั้นจะค่อย ๆ สลายไปตามกระบวนการของร่างกาย

ใต้ตาเหี่ยว

ข้อดี

  • ผิวใต้ตากระชับ เต่งตึง ยิ่งขึ้น
  • ช่วยเติมให้ผิวดูอิ่มฟูยิ่งขึ้น
  • เพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิว
  • ใต้ตาแลดูสุขาภาพดีและสดใส
  • ไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพภายใน

ข้อควรระวัง

  • สามารถยุบตัวลงได้เร็วกว่าระยะ 1 ปี หากหลังฉีดคนไข้มีการดูแลตัวเองที่ไม่เหมาะสม ดังนั้นจึงควรปฎิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่ดครัด

2. การฉีดสารโบทูลินัม ท็อกซิน

สารโบทูลินัม ท็อกซิน คือ สารชีวภาพปราศจากเชื้อ โดยสารตัวนี้จะถูกนำไปผ่านกระบวนการทำให้บริสุทธิ์ ทุกครั้งที่หมอจะนำมาใช้จะต้องเอาน้ำเกลือมาผสมในสัดส่วนที่เหมาะสมก่อนค่ะ แล้วจึงทำการฉีดเข้าสู่กล้ามเนื้อในบริเวณที่ต้องการทำการรักษา ซึ่งคุณสมบัติของท็อกซินคือการช่วยคลายกล้ามเนื้อและลดริ้วรอยในบริเวณต่าง ๆ ทั่วใบหน้า ดังนั้นในคนไข้บางเคสที่ต้องการลดริ้วรอยและความเหี่ยวย่นของใต้ตา จึงสามารถเลือกรักษาโดยการฉีดท็อกซินได้ค่ะ

ใต้ตาเหี่ยว

ข้อดี

  • ลดปัญหาใต้ตาเหี่ยวช่วย
  • ลดความหย่อนคล้อย 
  • ลดเลือนริ้วรอยได้จริง
  • ช่วยเพิ่มความอ่อนเยาว์ให้ใบหน้า
  • ใบหน้าดูเต่งตึง เรียบเนียน

ข้อควรระวัง

  • ต้องฉีดกับแพทย์ผิวหนังเท่านั้น เพราะหากฉีดผิดตำแหน่งสามารถส่งผลเสียต่อกล้ามเนื้อของใบหน้าได้

3.การใช้คลื่นความถี่วิทยุ RF จากเครื่อง Morpheus8

ในผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยและใต้ตาเหี่ยวระดับรุนแรง หมอขอแนะนำให้รักษาด้วยการใช้คลื่น RF จากเครื่อง Morpheus8 ที่ได้รับการรับรองจาก U.S. FDA (องค์การอาหารและยาของประเทศสหรัฐอเมริกา) ซึ่งการรักษาปัญหาใต้ตาเหี่ยววิธีนี้ ถือเป็นการรักษาที่สามารถแก้ไข้ได้ทุกระดับความรุนแรงของปัญหา เนื่องจาก Morpheus8 สามารถปล่อยคลื่นความถี่วิทยุลงไปได้ถึงชั้นไขมันใต้ผิวหนัง จึงทำให้สามารถทำการยกกระชับผิวในทุกระดับของชั้นผิวหนัง อีกทั้งยังไม่ทิ้งรอยแผลหลังทำอีกด้วยค่ะ ดังนั้นไม่ว่าใครจะมีปัญหาใต้ตาเหี่ยวแบบเริ่มต้นหรือเป็นมานานหลายปี ก็สามารถฟื้นฟูผิวใต้ตาให้กลับมาเรียบเนียนได้ค่ะ

ใต้ตาเหี่ยว

ข้อดี

  • ช่วยยกกระชับใต้ตาให้เต่งตึงขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้ผิว
  • ผิวหน้าแลดูอ่อนเยาว์และสดใสขึ้น 
  • ลดเลือนริ้วรอยต่าง ๆ 
  • ไม่ทิ้งรอยแผลเป็นหลังทำ

ข้อควรระวัง

  • การรักษาด้วย Morpheus8 จำเป็นต้องให้การรักษาโดยแพทย์ที่ชำนาญและมีประสบการณ์สูงเท่านั้น เนื่องจากการเลือกใช้ความยาวคลื่นต้องปรับให้ตรงต่อปัญหาและผิวหน้าของคนไข้ จึงจะก่อให้เกิดผลดีหลังทำการรักษา

