สภาพผิวของคนเรานั้นต่างก็ไม่ได้คงที่เสมอไปค่ะ โลกเรานั้นเต็มไปด้วยเหตุปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้ผิวของเราเสียหาย ไม่ว่าจะเป็นสภาพอากาศ สภาพแวดล้อม อายุ หรือฮอร์โมนในร่างกายของเรา อันจะก่อให้เกิดปัญหาผิวมากมาย ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวจึงเป็นตัวช่วยสำคัญที่จะทำให้ผิวของเรามีความสมดุลและแข็งแรง ไม่ไวต่อปัจจัยเหล่านั้น แต่สกินแคร์เหล่านี้ก็มีลำดับขั้นตอนและองค์ประกอบที่ต้องจัดเรียงให้ถูกต้อง เพื่อที่จะได้แสดงประสิทธิภาพสูงสุดออกมา เกิดเป็น ‘สกินแคร์ รูทีน’ ขั้นตอนการดูแลผิวที่ช่วยเรียบเรียงการใช้ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพ วันนี้ หมอตวง Amara Clinic จึงจะพามาดูลำดับสกินแคร์ รูทีนสำหรับสภาพผิวต่าง ๆ ว่าต้องใช้ตัวไหน ต้องเลือกอย่างไร เป็นพื้นฐานในการดูแลผิวประจำวันของหนุ่ม ๆ สาว ๆ กันค่ะ
‘สกินแคร์ รูทีน’ คือ ขั้นตอนที่กำหนดไว้เพื่อการดูแลผิวในแต่ละวัน แต่เนื่องจากคนเรามีสภาวะร่างกาย พฤติกรรมการใช้ชีวิต สภาพแวดล้อม และพันธุกรรมที่แตกต่าง ส่งผลให้แต่ละคนมีปัญหาผิวไม่เหมือนกัน นั่นเป็นเหตุที่ว่าทำไมสกินแคร์ รูทีนของคนอื่นถึงใช้กับเราแล้วเห็นผลน้อย ไม่เห็นผลเลย หรือร้ายแรงที่สุดปัญหาผิวเดิมกลับรุนแรงกว่าเดิมค่ะ
ผิวของคนเราไม่เหมือนกัน มีปัญหาคนแบบ
ดังนั้น ‘สกินแคร์ รูทีน จึงเป็นเรื่องส่วนบุคคล’
ไม่ได้แปลว่าใช้เหมือนกันทุกอย่างแล้วจะดี
ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับสกินแคร์รูทีน (Skincare Routine)
ปัจจุบัน มีการแข่งขันเกี่ยวกับประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ดูแลผิวนั้นสูงมาก ประชันกันตั้งแต่ส่วนผสม ผลลัพธ์ ไปจนถึงการขายว่ามันต้องมี ต้องห้ามขาด ทำให้เกิดความเชื่อผิด ๆ หลายอย่างเกี่ยวกับการกำหนดสกินแคร์ รูทีน หลายคนมักจะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์หลายตัวมากจนเกินไป โดยที่ไม่ทราบว่าส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ที่ใช้มีสารที่อาจจะไม่ควรใช้ร่วมกัน หรือไม่เหมาะกับปัญหาผิวของเรา บางตัวทำให้มันดีขึ้นจากผลข้างเคียงเฉย ๆ แต่บางตัวถ้าเอามาใส่ในสกินแคร์ รูทีนของเราเสียดื้อ ๆ ก็อาจจะทำให้วงจรผิวเสียสมดุล จากใกล้จะหายก็กลายเป็นแย่กว่าเดิม ต้องมาเริ่มรักษากันใหม่
อีกกรณีหนึ่ง เกี่ยวกับสกินแคร์ รูทีน ที่หลายคนยังมองข้าม คือ สกินแคร์ทุกตัวต้องใช้เวลา ในที่นี้หมายถึงเวลาในการแสดงประสิทธิผลออกมาอย่างชัดเจนค่ะ ผิวของเรามีปัญหาก็จริง แต่หนักเบาไม่เหมือนกัน สกินแคร์ที่เลือกใช้ก็อาจจะมีความแรงไม่เท่ากัน สิ่งสำคัญที่ต้องจำเอาไว้ให้ดีเกี่ยวกับสกินแคร์ รูทีนคือ ‘ความสม่ำเสมอ’ ถ้าเรามีสกินแคร์รูทีนที่ดีและครบถ้วนอยู่แล้ว ก็ต้องใช้อย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 6 สัปดาห์ขึ้นไป ไม่มีสกินแคร์ตัวไหนสามารถทาแล้วเห็นผลชัดทันตาเห็นเพียงชั่วข้ามคืนค่ะ
ลำดับการทาสกินแคร์ก็สำคัญนะ!
การใช้ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ในสกินแคร์ รูทีน ต้องเริ่มด้วยการทำความสะอาดใบหน้าเพื่อชำระล้างสิ่งสกปรก ซับให้แห้งแล้วลงครีมทันที ซึ่งจะต้องไล่ลำดับจากครีมเนื้อบางเบาที่สุดไปถึงเนื้อหนาที่สุด เริ่มจากโทนเนอร์ (สำหรับรูทีนตอนกลางคืน) > เอสเซนส์ > เซรั่ม/แอมพูล > มอยส์เจอไรเซอร์ > สลีปปิ้งมาสก์ > ครีมกันแดด (สำหรับรูทีนตอนกลางวัน) หากมีผลิตภัณฑ์หลายตัวอยู่ในสกินแคร์ รูทีน ให้เลือกทาตามลำดับนี้ จะช่วยให้ผิวได้รับการบำรุงอย่างเต็มที่กว่าเดิมค่ะ
สูตรสกินแคร์ รูทีน ตามสภาพผิว!
