วิตามินลดสิว ตัวไหนช่วยให้หน้าใส ต้องอ่าน!

วิตามินช่วยลดการเกิดสิว

       วิตามินลดสิว เป็นอีกทางเลือกที่หนุ่ม ๆ สาว ๆ ในช่วงนี้ให้ความสำคัญมาก! เพราะในสกินแคร์ประเภทต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นแบบทา แบบกิน หรือแบบฉีด ต่างก็มีส่วนประกอบจากวิตามินและแร่ธาตุกันทั้งนั้น ความรู้เกี่ยวกับวิตามินที่ช่วยลดสิวได้จริงจึงเป็นปัจจัยที่ห้ามมองข้าม เพราะก่อนจะซื้ออะไรมาใช้ลดสิวต้องเข้าใจคุณสมบัติที่แท้จริงของมันก่อน วันนี้ หมอตวง AMARA กลับมาพร้อมกับแร่ธาตุ สารอาหาร และวิตามินลดสิวรวม 20 ชนิด! จะมีอะไรบ้าง? มาติดตามกันเลยค่ะ

รู้ก่อน! การขาดวิตามินเป็นสาเหตุการเกิดสิวหรือเปล่า?


       ในยุคปัจจุบันนี้ หนุ่ม ๆ สาว ๆ มักจะหาซื้อผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ มาใช้เพื่อลดสิวกันเยอะ แต่อย่าลืมว่า ‘สิว’ สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุค่ะ ไม่ว่าจะเป็นฮอร์โมน การใช้ชีวิตประจำวัน การจัดสกินแคร์รูทีน หรือการอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ก่อให้เกิดสิวได้ง่าย ดังนั้น การขาดวิตามินจริง ๆ ไม่ได้เป็นสาเหตุหลักของการเกิดสิวค่ะ และเมื่อไหร่ที่ร่างกายเราถึงขั้นขาดวิตามินจริง ๆ ก็จะส่งผลกระทบอย่างอื่นที่เห็นได้ชัดกว่าการเกิดสิวด้วย!

วิตามิน (Vitamins) เป็นสารอาหารที่ร่างกายของเราได้รับจากการทานอาหารต่าง ๆ อยู่แล้ว หากเราได้รับวิตามินอย่างเพียงพอก็ไม่จำเป็นต้องเสริมอีก แต่อยากใช้วิตามินเข้ามาช่วยในการลดสิว ปรับผิวพรรณ ก็อาจจะต้องเจาะจงเลือกชนิดที่เหมาะกับการรักษาสิวจากต้นเหตุที่แตกต่างกัน และวิตามินบางชนิดมักจะต้องกินร่วมกับสารอาหารอื่น ๆ ด้วย เพื่อให้เห็นผลมากขึ้น สามารถหาคำตอบได้ในหัวข้อถัดไปเลยค่ะ

รวมสารอาหาร วิตามินลดสิว มีอะไรบ้าง?


       วิตามินลดสิวนั้นมีหลากหลายชนิดมาก ๆ และคุณสมบัติของมันก็มีความแตกต่างกัน แต่วิตามินด้านล่างที่หมอจะแนะนำนี้ มีทั้งวิตามินช่วยลดสิวโดยตรงและโดยอ้อม เรามาดูกันเลยค่ะว่ามีวิตามิน สารอาหาร หรือแร่ธาตุอะไรบ้าง?

วิตามินลดสิว 20 ชนิด ได้ผลจริง

  1. วิตามินเอ (Vitamin A)

    วิตามินเอเป็นวิตามินลดสิวที่เน้นการซ่อมแซมผิวอย่างล้ำลึก มีส่วนช่วยให้เซลล์ผิวมีการเจริญเติบโต ชะลอวัย ลดการอักเสบของผิว และลดการผลิตน้ำมันบนใบหน้า ทำให้สิวที่เป็นอยู่ลดลง ส่วนมากที่คุ้นเคยกันจะอยู่ในรูปของเรตินอล (Retinol) ซึ่งมักนำมาใช้ในกลุ่มผลิตภัณฑ์สกินแคร์ เมื่อใช้อย่างถูกต้องจะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว บางรายอาจทำให้สิวที่อุดตันอยู่ถูกดันออกมา แต่จะค่อย ๆ ลดลงเมื่อใช้อย่างต่อเนื่องค่ะ