4.การใช้พลังงานอัลตร้าซาวด์จากเครื่อง Ultraformer III

การรักษาปัญหาผิวหย่อนคล้อยด้วยพลังงานอัลตร้าซาวด์ จากเครื่อง Ultraformer III ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีในการรักษาปัญหาใต้ตาเหี่ยวย่นที่ได้รับความนิยมอย่างมากค่ะ เนื่องจาก Ultraformer III มีความสามารถในการยกกระชับแก้ไขปัญหาริ้วรอยของผิวได้มากกว่า Hifu ทั่วไปถึง 5 เท่าเลยค่ะ โดยตัวคลื่นสามารถลงไปแก้ไขปัญหาผิวหน้าได้ลึกถึงชั้น SMAS ส่งผลให้การเรียงตัวของคอลลาเจนและอิลาสตินทำงานได้ดีขึ้น หลังทำคนไข้จึงเห็นถึงความเรียบเนียนของผิวได้อย่างชัดเจน อีกทั้งวิธีนี้ยังไม่ทำให้ผิวไหม้หลังทำอีกด้วยค่ะ จึงมั่นใจได้เลยค่ะว่าใต้ตาจะเต่งตึงและกระชับโดยไม่มีผลข้างเคียงรุนแรงอย่างแน่นอนค่ะ

ใต้ตาเหี่ยว

ข้อดี

  • ผิวใต้ตากระชับและเต่งตึงยิ่งขึ้น
  • ผิวหน้าเรียบเนียนยิ่งขึ้น
  • หลังทำผิวไม่ไหม้ ไม่ทิ้งรอยแผลเป็น
  • เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาใต้ตาเหี่ยวทุกระดับความรุนแรง
  • ใช้เวลาในการรักษาน้อยเพียงแค่ 20-30 นาที
  • เห็นผลลัพธ์หลังทำทันที

ข้อควรระวัง

  • การรักษาด้วยพลังงานอัลตร้าซาวด์สามารถช่วยยกระชับได้นานถึง 1 ปี แต่หากคนไข้ไม่มีการดูแลตัวเองหลังทำผลลัพธ์อาจลดน้อยลงกว่านี้ได้ค่ะ

5.การนวด RF จากเครื่อง Thermatight

และสำหรับวิธีการรักษาปัญหาใต้ตาเหี่ยวสุดท้ายที่หมออยากจะแนะนำก็คือ การนวด RF ด้วยเครื่อง Thermatight ที่เป็นการนำเทคโนโลยีคลื่นความถี่วิทยุชนิดพิเศษ มาใช้เพื่อยกกระชับผิวหน้าในบริเวณต่าง ๆ โดยมีความร้อนอยู่ที่ 60 °C ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่สามารถช่วยในการกระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิวได้อย่างประสิทธิภาพ โดยไม่ก่อให้เกิดอาการผิวหนังด้านบนไหม้ตามมา ดังนั้นจึงว่างใจได้เลยค่ะว่ารักษาด้วยวิธีนี้แล้วได้ผิวใต้ตาที่เต่งตึงและไม่แดงไหม้แน่นอนค่ะ

ใต้ตาเหี่ยว

ข้อดี

  • ช่วยกระชับผิวใต้ตาให้เต่งตึงขึ้น
  • หลังทำไม่มีรอยแผลเป็น ไม่ต้องพักฟื้น
  • กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ผิวเรียบเนียนยิ่งขึ้น
  • ใช้เวลาในการรักษาไม่นาน
  • มีอุณหภูมิความร้อนที่เหมาะสม หลังทำผิวจึงไม่ไหม้

ข้อควรระวัง

  • การนวด RF ให้ผิวหลังทำเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน ควรเลือกรับการรักษากับแพทย์ผิวหนังโดยตรง

ฉีดไขมันใต้ตา ช่วยลดริ้วรอยได้ไหม!?

