ค่า SPF คืออะไร? ค่ายิ่งสูง ยิ่งกันแดดดี จริงไหม?

SPF คือ

สวัสดีค่ะ กลับมาพบกับ Blog สาระความรู้ของ Amara Clinic กันอีกเช่นเคยค่ะ วันนี้หมอตวง (แพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนัง) มีเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับครีมกันแดดมาฝากกันค่ะ โดยหมอได้คัดคำถามที่มีคนไข้ถามกันเข้ามาเยอะมาก นั่นก็คือ ค่า SPF คืออะไร? และที่เค้าว่ากันว่า ยิ่งค่า SPF สูง ๆ ยิ่งปกป้องผิวจากแสงแดดได้ดี จริงหรือเปล่า? แล้วค่า PA คืออะไร? เลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF PA คือ สิ่งที่ต้องมาคู่กันจริงไหม? เดี๋ยวเราจะมาหาไขข้อสงสัยนี้ไปพร้อม ๆ กัน รวมถึงหมอยังมีเคล็ดลับวิธีทาครีมกันแดดที่ถูกต้อง เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวหน้าโดนทำร้ายจากแสงแดดอีกด้วยค่ะ

SPF คือ ค่าที่บ่งบอกความสามารถของครีมกันแดด ในการป้องกันรังสียูวีบี (UVB) เพื่อไม่ให้ผิวโดนทำร้ายจนเกิดผิวไหม้ โดยค่า SPF ย่อมาจาก “Sun Protection Factor” ซึ่งเราจะเห็นค่า SPF ได้จากหน้ากล่องผลิตภัณฑ์ครีมกันแดด และจะมีตัวเลขตามหลัง SPF ที่แตกต่างกัน โดยตัวเลขที่แสดงอยู่จะบ่งบอกจำนวนเท่าของเวลาในการปกป้องผิวเราจากแสงแดด

SPF คือ

ยกตัวอย่างเช่น หากปกติเมื่อเราไม่ได้ทาครีมกันแดดและต้องอยู่กลางแดด จากนั้นผิวเราเริ่มมีเปลี่ยนเป็นสีแดงในระยะเวลา 15 นาที นั่นเท่ากับว่าผิวเราทนต่อแสงแดดได้ 15 นาที ซึ่งหากเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 15 เราจะสามารถโดนแสงแดดเป็นระยะเวลาเพิ่มขึ้น 15 เท่า นั่นหมายความว่า ครีมกันแดดค่า SPF 15 จะช่วยเพิ่มระยะเวลาในการกันแดดเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 3 ชั่วโมงกว่า ๆ หรือคิดได้จาก 15×15 เท่ากับ 225 นาที หรือ 3 ชั่วโมง 45 นาที สรุปง่าย ๆ ก็คือ ครีมกันแดดที่มีค่า SPF คือ ตัวยืดเวลาให้เราได้อยู่กลางแดดได้มากขึ้นตามจำนวนเท่าที่ตามหลังค่า SPF นั่นเองค่ะ

SPF PA คือ 2 ค่าสำคัญในครีมกันแดด

เราได้รู้กันไปแล้วนะคะว่า SPF คือ ค่าที่บอกความสามารถของครีมกันแดดในการป้องกันรังสียูวีบี (UVB) ทีนี้หลายคนก็มีคำถามตามมาอีกว่า SPF PA 2 ตัวนี้ทำไมต้องมาคู่กัน แล้วเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF อย่างเดียวได้ไหม ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับค่า PA กันก่อนค่ะ สำหรับค่า PA คือ ค่าที่ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดที่เป็นชนิดรังสียูวีเอ (UVA) มาจาชื่อเต็มว่า “Protection grade of UVA” ซึ่งจะมีตัวระบุจำนวนเท่าที่สามารถปกป้องผิวได้ เป็นเครื่องหมาย (+) โดยครีมกันแดดที่เราเห็นกันก็จะมีเครื่องหมาย (+) ตั้งแต่ 1-4 ตัว ซึ่งจำนวนเครื่องหมาย (+) ที่ตามหลังค่า PA มีความหมายดังนี้ค่ะ

