สภาพผิวของคนเรานั้นต่างก็ไม่ได้คงที่เสมอไปค่ะ โลกเรานั้นเต็มไปด้วยเหตุปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้ผิวของเราเสียหาย ไม่ว่าจะเป็นสภาพอากาศ สภาพแวดล้อม อายุ หรือฮอร์โมนในร่างกายของเรา อันจะก่อให้เกิดปัญหาผิวมากมาย ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวจึงเป็นตัวช่วยสำคัญที่จะทำให้ผิวของเรามีความสมดุลและแข็งแรง ไม่ไวต่อปัจจัยเหล่านั้น แต่สกินแคร์เหล่านี้ก็มีลำดับขั้นตอนและองค์ประกอบที่ต้องจัดเรียงให้ถูกต้อง
เพื่อที่จะได้แสดงประสิทธิภาพสูงสุดออกมา เกิดเป็น ‘สกินแคร์ รูทีน’ ขั้นตอนการดูแลผิวที่ช่วยเรียบเรียงการใช้ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพ วันนี้ หมอตวง Amara Clinic จึงจะพามาดูลำดับสกินแคร์ รูทีนสำหรับสภาพผิวต่าง ๆ ว่าต้องใช้ตัวไหน ต้องเลือกอย่างไร เป็นพื้นฐานในการดูแลผิวประจำวันของหนุ่ม ๆ สาว ๆ กันค่ะ
Astaxanthin คืออะไร?
Astaxanthin คือสารสีชมพูหรือแดงที่อยู่ในกลุ่มสารเคมีที่เรียกว่า แคโรทีนอยด์ (Carotenoid) สามารถพบได้ตามธรรมชาติในสัตว์บางชนิด เช่น เปลือกกุ้งหรือปู ปลาแซลมอน หรือพืชบางชนิด แต่แหล่งที่มาตามธรรมชาติที่เข้มข้นที่สุดของ Astaxanthin คือ สาหร่ายฮีมาโตคอกคัส พลูวิเอลิส (Haematococcus pluvialis) ซึ่งมักถูกนำมาสกัดเพื่อบรรจุในอาหารเสริมที่เราเห็น ๆ กันในหลายยี่ห้อ แถมมันยังเป็นสารที่มีความต้องการในตลาดสูงมาก ๆ ด้วย
เหตุที่สารตัวนี้เป็นที่นิยม เป็นเพราะ Astaxanthin คือสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ที่ยอดเยี่ยมมาก ๆ ค่ะ และอย่างที่เรารู้กันดีว่าสารต้านอนุมูลอิสระสามารถช่วยป้องกันเซลล์ของเราไม่ให้เกิดความเสียหาย เสื่อมสภาพเร็ว หรือโดนทำร้ายจากอนุมูลอิสระรอบตัว นอกจากนี้ Astaxanthin ยังเป็นตัวช่วยปรับการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันอีกด้วย
ประโยชน์ของ Astaxanthin ทางการแพทย์
อย่างที่ได้รู้กันแล้วว่า Astaxanthin คือสารต้านอนุมูลอิสระชั้นดี ทำให้ประโยชน์ของมันหลากหลายมาก ๆ ค่ะ ในวงการดูแลผิว Astaxanthin คือผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นในเรื่องของการลดเลือนริ้วรอย แต่ในทางการแพทย์ Astaxanthin ยังเป็นสารที่ใช้รักษาโรค ภาวะ หรืออาการต่าง ๆ ได้ดีอีกด้วย แต่จะมีประโยชน์อะไรบ้าง? มาดูกันค่ะ
-
เสริมระบบภูมิคุ้มกัน
เนื่องจาก Astaxanthin คือสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงมาก ๆ ดังนั้น มันจึงช่วยในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของเราได้เป็นอย่างดี ช่วยต้านและป้องกันการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง ป้องกันเบาหวาน และโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ ได้