    ส่วนการกินวิตามินเอลดสิวนั้นไม่ค่อยนิยมเท่าไหร่ เพราะถ้าร่างกายของเราได้รับวิตามินเอมากเกินไป จะทำให้เป็นพิษต่อร่างกายมากกว่าเป็นประโยชน์ และในสตรีมีครรภ์ไม่สามารถใช้วิตามินเอได้ด้วยค่ะ

  2. วิตามินซี (Vitamin C)

    คุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระของวิตามินซี คือส่วนสำคัญในการเป็นวิตามินลดสิวเลยค่ะ เพราะอนุมูลอิสระเป็นตัวการทำลายความแข็งแรงของผิว หากร่างกายมีสารต้านอนุมูลอิสระมากเพียงพอ ก็จะช่วยปกป้องไม่ให้ผิวโดนทำร้ายจากแสงแดด ฝุ่นละอองในอากาศ ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดสิว ผิวอ่อนแอ ผิวอักเสบค่ะ

    ส่วนใหญ่ วิตามินซีมักจะได้รับความนิยมในรูปแบบอาหารเสริมพอ ๆ กับแบบผลิตภัณฑ์สกินแคร์เลยค่ะ เพราะวิตามินซีช่วยให้เหตุผลทั้งภายในและภายนอก แต่อาจจะต้องเลือกใช้อย่างถูกต้องและระวังการทาวิตามินซีร่วมกับสารประกอบอื่น ๆ ในสกินแคร์ (โดยเฉพาะเรตินอล) และต้องคำนึงเสมอว่าควรกินวิตามินซีลดสิวอย่างพอประมาณ เพราะกินเยอะเกินไปก็ถูกขับออกอย่างสูญเปล่าอยู่ดี

  3. วิตามินดี (Vitamin D)

    เป็นวิตามินลดสิวตัวสำคัญที่ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรงขึ้น และมีผลต่อผิวด้วย! โดยเราสามารถรับวิตามินดีตามธรรมชาติได้จากแสงแดดอ่อน ๆ ตอนเช้า หากได้รับปริมาณที่เพียงพอ จะช่วยให้เซลล์ผิวเจริญเติบโตได้ดีขึ้น ซึ่งจะเร่งให้การสมานแผลรวดเร็วกว่าเดิม ทำให้ความเสี่ยงต่อการติดเชื้อและโอกาสอักเสบน้อยล

    นอกจากนี้ วิตามินดียังมีส่วนช่วยลดการผลิตน้ำมันบนผิว ทำให้โอกาสเกิดการอุดตันน้อยลง เมื่อผนวกรวมกับคุณสมบัติยับยั้งแบคทีเรียแล้ว ยิ่งเป็นวิตามินลดสิวที่มีประสิทธิภาพอย่างมาก แต่ระวังอย่ากินวิตามินลดสิวเกินกว่าปริมาณที่เหมาะสม เพราะอาจจะทำให้เป็นพิษได้ค่ะ

  4. วิตามินอี (Vitamin E)

    นอกจากจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวเป็นอย่างดีแล้ว วิตามินอียังเป็นวิตามิลดสิวอีกด้วย! โดยมันมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระและต้านการอักเสบของร่างกาย ช่วยปกป้องไม่ให้ผิวเสียหายจากการทำร้ายของมลภาวะหรือความเครียด ช่วยลดสิวอักเสบและป้องกันไม่ให้สิวแย่ลงกว่าเดิมได้

  5. กลุ่มวิตามินบี (Vitamin B)