  • PA + มีคุณสมบัติปกป้องผิวจากแสงแดดได้มากกว่าปกติ 2-4 เท่า
  • PA ++ มีคุณสมบัติปกป้องผิวจากแสงแดดได้มากกว่าปกติ 4-8 เท่า
  • PA +++ มีคุณสมบัติปกป้องผิวจากรังสี UVA ได้มากกว่าปกติ 8-16 เท่า
  • PA ++++ มีคุณสมบัติปกป้องผิวจากสังสี UVA ได้มากกว่า 16 เท่า
SPF คือ

โดยสรุปแล้ว ค่า PA คือ ความสามารถในการปกป้องผิวจากรังสียูวีเอ (UVA) นั่นเองค่ะ ซึ่งการเลือกครีมกันแดดที่ดีนั้น หมอแนะนำให้มองหาครีมกันแดดที่มีทั้งค่า SPF และ PA ค่ะ เพราะจะช่วยปกป้องผิวได้จากแสงแดดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งรังสียูวีเอ (UVA) ที่เป็นตัวการของฝ้า กระ จุดด่างดำ และริ้วรอยบนใบหน้า รวมถึงป้องกันผิวจากรังสียูวีบี (UVB) ซึ่งทำให้ผิวหน้าไหม้แดด โดยในระยะยาวอาจก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้ค่ะ สรุปแล้ว SPF PA คือ 2 ค่าสำคัญที่เราควรพิจารณาเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีทั้ง 2 ค่านี้อยู่ร่วมกันค่ะ

ลงทะเบียนปรึกษาฟรี

บทความที่เกี่ยวข้อง

  • ผิวหน้าตกกระ ปัญหากวนใจที่แม้แต่ครีมทาผิวยังเอาไม่อยู่! แต่ Amara Clinic เรามีทางแก้! หาคำตอบได้ที่ หน้าเป็นกระ
  • ขมวดคิ้วก็ย่น! มองตรงไหนก็มีแต่ริ้วรอย จะมีวิธีกำจัดอย่างไรดี! อ่านเพิ่มเติมได้ที่ รอยย่นหน้าผาก

ค่า SPF ยิ่งสูงยิ่งดีจริงไหม?

เอาหละค่ะ จากที่เราได้รู้กันไปแล้วว่า SPF คืออะไร มาถึงข้อสงสัยยอดฮิตต่อมาว่า ยิ่งค่า SPF สูงมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งปกป้องผิวจากแสงแดดได้มากขึ้นได้จริงไหม? ซึ่งในส่วนนี้ก็มีส่วนจริงค่ะ เนื่องจากค่า SPF สูงจะยิ่งช่วยปกป้องผิวของเราจากแสงแดดได้นานขึ้น ทำให้เราอยู่กลางแดดได้นานมากตามจำนวนเท่าของตัวเลขในค่า SPF แต่ทั้งนี้ การใช้ครีมกันแดดทั้งชนิดที่ทาหน้าและทาตัว ที่มีค่า SPF สูง ๆ ก็จะอาจทำให้เสี่ยงต่อการระคายเคืองที่ผิวได้มากขึ้นค่ะ

SPF คือ

ดังนั้น การเลือกทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF เท่าไหร่นั้น เราจะต้องคำนึงถึงไลฟ์สไตล์และการใช้ชีวิตประจำวันนั้น ๆ ด้วยค่ะ ซึ่งโดยทั่วไป ถ้าเราไม่ได้ออกแดดจัดทั้งวัน ตั้งแต่เช้าจรดเย็น ส่วนใหญ่อยู่แต่ในที่ร่ม นั่งทำงานในออฟฟิศ หมอแนะนำให้ใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 15 ก็เพียงพอแล้วค่ะ แต่หากวันไหนที่เราต้องออกแดดจัดทั้งวัน อย่างการไปเที่ยวทะเลา ดำน้ำ หรือเล่นกีฬากลางแจ้งนาน ๆ ให้เราเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30-50 และที่ขาดไม่ได้จะต้องมีค่า PA คือ ค่าที่ต้องมาคู่กันกับค่า SPF ด้วยค่ะ