-
ลดการอักเสบ
ตัว Astaxanthin คือสารที่ช่วยลดหรือต้านการอักเสบได้ รวมไปถึงการอักเสบเรื้อรังที่อาจจะก่อให้เกิดโรคอื่น ๆ ตามมา ลดความรุนแรงของโรค ลดอาการปวดข้อ โรคไขข้ออักเสบ
-
บำรุงสมองและความจำ
สารกลุ่มแคโรทีนอยด์อย่าง Astaxanthin คือสารที่มีผลดีต่อสมอง ทำให้ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเกี่ยวกับระบบประสาท ช่วยบำรุงสมองและอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย ซึ่งอาจจะรวมไปถึงการป้องกันและชะลอการเป็นโรคอัลไซเมอร์หรือโรคความผิดปกติทางสติปัญญาอื่น ๆ ด้วย
-
ช่วยให้หัวใจทำงานได้ดี
ตัวแคโรทีนอยด์นั้นสามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี (LDL) และช่วยเพิ่มคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) ให้กับร่างกาย ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระที่ทำลายเซลล์ของผนังหลอดเลือด ป้องกันโรคเส้นเลือดหัวใจอุดตัน ทำให้การไหลเวียนเลือดดีขึ้น
-
บำรุงสายตา
เพราะตัว Astaxanthin คือสารกลุ่มแคโรทีนอยด์ซึ่งโดดเด่นในด้านบำรุงสายตาอยู่แล้ว ทำให้มันมีส่วนช่วยในการป้องกันดวงตาจากรังสียูวี ทำให้ปวดตาน้อยลง การมองเห็นจะรู้สึกสดชื่นมากขึ้นและมีประสิทธิภาพกว่าเดิมค่ะ
กิน Astaxanthin ช่วยบำรุงผิวได้อย่างไร?
คุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระของ Astaxanthin คือส่วนสำคัญหลัก ๆ ในการดูแลผิวพรรณเลยค่ะ “อนุมูลอิสระ” เป็นตัวที่ทำลายเซลล์ของเราในหลาย ๆ ด้าน อันเกิดได้จากทั้งตัวเราเองและจากปัจจัยภายนอก เช่น รังสียูวีของแสงแดด มลพิษจากอากาศ ควันฝุ่น ควันบุหรี่ การติดเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส อาหารการกินที่มีแต่ไขมันเลว ไปจนถึงความเครียดของร่างกายและจิตใจ
เมื่อมีศัตรูตัวร้ายเข้ามาก่อเรื่องถึงถิ่น ร่างกายของเราจึงต้องสร้างสารต้านอนุมูลอิสระขึ้นมาเพื่อต่อต้านไม่ให้เซลล์ถูกทำลายไปมากกว่านี้ ซึ่งถ้ามันเพียงพอต่อกันก็จะทำให้ร่างกายเรายังปกติค่ะ แต่ถ้าเมื่อไหร่สารต้านอนุมูลอิสระที่เราผลิตขึ้นเองมีไม่เพียงพอที่ต่อสู้กับอนุมูลอิสระเหล่านี้ได้ ก็จะทำให้เซลล์เริ่มเสื่อมโทรม จนเกิดโรคต่าง ๆ ในด้านวงการความงามก็จะเรียกได้ว่า ริ้วรอยร่องลึก ผิวไม่สม่ำเสมอ ไม่เรียบเนียน แถมผิวโทรมผิวแก่ก่อนวัย ตามมาอย่างแน่นอนค่ะ
มี งานวิจัยจาก NCBI กล่าวว่า คุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระของ Astaxanthin คือคุณสมบัติที่เหมาะมาก ๆ กับคนผิวแพ้ง่ายค่ะ เพราะ Astaxanthin ช่วยเรื่องต้านการอักเสบของผิว ลดรอยแดง ปกป้องผิวที่ไวต่อแสง ป้องกันการเกิดรอยดำ มีส่วนช่วยในการซ่อมแซม DNA ที่ได้รับความเสียหายจากรังสียูวี (เรียกอีกนัยหนึ่งได้ว่า ช่วยชะลอการเติบโตของเซลล์มะเร็งผิวหนังนั่นเอง!)