การจะเลือกสกินแคร์ รูทีนที่ดี จะต้องเลือกตามสภาพผิวของเราค่ะ เพราะผลิตภัณฑ์แต่ละตัวมีส่วนผสมที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งส่วนผสมแต่ละชนิดก็จะมีฤทธิ์ต่างกันด้วย ซึ่งสูตรสกินแคร์ รูทีนระดับพื้นฐานที่สุดที่ทุกสภาพผิวควรมีจะประกอบไปด้วย 3 ขั้นตอน ดังนี้
ทำความสะอาด (Cleansing) > บำรุง (Treat) > ป้องกัน (Protect) |
ในหัวข้อต่อไปนี้ หมอจะแบ่งเกณฑ์เลือกส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ตามปัญหาผิวที่พบกันมากที่สุด เพื่อที่จะได้วางแผนแนวทางการสร้างสกินแคร์ รูทีนของตัวเองได้ง่ายขึ้นค่ะ การเลือกผลิตภัณฑ์ให้เห็นผลมากที่สุดเป็นการเลือกตั้งแต่ส่วนผสม และนอกจากนี้ ยังมีแถม! สำหรับคนที่ไม่มีเวลาดูแลตัวเอง หรือไม่อยากเสี่ยงลองผิดลองถูกกับการเลือกสกินแคร์ รูทีนให้เหมาะกับผิว หมอจะทิ้งคำแนะนำเกี่ยวกับการทำหัตถการโดยแพทย์เอาไว้ให้ด้วยค่ะ หัตถการอะไรเหมาะกับผิวแบบไหน มาดูกันเลย!
สกินแคร์ รูทีน ฉบับคนเป็นสิว
สิวเกิดจากการอุดตันของรูขุมขน ซึ่งมีทั้งซีบัมหรือน้ำมันบนผิวหน้าและสิ่งสกปรกต่าง ๆ รวมกันฝังตัวอยู่ในรูขุมขนกลายเป็นสิวอุดตัน ซึ่งจะไม่มีการอักเสบหรือติดเชื้อร่วมด้วย แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่มีเชื้อแบคทีเรียเข้ามาผสมก็จะก่อให้เกิดการอักเสบกลายเป็นสิวอักเสบ มีความบวม ปวด นูน แม้สามารถหายเองได้แต่ใช้เวลานาน แต่ส่วนใหญ่มักจะทิ้งรอยแผลเป็นเอาไว้ดูต่างหน้าด้วยค่ะ
ส่วนผสมแนะนำ สำหรับสกินแคร์ รูทีน รักษาสิว
Benzoyl Peroxide
ช่วยต้านเชื้อแบคทีเรีย ผิวแห้งมากขึ้น ช่วยลดความมัน ทำให้ทำความสะอาดผิวได้ง่าย เหมาะกับการรักษาและลดสิวอักเสบ เพราะช่วยให้ชะล้างความมันส่วนเกินและสิ่งสกปรกที่เป็นตัวกระตุ้นการอักเสบออกไปได้ดี และยังช่วยลดโอกาสเกิดการอุดตันของผิวได้ด้วย
Salicylic Acid หรือ BHA
มีความเป็นกรดอ่อน ๆ โดดเด่นในเรื่องของการผลัดเซลล์ผิว ลดการอุดตันลึกถึงใต้ผิวเพราะละลายได้ดีในน้ำมัน สามารถทะลุทะลวงผ่านน้ำมันบนผิวหน้าลงไปช่วยทำความสะอาดรูขุมขน สลายสิวอุดตันใต้ผิวออกมา (ดันสิว) ทั้งยังมีฤทธิ์ลดการอักเสบ เหมาะกับคนที่มีสิวอุดตันเยอะ ๆ
Retinoid
กำลังเป็นกระแสแรงมาก ๆ เพราะจุดเด่นคือช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างดี ทำให้เซลล์ผิวใหม่แข็งแรงขึ้น รูขุมขนดูกระชับมากขึ้น ทำให้โอกาสเกิดการอุดตันน้อย และมีผลให้รอยดำรอยแดงจางเร็วขึ้นด้วย เหมาะกับคนที่อุดตันง่าย สิวอุดตันใต้ผิวเยอะ
วิธีการใช้
Benzoyl Peroxide มักจะถูกใส่มาในผลิตภัณฑ์ล้างหน้าเพื่อช่วยในการชำระล้างสิ่งอุดตันและความมันส่วนเกินให้ง่ายขึ้น โดยใช้ทำความสะอาดตามปกติแล้วทิ้งไว้สัก 5 นาทีค่อยล้างออก เพื่อให้คุณสมบัติในการต้านเชื้อแบคทีเรียทำงานได้ดีขึ้น แต่การใส่ Benzoyl Peroxide เข้ามาในสกินแคร์ รูทีนนั้นมักจะทำให้ผิวแห้ง จึงต้องใส่ใจขั้นตอนการบำรุงผิวเพื่อเติมความชุ่มชื้นกันสักหน่อย Benzoyl Peroxide จึงจะเหมาะกับคนหน้ามันมากกว่าคนผิวแห้งเป็นขุยค่ะ
ส่วน Salicylic Acid และ Retinoid มักจะอยู่ในรูปของผลิตภัณฑ์สำหรับการบำรุงผิว แต่เนื่องจากมันมีฤทธิ์ผลัดเซลล์ผิว จึงไม่ควรใช้ทุกวัน สูงสุดแค่วันเว้นวันเท่านั้น และต้องทากันแดดเพื่อป้องกันทุกวันก่อนออกแดด เพื่อไม่ให้สิวอักเสบรุนแรงยิ่งกว่าเดิม ป้องกันผิวไหม้แดดจากการผลัดเซลล์ผิว และช่วยลดการผลิตเม็ดสีจนรอยสิวชัดกว่าเดิมด้วย
กันแดดที่จะใส่ไว้ในสกินแคร์ รูทีนของคนเป็นสิว ควรจะเลือกกันแดดที่ไม่ระคายเคืองต่อสิว เน้นตัวกันแดดที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน (Oil-free) เพื่อไม่ให้หน้ามันเพิ่ม เลือกกันแดดเนื้อเจลหรือเนื้อบางเบาเป็นหลัก เพื่อไม่ให้อุดตันเพิ่ม
ปัญหาสิว รักษาด้วยหัตถการอะไรได้บ้าง?
วิธีการรักษาสิวทางการแพทย์ แนะนำตัวเลเซอร์ยอดฮิตอย่าง Pico Plus Laser ที่เป็นนวัตกรรมล่าสุดของเลเซอร์กลุ่ม Picosecond Laser เลยค่ะ ทำงานโดยการยิงเลเซอร์ที่ 1 ต่อล้านล้านวินาทีเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเซลล์ผิวใหม่ ทำให้ผิวแข็งแรง สิวลดลงและเกิดใหม่ได้ยาก แถมช่วยลดหลุมสิวลึกได้อีกด้วย
นอกจากการเลเซอร์แล้ว ยังมีการฉีดวิตามิน เช่น การฉีด Meso White เป็นการฉีดสารบำรุงและวิตามินเข้าสู่ผิวโดยตรง ทำให้มีการดูดซึมได้ดีกว่าการทาครีม เมโสหน้าใสประกอบไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด ช่วยป้องกันความเสื่อมโทรมของผิว กระตุ้นคอลลาเจน กระชับรูขุมขน และคงความชุ่มชื้นให้ผิว ป้องกันการเกิดสิวได้ดีและทำให้ผิวฟื้นตัวเร็วด้วย
ริ้วรอยบนใบหน้าของเรา เกิดจากการสูญเสียคอลลาเจนจนทำให้ผิวไม่มีความยืดหยุ่น ไม่เต่งตึง สามารถเกิดได้ทั่วใบหน้า ทั้งริ้วรอยร่องแก้ม หน้าผากย่นเป็นชั้น หรือตีนกา มีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย ตั้งแต่พฤติกรรมการใช้ชีวิต มลภาวะ แสงแดด อาหารการกิน การลดน้ำหนัก หรือแม้แต่ความเครียดก็ด้วย
ส่วนผสมแนะนำ สำหรับสกินแคร์ รูทีน ลดริ้วรอย
Retinoid
จากคุณสมบัติในการกระตุ้นให้ผลัดเซลล์ผิว ทำให้เรตินอยด์หรือกลุ่มอนุพันธ์วิตามินเอมีส่วนช่วยในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ส่งผลให้ริ้วรอยแลดูจางลง รอยตื้นขึ้น รูขุมขนกระชับ หน้าเด้งใสกว่าเดิม
Vitamin C
หลายคนอาจจะคิดว่าวิตามินซีโดดเด่นที่สุดในการลดความหมองคล้ำ แต่จริง ๆ แล้วมันยังช่วยลดริ้วรอยได้ด้วยนะคะ เพราะวิตามินซีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีมาก ๆ ตัวหนึ่ง ช่วยชะลอวัย ต้านริ้วรอย และยังช่วยกระตุ้นคอลลาเจน ให้ผิวเด้งใสอีกด้วย
Niacinamide
เป็นตัวช่วยปรับสมดุลน้ำมันในผิว ทำให้หน้ามันน้อยลง กระตุ้นการผลิตเซราไมด์ (Ceramide) ทำให้ผิวชุ่มชื้นไม่ขาดน้ำ และที่สำคัญคือช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวีร่วมกับกระตุ้นการสร้างเกราะป้องกันผิว (Skin Barrier) ทำให้ผิวแข็งแรง โดยทำร้ายจากแสงแดดได้ยากขึ้น
วิธีการใช้
โดยส่วนใหญ่แล้ว ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Retinoid, Vitamin C หรือ Niacinamide มักจะอยู่ในขั้นตอนการบำรุงผิวค่ะ อาจจะมาในรูปของเซรั่ม เอสเซนส์ น้ำตบ สเปรย์ หรือมอยส์เจอไรเซอร์ สามารถเลือกใส่ในสกินแคร์ รูทีนของเราตามความเหมาะสมได้เลย เพียงแต่ถ้าใช้ Vitamin C หรือ Retinoid ควรจะทากันแดดอย่างน้อยที่ SPF 30 ขึ้นไปเพื่อไม่ให้ผิวระคายเคือง (โดยเฉพาะวิตามินซีหรือเรตินอยด์ที่มีความเข้มข้นสูง ๆ) และกันแดดจะยังช่วยคงความเข้มข้นของวิตามินซี ไม่ให้เจือจางจนไร้ประสิทธิภาพอีกด้วย
การลดปัญหาริ้วรอย ควรจะเน้นไปที่การบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นมากที่สุดค่ะ ในขั้นตอนการทำความสะอาดใบหน้า พยายามหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผิวแห้งหรือทำลายน้ำมันบนผิวมากจนเกินไป หลังล้างหน้าควรใช้วิธีซับน้ำเบา ๆ แทนการเช็ดวนไปมา
ปัญหาริ้วรอย รักษาด้วยหัตถการอะไรได้บ้าง?
จริง ๆ แล้วปัญหาริ้วรอยนั้นมันแก้ได้ค่อนข้างยากมากเลยค่ะ จะทาครีมก็ใช้เวลานานกว่าจะเห็นผล หากไม่บำรุงลึกมากพอถึงขนาดกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ ก็ยากที่จะทำให้ผิวกลับมาเต่งตึง หัตถการที่นิยมที่สุดจึงเป็นตัว Morpheus8 ซึ่งเป็นเทคโนโลยี Microneedlig เข้าไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวลึกอย่างตรงจุด ทำให้ผิวกระชับและเต่งตึงด้วยตัวของมันเอง ไม่มีสารอันตรายใด ๆ
สำหรับการเติมความชุ่มชื้นให้ผิว ทุกคนคงเคยได้ยินเกี่ยวกับ Hyaluronic acid กันมาบ้างแล้ว สารตัวนี้จะช่วยให้ผิวดูชุ่มชื้น เด้งอิ่มน้ำ หรือผิวฟูนั่นเอง ปัจจุบันก็มีตัว Aura Collagen ซึ่งเป็นการฉีดเจ้าตัว Hyaluronic acid เข้าไปใต้ผิวโดยตรง ทำให้ผิวเรียบเนียนเต่งตึง มีความยืดหยุ่น อิ่มน้ำ ลดริ้วรอยต่าง ๆ ให้จางลงได้
หรืออีกทางเลือกหนึ่งคือ โบท็อก ซึ่งเป็นหัตถการแบบใช้เข็มเช่นกัน ตัวโบท็อกจะเข้าไปลดการทำงานของกล้ามเนื้อให้ขยับได้น้อยลง ทำให้เวลาเราแสดงอารมณ์ออกไป กล้ามเนื้อใบหน้าเราก็จะขยับน้อย ทำให้ดูกระชับมากขึ้น แต่วิธีนี้จะมีผลกับคนที่มีปัญหาหน้าหย่อนคล้อยจากกล้ามเนื้อเท่านั้น และอาจจะต้องมาฉีดซ้ำเพื่อคงผลลัพธ์ให้ยาวนานขึ้น
สกินแคร์ รูทีน ลดฝ้า กระ จุดด่างดำ
ศัตรูตัวฉกาจของสาว ๆ อย่างฝ้า กระ จุดด่างดำที่รักษายากเหลือเกินนั้น เกิดจากปัจจัยหลัก ๆ อย่างแสงแดด ฮอร์โมน หรืออายุที่มากขึ้น และเจ้าจุดด่างดำพวกนี้ก็เป็นสภาพผิวทั่วไปที่ไม่ได้มีการอักเสบติดเชื้อใด ๆ หากแต่เพราะถูกกระตุ้นด้วยปัจจัยดังกล่าว ผิวของเราจึงผลิตเม็ดสีเมลานินออกมามากกว่าปกติ กลายเป็นรอยฝ้า กระ รอยดำจากสิว จุดด่างดำต่าง ๆ บนผิว
ส่วนผสมแนะนำ สำหรับสกินแคร์ รูทีน ลดฝ้า กระ จุดด่างดำ
Iron Oxide
ส่วนใหญ่เราจะได้เห็น Zinc Oxide และ Titanium Dioxide เป็นส่วนผสมของกันแดดมากกว่า แต่ถ้าอยากลดฝ้า กระ ก็ควรมี Iron Oxide อยู่ด้วยค่ะ เพราะเจ้าตัวนี้มีคุณสมบัติช่วยป้องกันแสงที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าดีมาก ๆ จากงานวิจัยต่างประเทศกล่าวว่า Iron Oxide มีบทบาทในการต้านอนุมูลอิสระจากแสงแดดได้สูง รวมไปถึงป้องกันอันตรายจากแสงสีฟ้าได้ และถ้าได้ทำงานร่วมกับ Zinc Oxide ก็ยิ่งป้องกันแสงสีน้ำเงินที่มีพลังงานสูงได้ดีขึ้นด้วย
Hydroquinone
มีคุณสมบัติยับยั้งกระบวนการเปลี่ยนแปลงของสีผิว มักจะถูกใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์เร่งผิวขาว แต่ความเป็นจริงแล้ว เจ้าส่วนผสมตัวนี้สามารถใช้ได้ในระยะเวลาสั้น ๆ ไม่เกิน 3-4 เดือน ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพราะถ้าใช้มากเกินไปหรือใช้แบบระยะยาว อาจจะทำให้เกิดฝ้าถาวร (Exogenous Ochronosis) บริเวณที่ทาครีมที่มี Hydroquinone ลงไป ซึ่งปัจจุบัน ฝ้าประเภทนี้ยังไม่มีทางรักษาให้หายขาด (นี่เป็นสาเหตุที่เราไม่ค่อยนิยมใช้ Hydroquinone จึงเกือบถึงขั้นแบนมันเลยทีเดียวเชียว)
Azelaic Acid
กรดตัวนี้มีคุณสมบัติโดดเด่นในการกำจัดเชื้อแบคทีเรียได้ดี และเป็นสารสกัดจากธรรมชาติ เหมาะกับการรักษาโรคผิวหนังอักเสบ (Rosacea) และช่วยลดโอกาสในการเกิดสิวอักเสบได้อีกด้วย ในการรักษาฝ้า กรดนี้จะช่วยยับยั้งการผลัดเซลล์ของหนังกำพร้ามากกว่าปกติ ทำให้การผลัดเซลล์ผิวเป็นไปอย่างนุ่มนวล จะเห็นได้ว่าสามารถรักษาปัญหาผิวได้หลายอย่าง แต่ด้วยความที่มีฤทธิ์อ่อน ทำให้รักษาได้แค่ปัญหาผิวรุนแรงน้อยจนถึงปานกลางเท่านั้น
วิธีการใช้
การทำความสะอาดผิวหน้าเพื่อการรักษาฝ้า กระ และจุดด่างดำนั้น เพียงแค่เลือกผลิตภัณฑ์ที่ช่วยล้างสิ่งสกปรกได้อย่างหมดจดก็เพียงพอค่ะ เพราะการรักษาสภาพผิวที่เม็ดสีทำงานผิดปกตินี้ จะต้องเน้นขั้นตอนการบำรุงและการป้องกันเข้ามาในสกินแคร์ รูทีนเป็นหลัก (โดยเฉพาะการป้องกันนี่สำคัญมาก!)
สาว ๆ อาจจะเลือกตัวบำรุงเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Hydroquinone หรือ Azelaic Acid อย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ ทั้งสองตัวนี้ถ้าจะใช้ในรูปของยา ควรอยู่ใต้คำแนะนำของแพทย์เป็นหลัก แม้ปัจจุบันจะมีผลิตภันฑ์หลายแบรนด์ที่มีส่วนผสมเหล่านี้อยู่ในปริมาณที่ไม่อันตรายมาก แต่ก็ควรรับคำแนะนำจากแพทย์อยู่ดีค่ะ
ส่วนใหญ่หมอจะแนะนำให้เลือกตัว Azelaic Acid ใส่ไว้ในสกินแคร์ รูทีนมากกว่าเพราะมีคุณสมบัติที่ครอบคลุมและอ่อนโยน ช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิวอย่างช้า ๆ และยังสามารถใช้ร่วมกับส่วนผสมกลุ่ม Retinoid ได้ดี หรืออาจจะเลือกเสริมตัว Niacinamide หรือ Vitamin C เพื่อเสริมความแข็งแรงให้ผิว ปกป้องผิวจากแสงแดดได้มากขึ้น
แต่ไม่ว่าจะดีแค่ไหน การรักษาปัญหาความผิดปกติของเม็ดสีผิว ในสกินแคร์ รูทีนต้องทากันแดดทุกวัน! เพราะแสงแดดมีผลให้รอยด่างดำต่าง ๆ ที่เป็นอยู่แล้วหนักกว่าเดิม ต่อให้เราบำรุงดีแค่ไหน แต่ไม่ยอมป้องกัน ก็จะไม่มีทางหายเป็นฝ้าแน่นอนค่ะ
ปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำ รักษาด้วยหัตถการอะไรได้บ้าง?
การรักษาฝ้า กระ จุดด่างดำฝังลึกมักจะเป็นปัญหาโลกแตกที่สาว ๆ พยายามหาวิธีมาแชร์กันเยอะมาก ๆ แถมแต่ละวิธีก็ใช้เวลาค่อนข้างนานและต้องอาศัยวินัยในการบำรุงป้องกันอีก หลายคนจึงหันมาใช้วิธีรักษาด้วยหัตถการกันเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งจะมีตัวเลเซอร์ที่ได้รับความนิยมที่สุด หมอแนะนำเป็นตัว Lumecca และ Pico Plus เลยค่ะ
เจ้าเครื่องเลเซอร์สองตัวนี้จะเข้าไปจัดการกับเม็ดสีผิวที่ผิดปกติของเราโดยตรง ทำให้เม็ดสีแตกตัว ผิวหน้าของเราก็จะดูสว่างกระจ่างใจขึ้น รอยดำต่าง ๆ จะจางลงจนมองเห็นได้ยาก เป็นแนวทางการรักษาความผิดปกติของเม็ดสีผิวอย่างตรงจุดมากกว่าและสามารถเห็นผลได้หลังการทำครั้งแรกเลย
สกินแคร์ รูทีน สำหรับผิวไม่เรียบเนียน
ผิวไม่เรียบเนียนนั้น หมายความได้ถึงทั้งสีผิวไม่สม่ำเสมอ ผิวขรุขระไม่เรียบเนียน รูขุมขนกว้าง ซึ่งเป็นปัญหาที่ไม่จำเป็นต้องกังวลกับมันมาก เพราะเราต่างก็มีรูขุมขนกันทั้งนั้น และการมีรูขุมขนกว้างเป็นเรื่องธรรมชาติมาก ๆ แต่อย่างไรก็ตาม หากอยากให้ผิวแลดูเรียบเนียนสดใสขึ้นก็ย่อมได้ค่ะ โดยจะเน้นไปที่การผลัดเซลล์ผิวเก่าทิ้งเพื่อเผยเซลล์ผิวใหม่ที่เรียบเนียนประจ่างใสกว่า ส่วนใหญ่มักจะเป็นส่วนผสมที่สกัดจากกรดตามธรรมชาติ ในตระกูล AHA (กรดผลไม้) มีดังนี้ค่ะ
ส่วนผสมแนะนำ สำหรับสกินแคร์ รูทีน ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ
Lactic acid
ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วให้ทำความสะอาดออกได้ง่าย ทำให้ผิวดูเรียบเนียนกระจ่างใสมากขึ้น แม้จะมีฤทธิ์ผลัดเซลล์ผิวแต่ Lactic acid มีความอ่อนโยนกว่าส่วนผสมที่มีคุณสมบัติเดียวกัน เพราะ Lactic acid ไม่สามารถซึมเข้าสู่ผิวได้ลึก จะอยู่แค่ผิวชั้นนอกเท่านั้น จึงปลอดภัยกับสาว ๆ ผิวแพ้ง่าย และยังเหมาะกับสาวผิวแห้ง เพราะ Lactic acid สามารถเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวได้
Mandelic acid
เป็นหนึ่งในกรดผลไม้ที่มีโมเลกุลขนาดใหญ่ที่สุด ทำให้มันไม่สามารถซึมลึกเข้าสู่ผิวได้ขนาดนั้น จึงสามารถผลัดเซลล์ผิวได้อย่างอ่อนโยนเหมือนกับ Lactic acid แต่จุดเด่นของมันคือ มีฤทธิ์ช่วยต้านเชื้อแบคทีเรีย เหมาะกับคนที่ผิวแพ้ง่ายหรือผิวเป็นสิวร่วมด้วย ลดโอกาสการเกิดสิวใหม่ ช่วยแก้ปัญหาผิวไม่เรียบเนียนจากการเป็นสิวได้ดี
Glycolic acid
สามารถซึมเข้าสู่ผิวได้อย่างล้ำลึกกว่ากรดตระกูลเดียวกันสองชนิดข้างต้น ทำให้สามารถปรับเซลล์ผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า (แรงกว่า) ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ป้องกันการสลายตัวของคอลลาเจนในระยะยาว เหมาะกับคนที่ผิวผสมหรือผิวมัน เพราะสามารถทนต่อฤทธิ์ของกรดตัวนี้ได้ค่อนข้างดีกว่า
วิธีการใช้
เนื่องจากข้อควรปฏิบัติในการปรับผิวให้เรียบเนียนคือต้องเน้นการผลัดเซลล์ผิวถึงจะได้ผลดีที่สุด ดังนั้น ข้อควรระวังของคนที่จะผลัดเซลล์ผิวคือ ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีฤทธิ์ผลัดเซลล์ผิวแรง ๆ ร่วมกันค่ะ เหตุผลเดียวกับคนที่มีปัญหาสิว ถ้าเราใช้ผลิตภัณฑ์ที่เน้นผลัดเซลล์ผิวซ้ำกันสองตัวขึ้นไป ก็จะยิ่งทำให้มีการผลัดเซลล์แรงขึ้น กลายเป็นระคายเคือง ผิวบางลง และไวต่อแดดมากกว่าที่ควรจะเป็น
ด้วยเหตุนี้ การเลือกผลิตภัณฑ์เพื่อการผลัดเซลล์ผิวจึงต้องแค่เลือกอย่างใดอย่างหนึ่งเข้ามาในสกินแคร์ รูทีน ตามประเภทผิวหรือสภาพผิวของเรา (มีปัญหาผิวอื่นร่วมด้วย) เพื่อให้การทำงานของส่วนผสมข้างต้นมีประสิทธิภาพและปลอดภัย ทั้งนี้ ก็ต้องให้ความสำคัญกับการป้องกันผิวจากแสงแดด เพราะการกำจัดผิวชั้นนอกที่ตายแล้วออกย่อมทำให้ผิวไวต่อแสงมากขึ้น บอบบางมากขึ้น
ปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอ รักษาด้วยหัตถการอะไรได้บ้าง?
สำหรับหัตถการที่โดดเด่นมากที่สุดในการรักษาผิวไม่เรียบเนียนก็จะเป็นตัว Morpheus8 เช่นเคยค่ะ นอกจากจะช่วยลดผิวเหี่ยว ผิวหย่อนคล้อย ริ้วรอยเยอะแล้ว การกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวของเจ้าเครื่องนี้ยังช่วยให้หลุมสิวตื้นขึ้นด้วย เพราะการเรียงตัวใหม่ของเซลล์ผิวจะช่วยให้ผิวที่ขรุขระกระชับขึ้นแบบธรรมชาติ
อีกตัวที่น่าสนใจคือ Pico Plus Laser ค่ะ เนื่องจากเป็นเครื่องเลเซอร์ที่มีความยาวคลื่นหลากหลายมาก ๆ ทำให้สามารถแก้ปัญหาผิวได้อย่างครอบคลุม รวมไปถึงผิวที่ไม่เรียบเนียน มีความขรุขระ มีหลุมสิวหรือรูขุมขนกว้างก็ช่วยได้ดีมาก
สกินแคร์ รูทีน ผู้ชายก็มีนะ!
ปัญหาผิวของคุณผู้ชายนั้น ไม่ค่อยแตกต่างกับปัญหาผิวของสาว ๆ เท่าไหร่ค่ะ แต่ส่วนใหญ่มักจะมีปัญหาเรื่องความมันและรูขุมขนกว้างมากกว่า เนื่องจากโครงสร้างผิวหน้าของผู้ชายส่วนใหญ่จะมีต่อมไขมันเยอะและมีขนาดรูขุมขนที่กว้างกว่าผู้หญิงทั่วไป รองลงมาคือปัญหาริ้วรอย (เป็นช้ากว่าแต่ถ้ามีแล้ว จะรุนแรงมาก) ปัญหาหน้าหมอง ผิวขาดน้ำ และเซลล์ผิวแก่เร็วกว่าปกติ มักเกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้ชายส่วนใหญ่ที่มีโอกาสเผชิญแสงแดดบ่อย ล้างหน้าแรง สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ หรือนอนน้อย (ปัจจัยเหล่านี้ก็ทำลายผิวของสาว ๆ ได้เช่นกันนะ!) ซึ่งจริง ๆ แล้วก็สามารถรักษาตามสกินแคร์ รูทีนของผู้หญิงได้ค่ะ
ส่วนผสมแนะนำ สำหรับสกินแคร์ รูทีน สำหรับผู้ชาย
Benzoyl Peroxide
ตัวนี้แนะนำเป็นพิเศษเลยค่ะ เพราะผู้ชายส่วนใหญ่มักจะมีกิจกรรมในแต่ละวันเยอะมาก ๆ อาจจะต้องพบเจอกับมลภาวะ สิ่งสกปรก บวกกับความมันบนใบหน้าที่เยอะกว่าผู้หญิง การใช้ Benzoyl Peroxide จึงเหมาะมาก ๆ กับการชะล้างความมันส่วนเกินและสิ่งสกปรกที่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดปัญหาสิว ผิวอักเสบ
BHA หรือ AHA
การผลัดเซลล์ผิวเป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับคุณผู้ชายเช่นกันค่ะ เพราะจะทำให้เซลล์ผิวเก่าที่เกาะตัวอยู่บนผิวเราหลุดออกได้ง่าย หากใครที่ผิวค่อนข้างไวต่อแดดหรือแพ้ง่ายก็อาจจะใช้ตัว Mandelic acid หรือ Lactic acid แทนการใช้กรดกลุ่ม BHA ที่มีฤทธิ์ค่อนข้างแรงก็ได้
Retinoid
เป็นตัวเลือกที่ดีอีกหนึ่งตัวในการใช้ก่อนถึงวัยสูญเสียคอลลาเจน (อายุ 30+) มาก ๆ เลยค่ะ ผิวของผู้ชายจะมีริ้วรอยช้ากว่าผู้หญิงก็จริง แต่เมื่อถึงเวลา ริ้วรอยต่าง ๆ จะลึกมากจนน่าตกใจ เพราะผิวผู้ชายมีความหนาหยาบกว่าผิวผู้หญิง การใช้ผลิตภัณฑ์กลุ่ม Retinoid ตั้งแต่ยังไม่มีปัญหาริ้วรอย จะช่วยป้องกันได้เยอะ
Niacinamide
เป็นตัวช่วยหลักที่จะลดความมันระหว่างวันได้ดีมาก ๆ สำหรับผู้ชายที่มีผิวผสมหรือผิวมัน เพราะนอกจากจะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน (จะได้ไม่หน้าแก่ก่อนวัย) ยังเป็นตัวเสริมเกราะป้องกันผิวไม่ให้โดนแสงแดดทำร้ายมากเกินไปด้วย สายกิจกรรมกลางแจ้งต้องมี!
Iron Oxide
ส่วนผสมยอดฮิตในสายกันแดด ปัจจุบันอาจจะค่อนข้างหาผลิตภัณฑ์กันแดดที่มี Iron Oxide ยากสักหน่อย แถม Iron Oxide ยังให้เฉดสีที่หลากหลายมาก ๆ (ส่วนใหญ่จึงมักจะมีสีเหมือนรองพื้น) ยิ่งทำให้หนุ่ม ๆ ปวดหัวกว่าเดิม แต่ถ้าอยากให้การป้องกันผิวก่อนออกแดดเปรี้ยง ๆ ได้ดีขึ้น ก็ต้องพยายามหามาใช้ให้ได้แล้วล่ะ
วิธีการใช้
เนื่องจากแนวทางการเลือกสกินแคร์ รูทีนของผู้ชาย ไม่ได้แตกต่างอะไรกับการเลือกสกินแคร์ รูทีนผู้หญิงมากนัก เน้นแค่การควบคุมความมัน การป้องกันผิวจากแสงแดด และการบำรุงเติมความชุ่มชื้น ทำให้วิธีการใช้ผลิตภัณฑ์ในสกินแคร์ รูทีนผู้ชายนั้นไม่ยุ่งยาก เพียงแค่ทำตามคำแนะนำของวิธีใช้สกินแคร์ รูทีนของสาว ๆ ก็เพียงพอแล้วค่ะ
สำหรับคำแนะนำเพิ่มเติมของการกำหนดสกินแคร์ รูทีนผู้ชาย คงต้องเป็นเรื่องของพฤติกรรมการใช้ชีวิตค่ะ หนุ่ม ๆ หลายคนอาจจะรู้สึกว่าการมีสกินแคร์ รูทีนเป็นเรื่องยุ่งยากซับซ้อนหรือถึงขั้นน่ารำคาญเลยก็มี แต่อย่าลืมว่าผิวเราเสื่อมสภาพลงทุกวัน แถมกิจกรรมบางอย่างโดยเฉพาะกิจกรรมกลางแจ้ง ยิ่งเป็นการทำร้ายผิวเราไปโดยไม่รู้ตัว แถมหนุ่ม ๆ ส่วนใหญ่มักจะต้องโกนหนวดเป็นประจำ ทำให้ผิวแห้งและลอกได้ในบางครั้ง ทางที่ดีจึงควรป้องกันและบำรุงผิวควบคู่กันอย่างสม่ำเสมอ
เบื้องต้น อาจจะลองใช้แค่ 3 สกินแคร์ รูทีนพื้นฐานอย่าง ผลิตภัณฑ์ล้างหน้า (Cleansing) > มอยส์เจอไรเซอร์ (Treat) > ครีมกันแดด (Protect) ก็เป็นการเริ่มต้นที่เพียงพอแล้วค่ะ หากมีปัญหาผิวอื่น ๆ ก็ค่อย ๆ ศึกษาแนวทางการดูแลตัวเองแล้วเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เข้ามาในสกินแคร์ รูทีนก็ได้ (สาว ๆ คนไหนที่ไม่ได้มีปัญหาผิวเยอะ หรือไม่ซีเรียส มีแค่ 3 ตัวนี้ก็ได้นะ!)
ปัญหาผิวผู้ชาย รักษาด้วยหัตถการอะไรได้บ้าง?
สำหรับหนุ่ม ๆ ที่ไม่อยากดูแลอะไรให้มากความ สามารถเลือกหัตถการได้หลากหลายตัวเลยค่ะ หากอยากเน้นเรื่องลดหน้ามัน ลดโอกาสการเกิดสิว ก็แนะนำตัวเลเซอร์หน้าที่ครอบคลุมปัญหาเหล่านี้อย่าง Pico Plus Laser ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนและลดหลุมสิว รอยจุดด่างดำ กระ ฝ้าลึก ก็สามารถช่วยได้ แถมยังช่วยให้รูขุมขนกระชับได้ดีด้วยค่ะ
หากเป็นผู้ชายวัย 40+ ขึ้นไปที่มีริ้วรอยหนักมาก ๆ แต่อยากกลับมาหน้าเด็กลงอีกสักหน่อย ก็อาจจะเลือกตัว Morpheus8 เพื่อฟื้นฟูคอลลาเจนใต้ชั้นผิวตามธรรมชาติแบบไม่ต้องพึ่งสกินแคร์ รูทีน เหมาะกับคนที่ไม่มีเวลาดูแลตัวเอง เพราะ Morpheus8 ช่วยแก้ผิวยับย่นได้ดี แถมช่วยให้ผิวหน้าเรียบเนียนขึ้นด้วยนะคะ
อีกตัวที่แนะนำเลยคือ Meso White เพื่อช่วยเติมเต็มความแข็งแรงให้ผิวอย่างล้ำลึก ทำได้ทั้งลดรอยฝ้า กระ จุดด่างดำ แก้สีผิวให้เรียบเนียนสม่ำเสมอมากขึ้น ช่วยกระชับรูขุมขน เสริมคอลลาเจน ปรับโครงสร้างผิว ทำให้ผิวเด้งอิ่มน้ำ มีความชุ่มชื้นมากขึ้น เหมาะกับหนุ่ม ๆ หน้ามันเป็นสิว ผิวไม่เรียบเนียน
สกินแคร์ ห้ามใช้คู่กัน มีตัวไหนบ้าง!?
ส่วนผสมทุกชนิดที่กล่าวมา มีข้อควรระวังในการใช้งาน เนื่องจากส่วนผสมแต่ละชนิดมีฤทธิ์ที่สามารถลดประสิทธิภาพ หักล้าง หรือเพิ่มประสิทธิภาพมากเกินไปจนทำให้ผิวระคายเคืองหนักกว่าเดิมได้ ซึ่งจะทำให้ผิวบอบบาง อักเสบ หรือปัญหาที่มีอยู่แล้วแย่ลงกว่าเดิมได้ หมอจึงขอแนะนำการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมเหล่านี้ไว้ด้วย!
ส่วนผสม
Benzoyl Peroxide
Vitamin C
Niacinamide
AHA และ BHA
Azelaic Acid
Iron Oxide
ห้ามใช้กับ
- กลุ่ม BHA
- กลุ่ม Retinoid
- Vitamin C
- กลุ่ม Retinoid
- กลุ่ม AHA และ BHA
- Benzoyl Peroxide
- Vitamin C
- กลุ่ม Retinoid
- Vitamin C
- กลุ่ม AHA และ BHA
ยังไม่มีผลวิจัยว่าทำปฏิกิริยากับส่วนผสมอื่น ๆ ในสกินแคร์
ผลข้างเคียง
ผิวระคายเคืองง่าย เพราะ Benzoyl Peroxide ทำให้ผิวแห้ง ไม่ควรผลัดเซลล์ผิวต่อ
ผิวระคายเคือง อักเสบ แสบ ไหม้ หรือเป็นรอยแดง เพราะมีฤทธิ์เป็นกรดเหมือนกัน
หักล้างประสิทธิภาพการทำงานของกันและกัน แต่ก็สามารถใช้ได้ถ้าผิวแข็งแรง หรือผลิตภัณฑ์นั้นกะปริมาณความเข้มข้นของทั้งสองตัวมาเข้ากันได้
ระคายเคืองหนักมาก เป็นการผลัดเซลล์ผิวรุนแรงเกินไป
กระตุ้นให้ผิวบอบบางมากขึ้น ให้ดีคือใช้ร่วมกับ กลุ่ม Retinoid ดีกว่า แต่แนะนำกับคนที่ผิวแข็งแรงดีเท่านั้น และต้องลงมอยส์เจอไรเซอร์และกันแดดดี ๆ ตามด้วย
–
บทความที่เกี่ยวข้อง
- PICO LASER เลเซอร์สยบรอยฝ้า กระ รอยสัก ผิวใส ไม่มีรอย!
- MORPHEUS8 เทคโนโลยียกผิวให้ตึงพร้อมเคลียร์ปัญหาผิว ทั้งใบหน้าและลำตัว
บทความที่เกี่ยวข้อง
สรุป
สกินแคร์ รูทีนนั้นไม่ได้มีข้อจำกัดว่าต้องแบ่งแยกเป็น สกินแคร์ รูทีนผู้ชาย หรือสกินแคร์ รูทีนผู้หญิง เพราะส่วนที่สำคัญในการตั้งเป้าหมายเพื่อรักษาปัญหาผิวอย่างตรงจุด คือส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ที่เราเลือกใช้ หากเราจะต้องขวนขวายครีมดี ๆ สักชิ้นเพื่อนำมาบำรุงดูแลผิวในแต่ละขั้นตอน ก็ต้องคัดสรรส่วนผสมที่เหมาะกับการรักษาตามสภาพผิวของเรา เพื่อให้การใช้ผลิตภัณฑ์ทุก ๆ ชิ้นในสกินแคร์ รูทีนของเรามีประสิทธิภาพและเห็นผลได้อย่างชัดเจน