การฉีดไขมันใต้ตา สามารถช่วยลดเลือนริ้วรอยใต้ตาได้ค่ะ แต่ทั้งนี้การที่จะฉีดไขมันแล้วให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี ไขมันเกาะกับผิวหนังเยอะจนเห็นความเปลี่ยนแปลงตามที่คาดหวัง จะต้องเลือกทำการฉีดกับคุณหมอที่มีความชำนาญในด้านนี้ รวมทั้งการเติมไขมันที่ใต้ตาควรผ่านขั้นตอนในการคัดแยก และปั่นเซลล์ไขมันที่มีชีวิตให้ละเอียดก่อนนำมาเติม เพื่อให้ผลลัพธ์หลังฉีดไขมันใต้ตามีประสิทธภาพสูงค่ะ

ที่ Amara Clinic เราเป็นคลินิกที่มีจำนวนเคสดูดไขมัน-เติมไขมันเป็นจำนวนมาก ดังนั้นคุณหมอที่นี่จึงมากด้วยประสบการณ์ในด้านการดูดไขมัน-เติมไขมัน อีกทั้งเรายังมีเครื่องดูดไขมันพลังน้ำที่ช่วยให้การดูดไขมันอ่อนโยนยิ่งขึ้น เซลล์ไขมันที่ได้จึงมีความสมบูรณ์หรือเรียกว่าไขมันที่ยังมีชีวิต เมื่อนำไปเติมจึงช่วยให้ไขมันเกาะกับผิวได้ดีและเห็นความเปลี่ยนแปลงหลังทำได้อย่างชัดเจนค่ะ

รักษาปัญหาผิวที่ Amara Clinic ดีอย่างไร?

หลายคนที่กำลังลังเลว่าควรรักษาปัญหาผิวหน้าที่ไหนดี? แล้วรักษาที่ Amara Clinic ดีอย่างไร? ที่ Amara Clinic นอกจากเราจะให้บริการในด้านการดูดไขมันที่ครบครันแล้ว เราก็ยังมีบริการดูแลในด้านปัญหาผิวต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ปัญหาใต้ตาเหี่ยวย่น ปัญหาสิว-หลุมสิว ปัญหาหน้าหมองคล้ำ เป็นฝ้า กระ จุดด่างดำ เราก็มีเครื่องมือที่พร้อมจะเข้าแก้ไขปัญหาเหล่านี้ โดยทุกท่านที่เข้ามาปรึกษากับทางคลินิกจะได้รับบริการอย่างอบอุ่น และหมอตวงพร้อมที่จะให้คำแนะนำในเรื่องของปัญหาผิวทุกรูปแบบ ดังนั้นจึงมั่นใจได้เลยค่ะว่าถ้ามาที่ Amara Clinic แล้วทุกท่านจะได้รับทั้งการรักษาที่เห็นผลและการบริการที่ดีกลับไปแน่นอนค่ะ 

  • ให้การรักษาปัญหาผิวด้วยแพทย์ผิวหนังที่มีประสบการณ์
  • มีเครื่องมือในการรักษาที่ทันสมัยและเป็นเครื่องแท้!!
  • บริการครอบคลุมทุกปัญหาผิว มาที่เดียวรักษาได้ทุกปัญหาผิว
  • เน้นการให้คำปรึกษาที่จริงใจและเสนอแนวทางการรักษาที่เหมาะต่อตัวคนไข้
  • ห้องผ่าตัดมาตรฐานระบบ Positive Pressure
  • มีรีวิวจากเคสจริงให้เลือกดูเยอะ

บทความที่เกี่ยวข้อง

ตีนกา ริ้วรอยหางตา เกิดจากอะไร? รักษายังไงดี?

อ่านเพิ่มเติม

เคลียร์ร่องน้ำหมาก ร่องแก้ม หน้าเด็กได้อีกครั้ง!

อ่านเพิ่มเติม

อายุน้อยแต่มีร่องแก้ม หน้าดูแก่จังทำไงดี??

อ่านเพิ่มเติม

สรุป

          เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับแนวทางการรักษาปัญหาใต้ตาเหี่ยว ที่หมอได้นำมาฝากทุกท่านในวันนี้ หมอเชื่อว่าตอนนี้ทุกคนจะมีความเข้าใจในเรื่องของปัญหาผิวรอบดวงตามากขึ้นแล้วนะคะ ซึ่งหากใครที่กำลังมีปัญหากลุ้มใจในเรื่องนี้ผิวอย่าเก็บไว้คนเดียวนะคะ สามารถทักเข้ามาสอบถามกับทางแอดมินของทางคลินิกผ่านช่องทาง LINE : @amaraskin หรือจะนัดคิวเข้ามาพูดคุยกับหมอตวงโดยตรงเลยก็ได้เช่นเดียวกันค่ะ ไม่ว่าคุณจะมีปัญหาใต้ตาแบบไหนหมอก็พร้อมจะให้การรักษาทุกท่านเสมอค่ะ


แพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนัง

พญ.ภคกมล ตุ้มสุทธิ (หมอตวง)

ลงทะเบียนปรึกษาฟรี!


    ใส่ความเห็น