กล่าวโดยสรุปคือ Astaxanthin ช่วยเรื่องการปกป้องผิวจากรังสียูวี มลภาวะอื่น ๆ และบำรุงผิวให้มีความแข็งแรงขึ้นไปพร้อม ๆ กัน เนื่องจากการปกป้องผิวจากแสงแดดและช่วยลดการอักเสบ ทำให้ลดการสูญเสียคอลลาเจนของผิวได้ ผิวจึงยังคงความชุ่มชื้น ยืดหยุ่น และมีการผลิตซีบัมที่ทำให้ปัญหาหน้ามันน้อยลงนั่นเอง
Astaxanthin มีแบบทาไหมนะ?
มีทั้งในรูปแบบของเซรั่ม มอยส์เจอไรเซอร์ หรือน้ำมันทาผิวเลยค่ะ และเนื่องจากเป็นสารที่มีความอ่อนโยนและช่วยบำรุงผิว ทำให้สามารถใช้ได้ทั้งตอนกลางวันและตอนกลางคืน แต่ถ้าจะได้ให้ผลดีที่สุด แนะนำให้ทาร่วมกับกินค่ะ เพราะจะได้ผลมากกว่าทั้งภายนอกและภายใน
Astaxanthin (แอสต้าแซนธิน) กินตอนไหนดี?
เราควรกิน Astaxanthin พร้อมกับมื้ออาหารจะดีที่สุดค่ะ เนื่องจากตัว Astaxanthin เป็นแคโรทีนอยด์ที่ละลายในไขมัน การกินพร้อมกับมื้ออาหารจึงทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมได้ต่อเนื่องกว่า หรือสามารถทานหลังอาหารทันทีก็ได้เช่นกันค่ะ
ปริมาณที่แนะนำสำหรับ Astaxanthin คือ 4-12 มิลลิกรัม (mg.) ต่อวัน โดยปริมาณ 4 mg. ต่อวันจะเห็นผลได้ชัดในเรื่องลดการอักเสบได้ดี แต่ปริมาณ 12 mg. ต่อวันจะเหมาะกับคนที่ต้องการสารต้านอนุมูลอิสระสูง ซึ่งร่างกายสามารถรับได้สูงสุด 12 mg. ต่อวันจะปลอดภัยที่สุด
ระยะเวลาการกินแล้วจะเห็นผลเร็วที่สุดสำหรับ Astaxanthin คือ 2 สัปดาห์ขึ้นไปค่ะ แต่โดยทั่วไปแล้วมักจะต้องกิน 4-8 สัปดาห์ขึ้นไปถึงจะเห็นผลอย่างชัดเจนจริง ๆ ถึงแม้ว่าจะดูเหมือนนานมาก ๆ แต่การกิน Astaxanthin อย่างต่อเนื่องจะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพและคงอยู่ในระยะยาว ไม่ใช่หยุดกินแล้วกลับมาผิวเหี่ยวทันทีค่ะ!
Astaxanthin ควรกินคู่กับอะไร?