    เป็นวิตามินลดสิวที่ใช้กันหลากหลายรูปแบบมาก ๆ ตั้งแต่วิตามินบี 1-12 โดยรวมแล้วสามารถช่วยลดผิวแห้งกร้าน แข็งแรง ทนต่อแสงแดดได้ดี ไม่อ่อนไหวต่อมลภาวะ กระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ และช่วยเพิ่มพลังงานให้กับร่างกายได้ด้วย ยกตัวอย่างวิตามินที่มักนำมาใช้ดูแลสิว เช่น
    วิตามินบี 3 : ช่วยลดผิวแห้งรุนแรง บำรุงผิวที่ถูกทำร้ายจากแสงแดด ลดการอักเสบ ลดริ้วรอย ช่วยให้ผิวกระจ่างใสยิ่งขึ้น บางครั้งมักถูกใช้ในรูปของไนอะซินาไมด์ (Niacinamide)
    วิตามินบี 5 : ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและเพิ่มความยืดหยุ่น ทำให้ผิวเนียนนุ่ม ทั้งยังโดดเด่นด้านลดการอักเสบของผิว ลดอาการคันระคายเคือง ส่วนใหญ่มักใช้ในรูปของแพนธีนอล (Panthenol)
    วิตามินบี 7 : ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายนำไขมันไปใช้บำรุงผิว ผม และเล็บ ทำให้ผิวดูแข็งแรงยิ่งขึ้น มักเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าไบโอติน (Biotin)

  6. วิตามินเค (Vitamin K)

    เป็นอีกหนึ่งวิตามินลดสิวที่ไม่ค่อยมีใครรู้! เนื่องจากวิตามินเคไม่ได้เป็นวิตามินที่ช่วยลดสิวได้โดยตรง แต่มีบทบาทสำคัญในการบำรุงเลือดและเส้นเลือด ซึ่งถ้าเส้นเลือดและการไหลเวียนเลือดของเรามีคุณภาพ ก็จะช่วยให้สารอาหารต่าง ๆ ที่ต้องใช้ซ่อมแซมผิวถูกลำเลียงไปได้ง่ายขึ้น สำหรับคนที่มีสิวเยอะก็จะช่วยให้หายเร็วนั่นเอง!

  7. ซิงค์ (Zinc)

    แม้จะไม่ได้เป็นวิตามินลดสิว แต่ก็ถือเป็นแร่ธาตุที่เรามักจะเห็นอยู่ในผลิตภัณฑ์รักษาสิวหลายรูปแบบ ทั้งอาหารเสริมและสกินแคร์ มีคุณสมบัติในการลดความมันบนใบหน้า ต้านแบคทีเรีย จึงช่วยลดโอกาสติดเชื้อและอุดตัน นอกจากนี้ ยังช่วยต้านอักเสบ เสริมภูมิคุ้มกัน เพิ่มการทำงานของเซลล์ ทำให้แผลสมานตัวเร็วขึ้น และซิงค์ยังเป็นวิตามินลดสิวฮอร์โมนที่ดีอีกด้วย

  8. โพรไบโอติกส์ (Probiotics)

    หลายคนอาจจะเคยได้ยินมาแล้วว่า ‘ลำไส้ดี ก็ผิวดี’ นั่นเป็นความจริงค่ะ เจ้าโพรไบโอติกส์มีคุณสมบัติโดดเด่นหลากหลายมาก ไม่ว่าจะเป็นการช่วยปรับสมดุลลำไส้ ชะลอการอักเสบ ปรับสมดุลฮอร์โมน จึงนับเป็นสารอาหารวิตามินลดสิวฮอร์โมน รักษาสมดุลของไมโครไบโอม (Microbiome) ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ล้วนมีผลต่อสุขภาพผิว โพรไบโอติกส์จึงมีส่วนช่วยให้ความรุนแรงของสิวลดลง สร้างภูมิคุ้มกันที่ดี ทำให้สุขภาพดีจากภายใน

  9. โอเมก้า-3 (Omega-3)

    สารอาหารชนิดนี้มีคุณสมบัติในการลดอักเสบได้เป็นอย่างดี จึงสามารถช่วยรักษาสิวที่มีการอักเสบได้ นอกจากนี้ หากร่างกายของเราได้รับโอเมก้า-3 อย่างเพียงพอ จะช่วยให้ผิวพรรณดูสดใสสุขภาพดี ริ้วรอยแลดูลดเลือนลง ผิวแข็งแรง ต่อสู้กับมลภาวะที่เข้ามาทำร้ายผิวได้ดี จึงมีผลให้สิวเกิดใหม่น้อยลงด้วย

  10. น้ำมันปลา (Fish Oil)

    คุณสมบัติของน้ำมันปลาจะเหมือนกับโอเมก้า-3 เลยค่ะ เพราะน้ำมันปลาประกอบด้วยโอเมก้า-3 เป็นหลัก โดยเฉพาะการช่วยลดอักเสบ แต่จะช่วยลดการเกิดจุดด่างดำจากแสงแดด ลดการผลิตน้ำมันบนผิว ช่วยให้การสมานแผลรวดเร็วขึ้น และช่วยสร้างเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรงด้วย

  11. แอสต้าแซนธิน (Astaxanthin)

    เป็นสารต้านอนุมูลอิสระกลุ่มแคโรทีนอยด์ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าวิตามินซี 6,000 เท่าเลยค่ะ มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ลดการอักเสบ และช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด แอสต้าแซนธินจึงเป็นหนึ่งในสารอาหารที่ช่วยลดสิวได้ ทว่าร่างกายไม่สามารถสร้างเอง หาได้จากอาหารที่มีสีแดงหรือส้ม เช่น ปลาแซลมอน สาหร่ายสีแดง เปลือกกุ้งหรือปู

  12. คอลลาเจน (Collagen)

    หากต้องการกินคอลลาเจน จะต้องเลือกคอลลาเจนประเภทที่ 2 หรือ Type II Collagen เท่านั้นนะคะ เพราะคอลลาเจนชนิดนี้มีส่วนช่วยในการบำรุงผิวให้ยืดหยุ่นและชุ่มชื้น แม้คอลลาเจนไม่ได้เป็นวิตามินลดสิวหรือช่วยลดสิวโดยตรง แต่มันช่วยลดโอกาสในการเกิดสิวมากกว่า และทำให้ผิวมีสุขภาพที่ดีในระยะยาว ทั้งยังสามารถกินต่อเนื่องได้หากคงปริมาณที่ถูกต้องต่อวัน เว้นแต่ว่าคอลลาเจนที่ซื้อมากินนั้นจะผสมสารอาหารอื่น ๆ มาด้วย จึงต้องดูให้ดีว่าสามารถกินต่อเนื่องได้หรือไม่

  13. คิวเท็น (Q10)

    เรียกชื่อเต็มว่า Coenzyme Q10 เป็นตัวที่ถูกนำมาผลิตเป็นอาหารเสริมกันอย่างยาวนานมาก ๆ แล้วค่ะ คิวเท็นจะโดดเด่นในเรื่องของการให้พลังงานกับเซลล์แต่ละเซลล์ จึงจะเน้นเรื่องสุขภาพมากกว่า แต่สำหรับการบำรุงผิว คิวเท็นนั้นเป็นสารต้านอนุมูลอิสระชั้นดี ช่วยชะลอการเสื่อมของเซลล์ ทำให้ผิวแข็งแรง ไม่อ่อนไหวต่อมลภาวะ

  14. กรดอัลฟาไลโปอิก (Alpha-Lipoic Acid : ALA)

    เป็นกรดไขมันชนิดหนึ่งที่มีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ สามารถดูดซึมได้ง่าย ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ ลดการเกิดริ้วรอย เพิ่มความกระจ่างใสอิ่มน้ำให้ผิว นิยมใช้ในรูปแบบเมโส แบบดริปวิตามิน หรืออาหารเสริมแบบกิน แต่ส่วนใหญ่แล้ว ALA มักจะนำมาเน้นเรื่องสุขภาพมากกว่าบำรุงผิว และมีข้อควรระวังหลายอย่าง จึงต้องศึกษาให้ละเอียดก่อนซื้อมาใช้นะคะ

  15. แมกนีเซียม (Magnesium)

    แมกนีเซียมเป็นแร่ธาตุที่ช่วยลดสิวได้ค่อนข้างดีเลยค่ะ โดยมันมีบทบาทในการลดการอักเสบของผิว หากร่างกายของเรามีแมกนีเซียมที่เพียงพอ จะช่วยบรรเทาอาการอักเสบของผิว ช่วยผลัดเซลล์ผิว ลดการอุดตัน และช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้นได้ ทั้งนี้ แมกนีเซียมเป็นแร่ธาตุพบได้ในอาหารหลายชนิด หากต้องการกินวิตามินลดสิวใด ๆ หรือแมกนีเซียมเสริมเข้าไป ต้องระวังไม่ให้เกินความจำเป็น เพราะอาจส่งผลต่อระบบขับถ่าย และคนที่มีโรคประจำตัวต้องปรึกษาแพทย์ก่อนนะคะ

  16. สารสกัดจากเมล็ดองุ่น (Grape Seed extract)

    ชื่อเสียงเรียงนามของ Grape Seed เป็นที่รู้จักกันในนามวิตามินลดรอยสิว ด้วยคุณสมบัติในการเพิ่มการไหลเวียนของเลือด ช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีผิว และต้านอนุมูลอิสระได้ ดังนั้น มันจึงเป็นวิตามินช่วยเรื่องสิวทางอ้อม โดยการบำรุงให้ผิวมีความแข็งแรง แผลสมานตัวเร็ว และป้องกันอนุมูลอิสระที่มาทำร้ายผิวได้ในระดับหนึ่งค่ะ

  17. สารสกัดจากชาเขียว (Green Tea Extract)

    ชาเขียวเป็นอีกหนึ่งไอเทมต้านอนุมูลอิสระที่ดีงามมากอีกตัวเลยค่ะ เรามักจะพบเห็นทั้งในสกินแคร์และอาหารเสริม ทั้งช่วยเพิ่มการเผาผลาญได้ดี และช่วยลดการทำงานของต่อมไขมันในผิว ทำให้หน้ามันน้อยลง ลดโอกาสเกิดการอุดตันของสิวได้เป็นอย่างดี แถมอร่อยสดชื่นด้วย!

  18. ซีลีเนียม (Selenium)

    ซีลีเนียมเป็นแร่ธาตุที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระได้ดีเช่นกันค่ะ ทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น ช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอยได้เป็นอย่างดี ทั้งยังมีส่วนช่วยในการปกป้องผิวจากแสงแดดได้ด้วยค่ะ เช่นเดียวกับแร่ธาตุอื่น ๆ ซีลีเนียมไม่ได้เป็นวิตามินช่วยเรื่องสิวโดยตรง แต่ะช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ผิว ไม่ให้ติดเชื้อได้ง่าย

  19. มิลก์ทิสเซิล (Milk Thistle)

    นอกจากมิลก์ทิสเซิลจะช่วยขับสารพิษได้เป็นอย่างดีแล้ว มันยังมีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระเทียบเท่ากับวิตามินลดสิวยอดนิยมอย่างวิตามินซีเลยทีเดียวค่ะ มิลก์ทิสเซิลสามารถต้านการอักเสบของเซลล์ได้ ทำให้รอยแดง ริ้วรอย และสิวค่อย ๆ ลดลง นอกจากนี้ก็มีผลต่อการเพิ่มกลูตาไธโอนเพื่อปกป้องตับด้วย

  20. DIM (Diindolylmethane)

    DIM หรือดีไอเอ็ม สามารถลดสิวได้ดี โดยเฉพาะกับสิวฮอร์โมน เนื่องจากมีส่วนช่วยในการปรับสมดุลฮอร์โมนเอสโตรเจน ทำให้ภูมิคุ้มกันแข็งแรงขึ้น ต้านอนุมูลอิสระ และยังช่วยป้องกันไม่ให้เกิดมะเร็งระบบสืบพันธุ์ของทั้งผู้หญิงและผู้ชายได้ด้วยค่ะ เป็นอาหารเสริมวิตามินลดสิวฮอร์โมนที่เหมาะมาก ทั้งนี้ จะต้องไม่ซื้อมากินเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์นะคะ

บูสต์ผิวสวยด้วยไขมัน & เติมวิตามินลดสิวสูตรเฉพาะที่ AMARA


       สำหรับสาว ๆ หนุ่ม ๆ ที่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกวิตามินลดสิวตัวไหนดี อาจจะต้องเข้าปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาวิธีลดสิวที่เหมาะสมค่ะ โดยเฉพาะคนที่มีสิวจากสาเหตุที่ควบคุมเองยาก เช่น ฮอร์โมน อาการแพ้ หรือโรคผิวหนังที่มีความรุนแรงมาก ๆ การเลือกวิตามินมาใช้เองอาจจะทำให้อาการแย่ลงได้ หากเลือกไม่ถูก

Vitamin Aura เป็นบริการดริปวิตามินลดสิวที่ AMARA เรามีหลากหลายสูตรให้เลือกค่ะ โดยแต่ละสูตรถูกพัฒนาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านผิวหนัง เพื่อให้ผิวแข็งแรงจากภายในสู่ภายนอก เห็นผลเร็วยิ่งกว่าการทาหรือกิน ซึ่งต้องใช้เวลาร่วม 6 เดือนขึ้นไปกว่าจะเห็นผล หรือจะเป็นบริการ Meso White เพื่อช่วยให้หน้าสว่างกระจ่างใส หรือจะเป็นตัว Aura Collagen ที่เน้นผิวอิ่มน้ำ มีความชุ่มชื้น ฟื้นฟูความแข็งแรงจากใต้ชั้นผิวก็เหมาะเช่นกัน

นอกจากนี้ เรายังนำเข้าเทคโนโลยีใหม่อย่างการฉีดสเต็มเซลล์ไขมันตัวเอง SVF Skin Repair ที่เป็นการดูดไขมันจากส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย มาคัดกรองเซลล์ผ่าน LipoCube SVF เพื่อให้ได้สเต็มเซลล์ซึ่งช่วยกระตุ้นการสร้างเส้นเลือดในชั้นผิว ให้สารอาหารถูกลำเลียงไปเลี้ยงผิวได้ดียิ่งขึ้น พร้อมด้วยคุณสมบัติจากเซลล์ไขมัน ทำให้หน้าอิ่มน้ำ ลดเลือนริ้วรอยร่องลึก ลดรอยแดงจากการอักเสบของสิว และกระชับรูขุมขน ครอบคลุมปัญหาผิวในครั้งเดียว!

FAQ

จริง ๆ แล้ววิตามินแต่ละชนิดมีบทบาทที่แตกต่างกัน ซึ่งวิตามินจะช่วยลดความรุนแรงของสิวและทำให้ผิวแข็งแรงขึ้นมากกว่า แต่จะไม่มีวิตามินตัวไหนลดสิวได้โดยตรง เพียงแค่ต้านอนุมูลอิสระที่ทำให้สิวเพิ่มขึ้นได้ หากเลือกตัวที่เหมาะสมและช่วยเสริมตรงกับสาเหตุของสิวก็จะเห็นผลดีค่ะ

โดยพื้นฐาน การกินวิตามินให้เห็นผลจริงจะต้องกินต่อเนื่องกันอย่างน้อย 6 เดือนจึงจะเห็นผลได้อย่างชัดเจนค่ะ แต่จะต้องควบคุมปริมาณให้ถูกต้อง อย่ากินเยอะเกินกว่าที่ควร เพราะอาจจะทำให้เกิดผลเสียต่อร่างกายได้

วิตามินบางตัวสามารถกินร่วมกันได้ค่ะ แต่ก็จะมีวิตามิน แร่ธาตุ และสารอาหารบางอย่างอาจจะไม่สามารถกินร่วมกันได้ เพราะอาจจะไปลดทอนการดูดซึมของกันและกัน จนทำให้ไม่เห็นผล อย่างไรก็ตาม สามารถปรึกษาแพทย์เพื่อความชัดเจนของข้อมูลจะดีที่สุดค่ะ

สรุป วิตามินลดสิวตัวไหนดี?


         วิตามินลดสิวที่ดีที่สุด คือวิตามินที่เหมาะสมกับสาเหตุของสิวค่ะ เช่นเดียวกันกับการรักษาโรคต่าง ๆ หากเราไม่ทราบว่าสาเหตุของโรคคืออะไร แล้วไปซื้อวิตามินมาใช้ไม่เหมาะสม ก็จะไม่เห็นผลอะไร แต่หากเราเลือกวิตามินลดสิวที่ตรงกับสาเหตุของมัน ก็จะช่วยให้เห็นผลได้ชัดเจน ดังนั้นจึงไม่มีวิตามินลดสิวตัวไหนดีที่สุด มีแต่วิตามินที่เหมาะกับอาการของเราที่สุดค่ะ


แพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนัง

พญ.ภคกมล ตุ้มสุทธิ (หมอตวง)

ลงทะเบียนปรึกษาฟรี!