นอกจากการเลือกครีมกันแดดจากค่า SPF PA คือ สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้แล้ว เราควรพิจารณาจากปัจจัยอื่น ๆ ร่วมด้วยนะคะ โดยการเลือกครีมกันแดดที่มีคุณสมบัติเหมาะสมกับกิจกรรมนั้น ๆ เช่น หากต้องออกแดดจัดนาน ๆ เล่นน้ำทะเล หรือเล่นกีฬากลางแจ้ง ควรเลือกครีมกันแดดที่กันน้ำ กันเหงื่อ รวมถึงการหาอุปกรณ์ตัวช่วยอื่น ๆ ในการป้องกันแสงแดดจัด เช่น กางร่ม, สวมหมวกปีกกว้าง และการใส่เสื้อผ้าที่ปกปิดมิดชิด เพื่อปกป้องผิวจากแสงแดดได้มากที่สุดนั่นเองค่ะ

ครีมกันแดดแบบ Chemical และ Physical เลือกแบบไหนดี?

ในปัจจุบัน เราจะสังเกตเห็นผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดที่วางขายกัน ซึ่งจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ ครีมกันแดดแบบ Chemical และแบบ Physical แต่หลายคนยังไม่รู้ว่า ทั้ง 2 ชนิดนี้มีความแตกต่างกันอย่างไร และเราควรเลือกแบบไหนให้เหมาะกับเรามากที่สุด หมอมีข้อมูลเปรียบเทียบความแตกต่างของครีมกันแดดทั้ง 2 ชนิดนี้ไว้ให้เข้าใจกันง่าย ๆ ตามภาพ Infographic ด้านล่างค่ะ

SPF คือ

วิธีทาครีมกันแดดที่ถูกต้อง ลดโอกาสผิวเสียได้!

  • วิธีทาครีมกันแดดที่ถูกต้อง คือ ทาในปริมาณที่พอดี แนะนำให้ทากันแดด 2 ข้อนิ้วสำหรับใบหน้า และทาครีมกันแดดที่ใบหน้าและลำคอปริมาณ 2 นิ้วมือ รวมถึงสามารถใช้สูตรทาครีมกันแดด 2 นิ้วมือที่ลำตัว
  • สำหรับปริมาณครีมกันแดด 2 ข้อนิ้ว วิธีทาครีมกันแดดจะต้องแบ่งทา 2 รอบ โดยทารอบแรก 1 ข้อนิ้ว และรอให้ครีมซึมลงสู่ผิวประมาณ 5 นาที จากนั้น ทาอีก 1 ข้อนิ้วที่เหลือ 
  • ทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้าน หรือก่อนออกแดดประมาณ 15-30 นาที
  • ควรทาครีมกันแดดซ้ำทุก ๆ 2 ชั่วโมง โดยเฉพาะเมื่อต้องออกแดดจัดทั้งวัน
  • วิธีทาครีมกันแดดที่ถูกต้อง แนะนำให้ทาสกินแคร์ก่อนทาครีมกันแดดทุกครั้ง
  • เลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF ที่เหมาะสมและคุณสมบัติเหมาะกับการทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น เลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30-50 PA+++ ขึ้นไป และเป็นชนิดกันเหงื่อ กันน้ำ หากต้องไปเล่นน้ำ ดำน้ำ อยู่กลางแดดจ้าทั้งวัน
  • ในรายที่มีผิวบอบบาง แพ้ง่าย ควรเลือกใช้ครีมกันแดดแบบ Physical (ครีมกันแดดที่ไม่มีสารที่ก่อให้ผิวระคายเคือง)
  • เมื่อต้องออกแดด ควรกางร่ม สวมเสื้อผ้าที่ปิดมิดชิด สวมหมวกปีกกว้าง ร่วมกับการทาครีมกันแดด ด้วยวิธีทาครีมกันแดดที่ถูกต้อง

บทความที่เกี่ยวข้อง

  • ทฤษฎีทาครีมกันแดดแบบ 2 ข้อนิ้ว VS 2 นิ้วมือ ต่างกันอย่างไร หาคำตอบได้ที่ ทากันแดด 2 ข้อนิ้ว
  • ฝ้าหนาเป็นปื้น ทาครีมไม่หาย ต้องดูวิธีนี้! อ่านเพิ่มเติมได้ที่ รักษาฝ้า

ผิวเสียจากแสงแดด รักษาให้หายได้ไหม?