การกิน Astaxanthin คือการเพิ่มประสิทธิภาพในการต้านอนุมูลอิสระให้กับร่างกาย แต่ถ้าเรามีสารอาหารตัวอื่น ๆ ที่เหมาะจะนำมากินคู่กันเพื่อเสริมสร้างเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรงยิ่งขึ้นได้ก็จะยิ่งดีมาก ๆ เลยค่ะ โดยสารอาหารที่สามารถนำมากินคู่กับ Astaxanthin คือ คอลลาเจน วิตามินซี และโคเอ็นไซม์ คิวเท็นค่ะ
-
- คอลลาเจน (Collagen) กินคู่กับ Astaxanthin ช่วยเรื่องของการเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว โดยการเสริมสร้างเซลล์ใหม่ของผิวหนัง ทำให้ผิวแข็งแรง ดูหย่อนคล้อยน้อยลง เมื่อกินคู่กัน ตัว Astaxanthin จะเข้ามาช่วยเสริมเกราะป้องกันให้กับผิว ไม่ให้คอลลาเจนถูกทำลายจากอนุมูลอิสระ โดยเฉพาะแสงแดด จนไม่เห็นผล
- วิตามินซี (Vitamin C) กินคู่กับ Astaxanthin ช่วยเรื่องกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิว วิตามินซีมีส่วนช่วยในการปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระเช่นกันกับ Astaxanthin ทำให้ผิวถูกแสงแดดทำร้ายได้น้อยลง
- น้ำมันปลา (Fish Oil) กินคู่กับ Astaxanthin ช่วยเรื่องลดการอักเสบของผิวได้ค่ะ นอกจากนี้ ก็ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ลดอาการแห้งแตกของผิว สำหรับใครกินเพื่อหวังผลในเรื่องของผิวชุ่มชื้น ลดอักเสบ คู่นี้ก็ช่วยได้ดีเลยค่ะ
- โคเอ็นไซม์ คิวเท็น (Coenzyme Q10) กินคู่กับ Astaxanthin ช่วยเรื่องการต้านอนุมูลอิสระแบบคูณสอง! เพราะสารอาหารทั้งคู่มีจุดเด่นในเรื่องการต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องผิวจะรังสียูวี ลดริ้วรอย ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
Q10 + Astaxanthin คือยารักษาภาวะมีบุตรยากในผู้ชายได้ด้วยนะ!
การกิน Q10 คู่กับ Astaxanthin ในผู้ชาย มีงานวิจัย Q10 จาก NBCI กล่าวว่า ทางการแพทย์สามารถนำมาใช้รักษาภาวะมีบุตรยากในผู้ชายได้ค่ะ มีส่วนช่วยในการสร้างพลังงานให้กับเซลล์ ซึ่งช่วยกระตุ้นการเคลื่อนที่ของอสุจิ เพิ่มจำนวนอสุจิ และยังช่วยต้านอนุมูลอิสระที่อาจจะเข้ามาทำลายเซลล์ ทำให้มีบุตรได้ง่ายขึ้นเพราะอสุจิแข็งแรงขึ้นนั่นเอง
Astaxanthin ห้ามกินกับอะไร?
ตัว Astaxanthin แม้จะเป็นอาหารเสริมที่มีคุณประโยชน์มากมายตั้งแต่เรื่องภูมิคุ้มกันไปจนถึงสุขภาพผิว แต่มันก็ยังมีข้อควรระวังในการกินอยู่ค่ะ หลังจากได้ทราบแล้วว่า Astaxanthin ควรกินคู่กับอะไรถึงจะดี ในหัวข้อนี้เรามาดูกันว่า Astaxanthin ไม่ควรกินคู่กับอะไรบ้าง
-
- ยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด ได้แก่ แอสไพริน (Aspirin) วาร์ฟาริน (Warfarin) เพราะจะส่งเสริมผลในการต้านการแข็งตัวของเลือด มีโอกาสเลือดออกภายใน หรือเลือดไหลไม่หยุดได้
- ยาที่มีผลต่อการต้านอักเสบหรือลดปวด ได้แก่ ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) นาพรอกเซน (Naproxen) เนื่องจาก Astaxanthin คือสารอาหารที่มีฤทธิ์ลดการอักเสบอยู่แล้ว อาจจะไปเพิ่มการออกฤทธิ์ของยามากขึ้นได้
- แคลเซียม (Calcium) หรืออาหารเสริมที่มีแคลเซียมเป็นส่วนประกอบ เพราะตัว Astaxanthin อาจจะไปลดปริมาณแคลเซียม หรือหักล้างกัน
- ยาเบาหวาน เนื่องจากผู้ป่วยโรคเบาหวานต้องคุมระดับน้ำตาลในเลือด การกิน Astaxanthin ที่มีผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง จึงเป็นการทำให้น้ำตาลตกได้
- ยาลดความดันเลือด เพราะ Astaxanthin มีส่วนช่วยในการลดความดันเลือด หากกินคู่กันก็จะไปเสริมฤทธิ์กัน อาจจะทำให้ความดันเลือดต่ำมากกว่าปกติได้
-
- ยากดภูมิ มีผลต่อการกิน Astaxanthin โดยตรงจากคุณสมบัติในการเพิ่มภูมิคุ้มกัน อาจจะทำให้ภูมิขึ้น หรือไปรบกวนการทำงานของยากดภูมิได้
- ยาที่มีผลต่อการลดไขมันในกระแสเลือดคอเลสเตอรอล ได้แก่ คอเลสไตรามีน (Cholestyramine) และคอเลสติพอล (Colestipol) เพราะจะไปลดการทำงานของ Astaxanthin ที่ต้องใช้ไขมันในการดูดซึม
ข้อควรระวัง! Astaxanthin ผลข้างเคียงมีอะไรบ้าง?
การกิน Astaxanthin คือการกินอาหารเสริมชนิดหนึ่งนะคะ ถึงแม้ว่ามันจะมีสรรพคุณดี ๆ มากมาย แต่ก็ยังสามารถมีผลข้างเคียงให้เห็นแตกต่างกันไปตามสภาพร่างกายของแต่ละคนค่ะ โดยส่วนใหญ่ Astaxanthin มีผลข้างเคียงอื่น ๆ ดังนี้
- อาการแพ้ เนื่องจาก Astaxanthin คือสารสกัดจากธรรมชาติที่ทำมาจากพืชหรือสัตว์ คนที่แพ้สาหร่าย กุ้ง ปู หรืออาหารทะเล ควรศึกษาที่มาของส่วนผสมก่อน นอกจากนี้ต้องระวังการแพ้สารแคโรทีนอยด์ อาจทำให้มีผดผื่น คัน ตัวบวมอย่างรุนแรงได้
- อุจจาระสีแดง ไม่ได้เป็นอันตราย เป็นเพราะสีของ Astaxnthin ที่เป็นสีแดงหรือชมพูเท่านั้น
- ผลกระทบต่อร่างกายผู้ชาย ต้องระมัดระวังมากกว่าปกติ เพราะ Astaxanthin อาจจะไปขัดขวางเอ็นไซม์ 5-alpha reductase ให้ไม่สามารถทำปฏิกิริยาฮอร์โมนเทสโทสเทอโรน (Testosterone) เพื่อเปลี่ยนเป็นฮอร์โมน DHT ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ส่งผลต่อการพัฒนาความเป็นเพศชาย ซึ่งอาจจะทำให้ผู้ชายที่กิน Astaxanthin มีสมรรถภาพทางเพศลดลง ความใคร่ลดลง และส่งผลให้เกิดภาวะเต้านมโตในผู้ชายได้
คนที่ไม่ควรกิน Astaxanthin
จากผลข้างเคียงของการกิน Astaxanthin บวกกับยาที่ไม่ควรกินคู่กัน ทำให้ทราบคร่าว ๆ แล้วว่าผลของมันกระทบต่อระบบอะไรในร่างกายบ้าง แต่หมอจะขอแนะนำเพิ่มเติมให้ชัดเจนว่าใครที่ไม่ควรกิน Astaxanthin ไปด้วย ได้แก่
-
- ผู้มีปัญหาหรือโรคเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกันผิดปกติ
- ผู้มีปัญหาแคลเซียมต่ำ
- ผู้มีความดันเลือดต่ำ
- ผู้ป่วยโรคกระดูกพรุน
- ผู้มีปัญหาเกี่ยวกับต่อมพาราไทรอยด์
- ผู้มีปัญหาเกี่ยวกับฮอร์โมนในร่างกาย
- ผู้ป่วยเบาหวาน
- ผู้ที่มีเลือดออกง่ายกว่าปกติ
- ผู้ป่วยหอบหืด
- หญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร
- เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี
อยากลดริ้วรอย ย้อนวัยใส มีวิธีไหนอีกบ้าง?
การลดริ้วรอยอย่างเห็นผลนั้นมีหลากหลายวิธีมาก ๆ เลยค่ะ ซึ่งการเลือกกินอาหารเสริมอย่าง Astaxanthin ก็เป็นหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง แต่การลดริ้วรอยวิธีอื่น ๆ ที่เห็นผลจริงจะมีอะไรบ้าง มาดูกัน!
-
การใช้ผลิตภัณฑ์ทาผิว
ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดเลือนริ้วรอยออกมาเยอะมาก ๆ เลยค่ะ หลายตัวก็ยังใส่ส่วนผสมที่สามารถฟื้นบำรุงผิวให้มีความแข็งแรงมากขึ้น หากมีสกินแคร์รูทีนดี ๆ อยู่แล้วแต่อยากลดริ้วรอย ก็อาจจะลองหาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่ช่วยฟื้นฟูคอลลาเจนในผิว เสริมเกราะป้องกันผิวจากแสงแดดและมลภาวะ เพิ่มความชุ่มชื้นและเน้นให้ผิวแข็งแรงก็ช่วยลดริ้วรอยได้แล้วค่ะ
-
ใช้กันแดดทุกวัน
อย่างที่หมอได้บอกไปว่ารังสียูวีจากแสงแดดเป็นตัวการสำคัญที่จะเข้ามาทำร้ายผิวของเรา ดังนั้น การทาครีมกันแดดเพื่อปกป้องผิวจึงเป็นทางออกที่ง่ายมาก ๆ ค่ะ เพียงแค่เลือกกันแดดที่มี SPF สูงพอเหมาะ และทากันแดดในปริมาณที่เหมาะสม เติมกันแดดระหว่างวันบ้าง ก็เพียงพอที่จะช่วยป้องกันริ้วรอยได้แล้วค่ะ (ทากันแดดให้เพียงพอต้องทาเท่าไหร่? ศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ วิธีทากันแดด)
-
กินอาหารที่มีประโยชน์ต่อผิว
สำหรับคนที่ไม่อยากกินอาหารเสริม ก็อาจจะลองปรับเมนูให้มีอาหารที่ช่วยบำรุงผิวไปเลย ยกตัวอย่างเช่น กินผลไม้หรือผักที่มีวิตามินอีและวิตามินอี เพื่อเสริมสร้างและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิว เพิ่มความแข็งแรง เปล่งปลั่งสดใส ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ลดการเกิดรอยเหี่ยวย่นบนหน้าได้ในระยะยาว
-
พักผ่อนให้เพียงพอต่อวัน
การนอนหลับอย่างเพียงพอจะส่งผลต่อการทำงานของฮอร์โมนหลายตัวเลยค่ะ ซึ่งจะไปส่งผลต่อการซ่อมแซมเซลล์ของร่างกาย หากนอนไม่พอก็จะทำให้ร่างกายไม่สามารถฟื้นฟูตัวเองได้อย่างเต็มที่ ทำให้ผิวโทรม หน้าแก่ก่อนวัยง่ายกว่าปกติ
-
นวดหน้าลดริ้วรอย
การนวดหน้าเพื่อยกกระชับผิวนั้นมีแยกย่อยออกไปหลายวิธีค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการนวดหน้าด้วยมือ การนวดหน้าด้วยหินกัวซาหน้า หรือเครื่องนวดหน้าแบบต่าง ๆ ทั้งใช้ไฟฟ้าและไม่ใช้ไฟฟ้า แต่จะมีข้อเสียคือต้องทำบ่อย ๆ และไม่ได้เห็นผลชัดเจนในเร็ววัน ถ้าหวังผลระยะยาวก็เหมาะเลยค่ะ
-
ฉีดโบท็อก
เป็นวิธีลดริ้วรอยทางการแพทย์ที่ได้รับความนิยมมาก ๆ เลยค่ะ เพราะไม่จำเป็นต้องพักฟื้นและดูแลตัวเองให้ยุ่งยาก การฉีดโบท็อกลิฟหน้าเป็นแนวทางที่จะช่วยลดริ้วรอย ยกกระชับใบหน้าให้ดูอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังช่วยลดริ้วรอยจากการใช้กล้ามเนื้อใบหน้า เช่น การแสดงอารมณ์ แต่การฉีดโบท็อกจะต้องมาฉีดซ้ำเพื่อคงผลลัพธ์ให้อยู่ยาวนานขึ้นด้วยอย่างน้อย 4-6 เดือนครั้ง (การฉีดแต่ละครั้งจะอยู่ได้ประมาณ 3-4 เดือนแล้วแต่การใช้ชีวิต) ซึ่งไม่ควรฉีดถี่เกินไปหรือฉีดติดต่อกันระยะยาว เพราะอาจจะทำให้ดื้อโบท็อกได้
-
ยกกระชับด้วย Ultraformer III
Ultraformer III เป็นเทคโนโลยีที่ใช้พลังคลื่นเสียงอัลตร้าซาวด์ที่มีความเข้มข้นสูงยิงลึกเข้าสู่ชั้นผิวแบบเจาะจง ทำให้กล้ามเนื้อในบริเวณนั้นเกิดการหดตัวทันที ทำให้ผิวกระชับขึ้น ลดริ้วรอย กระตุ้นให้ผิวผลิตคอลลาเจน ไม่ต้องผ่าตัดหรือพักฟื้นให้เจ็บตัว พร้อมยังสามารถสลายไขมันได้ดีในระดับหนึ่งด้วยค่ะ!
-
ฟื้นฟูผิวยับย่นด้วย Morpheus8
Morpheus8 เป็นเครื่องมือทางการแพทย์ที่ใช้คลื่นความถี่วิทยุปล่อยพลังงานลงไปใต้ชั้นผิวได้ถึงระดับที่ 4 ผ่านเข็มทองคำขนาดเล็กมาก ๆ ทั้งหมด 24-40 เข็ม (แล้วแต่พื้นที่ที่ทำ) ช่วยกระตุ้นให้ชั้นไขมันใต้ผิวหดตัว กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิว คอลลาเจนในชั้นผิวหนังแท้เกิดการเรียงตัวใหม่ ทำให้สามารถลดเลือนริ้วรอยร่องลึก ยกกระชับผิวที่ยับย่นหย่อนคล้อย ลดปัญหาคอเหี่ยว ผิวยับย่น ซ่อมแซมฟื้นฟูผิวให้กลับมาเรียบเนียนอย่างเป็นธรรมชาติโดยไม่ต้องใช้สารใด ๆ หรือเรียกได้ว่าเป็นเทคโนโลยีที่กระตุ้นห้ผิวของเรากระชับขึ้นด้วยตัวของมันเองค่ะ
บทความที่เกี่ยวข้อง
สรุป
Astaxanthin คือสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประโยชน์ต่อร่างกายหลากหลายมาก ๆ ทั้งลดเลือนริ้วรอย ฟื้นฟูผิวเสีย ไปจนถึงปัญหาสุขภาพอื่น ๆ แต่อย่างไรก็ตาม การเลือกกิน Astaxanthin ให้ปลอดภัยควรจะปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนกินเพื่อพิจารณาถึงผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น และประเมินว่าร่างกายของเราสามารถกิน Astaxanthin ได้หรือไม่ ซึ่งรวมไปถึงการเลือกวิธีหรือแนวทางในการลดริ้วรอยอื่น ๆ จะต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นอันดับแรกนะคะ จะได้หน้าเรียบเนียน คืนวัยเด็กให้ผิวอย่างยั่งยืนค่ะ