แม้ว่าจะใช้วิธีทาครีมกันแดดที่ถูกต้อง และหมั่นทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวันแล้ว แต่อาจได้รับผลข้างเคียงจากการที่ผิวโดนแสงแดดได้อยู่ เพราะครีมกันแดดสามารถลดผลกระทบที่เกิดจากแสงแดด แต่ก็ยังไม่สามารถป้องกันผิวได้เต็มที่ 100% ส่งผลให้เกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ และผิวหน้าไหม้แดด 

แต่ไม่ต้องกังวลไปค่ะ เพราะเราก็สามารถฟื้นฟูผิวให้กลับมาสวยได้ ด้วยการรักษาด้วย Lumecca ซึ่งเป็นนวัตกรรมแสงกึ่งเลเซอร์ที่เข้มข้นกว่า IPL ธรรมดาทั่วไปถึง 3 เท่า และ Pico Laser เลเซอร์ผิวใส รักษาความผิดปกติของเม็ดสีผิวได้อย่างตรงจุด โดยไม่ทำให้ผิวไหม้ อ่อนโยนมกับผิว สามารถรักษาได้ทั้งใบหน้าและลำตัว และยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ให้ผิวกลับมาเนียน เด้ง ใส ในเวลาที่รวดเร็ว และเห็นการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ครั้งแรกค่ะ สนใจปรึกษาแพทย์ฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย แอดไลน์ได้ที่ LINE : @AmaraSkin (มี@นำหน้า)

SPF คือ
SPF คือ

บทความที่เกี่ยวข้อง

ทากันแดด 2 ข้อนิ้ว VS 2 นิ้วมือ ต่างกันอย่างไร?

อ่านเพิ่มเติม

เคลียร์สีผิวไม่สม่ำเสมอ เผยผิวใส กล้าโชว์หน้าสด!

อ่านเพิ่มเติม

คนอยากผิวใสต้องรู้!! กินคอลลาเจน ตอนไหนดีเห็นผลเร็ว!?

อ่านเพิ่มเติม

สรุป

           SPF คืออะไร? สรุปแล้วค่า SPF คือ ความสามารถในการปกป้องผิวจากแสงแดดที่มีรังสียูวีบี (UVB) ซึ่งเป็นค่าสำคัญที่ต้องมีในครีมกันแดด ยิ่งค่า SPF ที่สูงเท่าไหร่ ก็ยิ่งสามารถป้องกันแสงแดดได้นานยิ่งขึ้น แต่การใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูง ๆ ก็ไม่ได้จำเป็นเสมอไปค่ะ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับกิจกรรมที่เราทำ เช่น การทำงานออกแดดจัดทั้งวัน ตั้งแต่เช้าถึงเย็น หรือการเล่นน้ำทะเล ดำน้ำ การเล่นกีฬากลางแจ้งนาน ๆ แบบนี้หมอแนะนำให้ใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30-50 และต้องมีค่า PA ร่วมด้วย เพราะค่า PA คือ สิ่งที่ป้องกันผิวเราได้จากรังสียูวีเอ (UVA) แบบนี้ถึงจะทำให้ครีมกันแดดมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยวิธีทาครีมกันแดดที่ถูกต้อง ยังเป็นสิ่งที่สำคัญที่จะช่วยเชฟผิวเราจากแสงแดดได้ดี เพื่อผิวที่ขาวกระจ่างใส ไร้ฝ้า กระ จุดด่างดำกวนใจ และลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งผิวหนังได้อีกด้วยค่ะ


แพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนัง

พญ.ภคกมล ตุ้มสุทธิ (หมอตวง)

ลงทะเบียนปรึกษาฟรี!


    ใส่ความเห็น

    อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *