เซลลูไลท์คืออะไร? พบวิธีลดเซลลูไลท์อย่างอยู่หมัด!

ปัญหาผิวพรรณไม่เรียบเนียนที่หมอเจอได้บ่อย ๆ รองจากเรื่องรอยแตกลายแล้ว ยังมีปัญหาเซลลูไลท์ หรือผิวเปลือกส้ม โดยคนทั่วไปมักเข้าใจว่าคนอ้วนเท่านั้นถึงจะมีเซลลูไลท์ แต่ในความเป็นจริง ปัญหาเซลลูไลท์ยังสามารถเกิดขึ้นกับคนที่ผอมได้เช่นเดียวกัน เพราะในคนที่ผอมก็ใช่ว่าจะไม่มีไขมันสะสมค่ะ หรืออาจมีความบกพร่องในระบบต่าง ๆ ในร่างกาย ซึ่งบริเวณที่พบได้บ่อย นั่นก็คือ เซลลูไลท์ต้นขา วันนี้หมอตวง (แพทย์เฉพาะทางผิวหนัง) จะมาไขข้อสงสัยว่า เซลลูไลท์คืออะไร เกิดจากสาเหตุอะไร ใครบ้างที่เสี่ยงมีเซลลูไลท์ได้มากกว่าคนทั่วไป เซลลูไลท์เกิดขึ้นตรงไหนในร่างกายเราได้บ้าง รวมถึงการลดเซลลูไลท์ต้นขาด้วยวิธีที่หมอแนะนำว่าทำแล้วช่วยได้จริง ใครที่กำลังกลุ้มใจกับปัญหาเซลลูไลท์อยู่ มาลองอ่านบทความนี้ดูนะคะ

เซลลูไลท์คืออะไร? Cellulite หรือ เซลลูไลท์คือ ผิวที่มีลักษณะไม่เรียบเนียน เป็นลักษณะผิวเปลือกส้ม ซึ่งเกิดจากการเพิ่มขนาดและจำนวนของเซลล์ไขมันที่อยู่ใต้ผิวหนัง ทำให้เซลล์ไขมันมีการจับตัวกระจุกกันและเคลื่อนตัวขึ้นมาสูงขึ้น จนเป็นชั้นคลื่นอยู่ในเนื้อเยื่อซึ่งเชื่อมต่ออยู่ที่ใต้ผิวหนัง โดยเซลลูไลท์เกิดขึ้นเมื่อเซลล์ไขมัน (Adipocytes) เก็บไขมันมากกว่าที่ร่างกายต้องการ ซึ่งเซลล์ไขมันพวกนี้จะติดอยู่ภายในระหว่างเส้นใยคอลลาเจน สำหรับเซลลูไลท์มักเกิดจากพฤติกรรมการรับประทานอาหาร หรือทานอาหารที่มีปริมาณแคลอรี่มากกว่าที่ร่างกายต้องการนั่นเองค่ะ และส่วนมากแล้วจะพบเซลลูไลท์ได้ในผู้หญิง (มากกว่าผู้ชาย) ที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป

ขอบคุณภาพประกอบจาก : germainedecapuccini.ie

เซลลูไลท์มีความแตกต่างจากไขมันทั่วไปค่ะ เพราะเซลลูไลท์คือ ไขมันสะสมที่เป็นก้อนซึ่งมีของเสียและน้ำปะปนอยู่ โดยในแต่ละก้อนของไขมันจะมีพังผืดเข้ามาห่อหุ้ม ซึ่งไขมันทั่วไปจะสามารถกำจัดออกได้ง่าย ๆ ด้วยการควบคุมอาหาร ควบคู่กับการออกกำลังกาย แต่การลดเซลลูไลท์ด้วยตัวเองมักทำได้ยาก เพราะนอกจากจะต้องลดไขมันด้วยการควบคุมอาหารและออกกำลังกายแล้ว ยังต้องมีการนวดผิวหนัง หรือการลดเซลลูไลท์ด้วยวิธีทางการแพทย์เช่นดูดไขมันเข้ามาช่วยด้วยค่ะ จึงจะทำให้ผลลัพธ์ออกมาดี (อ่านเพิ่ม…ดูดไขมันช่วยอะไรได้บ้าง?)

เซลลูไลท์เกิดจากอะไรได้บ้าง

• เซลลูไลท์เกิดจากเส้นใยคอลลาเจนอ่อนแอ เมื่อเส้นใยคอลลาเจนใต้ผิวหนังอ่อนแอหรือสูญเสียความยืดหยุ่น ไขมันที่สะสมอยู่จะเริ่มดันผ่านชั้นของเส้นใยทำให้เกิดการกระแทกใต้ผิวหนัง เส้นใยคอลลาเจนและเนื้อเยื่อเกี่ยวพันอาจอ่อนแอได้ด้วยเหตุผลหลายอย่าง เช่น กล้ามเนื้อไม่แข็งแรง, อายุมากขึ้น, ผิวหนังได้รับความเสียหายจากแสงแดด, ไขมันส่วนเกิน, ฮอร์โมน และการไหลเวียนไม่ดี
• เซลลูไลท์เกิดจากการไหลเวียนไม่ดีและการกักเก็บของเหลว เซลล์ไขมันจะจับกันเป็นกลุ่มก้อน โดยมีคอลลาเจนล้อมรอบซึ่งทำให้เลือดไหลเวียนไม่ดี และเมื่อผนังหลอดเลือดสูญเสียความยืดหยุ่น ความเร็วของการไหลเวียนโลหิตจะลดลง แทนที่จะถูกขับออกมา ของเหลวส่วนเกินและของเสียจะถูกผลักไปยังเซลล์ไขมัน ทำให้เกิดเซลลูไลท์และบวม โดยเนื้อเยื่อเกี่ยวพันจะดึงรั้ง ผิวหนัง ทำให้ผิวหนังเห็นเป็นคลื่นไม่เรียบเนียน สำหรับสาเหตุที่ทำให้ผนังหลอดเลือดอ่อนแอ เกิดขึ้นตามอายุที่มากขึ้น และสาเหตุอื่น ๆ จากการใช้ชีวิต เช่น ไม่ออกกำลังกาย, การสูบบุหรี่, ความเครียด การนั่งเป็นเวลานาน หรือการรับประทานอาหารที่มีโซเดียมสูง

บทความที่น่าสนใจ

• ริ้วรอยหน้าผาก รอยตีนกา ร่องแก้ม ทำให้หน้าแก่ จัดการอย่างไรให้ผิวหน้าอ่อนเยาว์ หาคำตอบได้ที่ ลดริ้วรอยบนใบหน้า
• ทำความรู้จักโครงสร้างผิวหนังอย่างเจาะลึก โดยแพทย์ผิวหนัง อ่านเพิ่มเติมได้ที่ โครงสร้างผิวหนัง

หลังจากได้ทราบกันไปแล้วว่า เซลลูไลท์คืออะไร ตอนนี้เรามาดูชนิดและระยะการเกิดเซลลูไลท์กันต่อเลยค่ะ สำหรับเซลลูไลท์สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ชนิดหลัก ๆ คือ Soft Cellulite, Hard Cellulite และ Edematous Cellulite รวมไปถึงยังแบ่งระยะการเกิดเซลลูไลท์ได้เป็น 4 ระยะ ซึ่งแบ่งออกตามระดับความรุนแรงของเซลลูไลท์ เดี๋ยวเรามาลองสังเกตชนิดและระยะการเกิดเซลลูไลท์ว่า แต่ละอย่างแตกต่างกันอย่างไรค่ะ

ชนิดของเซลลูไลท์

• Soft Cellulite เซลลูไลท์ชนิดนี้สัมพันธ์กับผิวที่หย่อนคล้อย และมักพบในบริเวณร่างกายที่มีไขมันสะสม เช่น ท้องแขน, หน้าท้อง, สะโพก, ก้น และเซลลูไลท์ต้นขา จะมองเห็นได้ชัดเจนขึ้นเมื่อเรานอนราบ Soft Cellulite เป็นชนิดเซลลูไลท์ที่ไม่เจ็บปวดเมื่อสัมผัส มีลักษณะเป็นริ้วคลื่น เป็นก้อนไขมันนิ่ม ส่วนใหญ่เกิดได้จากกรรมพันธุ์ และพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่ทำให้เกิดไขมันสะสม รวมถึงไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย
• Hard Cellulite เป็นเซลลูไลท์ที่ลักษณะเป็นผิวเปลือกส้ม ผิวขรุขระ และมีลักษณะเป็นก้อนแข็ง สามารถเกิดได้ทั้งคนที่มีน้ำหนักตัวมาก และในคนที่ผอม หากในกรณีที่มีเป็นขั้นที่รุนแรง เมื่อสัมผัสจะรู้สึกเจ็บ และรักษาค่อนข้างยาก
• Edmatous Cellulite หรือเซลลูไลท์บวมน้ำ มักพบในคนที่มีระบบไหลเวียนในร่างกายไม่ค่อยดี มีการคั่งของน้ำเหลือง เวลากดลงบนผิวจะมีลักษณะที่บุ๋มลงไป มักจะพบได้บริเวณสะโพก, หัวเข่า และเซลลูไลท์ต้นขา รวมถึงอาจเจ็บแล้วเจ็บ หรือเวลานั่งนาน ๆ ก็จะรู้สึกเจ็บได้ สำหรับวิธีการลดเซลลูไลท์ชนิดนี้อาจต้องอาศัยการนวด เพื่อปรับการไหลเวียนของโลหิตให้ดีขึ้น

ระยะการเกิดของเซลลูไลท์

• ระยะที่ 0 เป็นระยะของเซลลูไลท์ คือ เริ่มมีพังผืดแต่ยังไม่มากนัก หากยืน นั่ง หรือนอนจะยังมองไม่เห็น แต่หากใช้มือบีบเนื้อบริเวณนั้น ๆ แล้วจะเห็นเป็นผิวเปลือกส้ม

• ระยะที่ 1 ระยะนี้เป็นเซลลูไลท์ที่คล้ายกับระยะที่ 0 แต่จะมีรอยผิวเปลือกส้มที่มากขึ้นกว่าระยะที่ 0 เมื่อเอามือบีบที่ผิวบริเวณนั้น ๆ

• ระยะที่ 2 เป็นระยะที่เซลลูไลท์เห็นเป็นผิวเปลือกส้มแม้ในขณะที่ยืนอยู่เฉย ๆ แต่หากนอนราบลงจะยังไม่เห็นผิวเซลลูไลท์
• ระยะที่ 3 ในระยะนี้เป็นระยะที่ไม่ว่าจะยืน นั่ง หรือนอน ก็จะสามารถเห็นเป็นผิวเปลือกส้มได้ และยังถือว่าเป็นระยะของเซลลูไลท์ คือ มีความรุนแรงและรักษาลดเซลลูไลท์ได้ยาก

บทความที่น่าสนใจ

• ไขข้อสงสัย สำหรับใครที่ยังลังเลอยู่ว่า เลเซอร์กำจัดขนแบบไหนดี หาคำตอบได้ที่ เลเซอร์ขนมีกี่แบบ
• IPL ไม่ใช่เลเซอร์! แต่มันคืออะไร ทำไมใคร ๆ ก็ชอบทำ IPL อ่านเพิ่มเติมได้ที่ IPL คืออะไร 

เซลลูไลท์คือ การที่เซลล์ไขมันมีขนาดใหญ่และสะสมจำนวนมาก จนมากระจุกตัวรวมกัน และดันตัวขึ้นมาบนผิวหนัง ส่งผลให้ผิวเกิดเป็นคลื่น ผิวเปลือกส้ม เกิดเป็นเซลลูไลท์ ซึ่งการสะสมของไขมันมีที่มาจากหลายสาเหตุด้วยกัน ดังนี้ค่ะ

• รับประทานอาหารที่มีไขมันสูง อาหารที่มีปริมาณแคลอรี่สูง ทำให้เผาผลาญได้ไม่หมด เกิดการสะสมของไขมันปริมาณมากจนกลายเป็นเซลลูไลท์
• ไม่ออกกำลังกาย ส่งผลให้การไหลเวียนในร่างกายทำงานได้ไม่ปกติ ทำให้ขอเสียและน้ำเหลืองคงค้าง ฮอร์โมนไม่สมดุล และไม่เกิดการเผาผลาญของไขมัน ทำให้เกิดเป็นเซลลูไลท์ได้ง่าย โดยเฉพาะเซลลูไลท์ต้นขา
• ลดน้ำหนักผิดวิธี เช่น การอดอาหาร จึงทำให้ร่างกายสร้างกลไกป้องกันตัวเอง คอยเก็บพลังงานเอาไว้ใช้ เมื่อมีปริมาณไขมันเข้ามาในร่างกายก็จะเกิดเป็นการสะสม ทำให้มีไขมันส่วนเกินหลงเหลืออยู่จนกลายเป็นเซลลูไลท์
• อยู่ท่าเดิมนาน ๆ การไม่ลุกเดิน นั่งนาน ๆ ในอิริยาบทเดิม ๆ เป็นระยะเวลานาน ทำให้ระบบไหลเวียนในร่างกายทำงานได้ไม่ดี
• ไลฟ์สไตล์บางอย่าง เช่น ดื่มน้ำน้อย, ดื่มแอลกอฮอล์บ่อย หรือการสวมเสื้อผ้ารัด ๆ แน่น ๆ
• ระบบในร่างกายทำงานผิดปกติ เช่น ระบบการเผาผลาญพลังงาน ระบบขับถ่ายของเสีย ทำให้มีการสะสมของไขมันและของเสีย จนเกิดเป็นเซลลูไลท์
• ภาวะบางอย่าง เช่น การตั้งครรภ์และคนในวัยหมดประจำเดือน ทำให้ฮอร์โมนในร่างกายไม่สมดุล ทำให้มีการสะสมของไขมันได้มาก

อย่างที่เรารู้กันไปแล้วนะคะว่า เซลลูไลท์คือ การสะสมของเซลล์ไขมัน ซึ่งเซลลูไลท์มักจะเกิดในบริเวณที่มีปัญหาในการไหลเวียนของเหลว เช่น สะโพก หรือเซลลูไลท์ต้นขา แต่นอกจากนั้นแล้ว ยังมีบริเวณอื่น ๆ ในร่างกายที่หลายคนยังคาดไม่ถึงว่าจะเกิดเซลลูไลท์ได้ เช่น บริเวณใต้คาง (เหนียง), หัวเข่า หรือต้นขาอีกด้วยค่ะ เรามาดูกันค่ะว่า เซลลูไลท์สามารถเกิดขึ้นบริเวณใดในร่างกายได้บ้างค่ะ

• ใต้คาง เนื่องจากคางเป็นบริเวณที่อยู่ในสภาพกดลงอยู่ตลอดเวลา ทำให้การไหลเวียนของเหลวในร่างกายทำงานติดขัด ซึ่งส่งผลให้เกิดปัญหาเซลลูไลท์ตามมาได้
• ท้ายทอย ต้นคอ เป็นจุดที่มีการไหลเวียนของเหลวในร่างกาย หากการไหลเวียนทำงานได้ไม่ดี อาจเกิดไขมันสะสมและปัญหาเซลลูไลท์ได้เช่นกัน
• ท้องแขน จะมีไขมันสะสมอยู่ได้มาก และยังเป็นบริเวณที่ไม่ค่อยขยับ จึงทำให้เกิดปัญหาผิวเปลือกส้มหรือเซลลูไลท์ได้มาก
• หน้าท้อง รอบเอว อีกหนึ่งบริเวณที่มีไขมันสะสมอยู่ค่อนข้างเยอะ และเป็นสาเหตุของเซลลูไลท์
• สะโพกและก้น เป็นอีกหนึ่งจุดที่มีไขมันเยอะ และเป็นจุดที่มีการไหลเวียนของเหลวในร่างกาย เมื่อเกิดการกดทับก็จะทำให้มีเซลลุไลท์ได้ง่าย
• ต้นขาและน่อง ซึ่งเซลลูไลท์ต้นขาเกิดจากการสะสมของไขมัน และมีปัญหาเรื่องการไหลเวียนในร่างกาย รวมถึงอาจมีการบวมน้ำ ทำให้ไขมันในใต้ผิวหนังแข็งตัวขึ้น และก่อตัวเป็นเซลลูไลท์ต้นขา
• หัวเข่า เป็นจุดที่เป็นข้อต่อกระดูก มีผิวหนังที่หย่อนคล้อย และมีอาการบวมน้ำได้ง่าย เป็นสาเหตุหนึ่งของเซลลูไลตท์ นอกจากนี้ หากเดินในท่าที่ไม่ถูกวิธีเป็นเวลานาน และมีอาการบวมน้ำเรื้อรัง จะส่งผลให้ไขมันใต้ชั้นผิวหนังแข็งตัวและเกิดเซลลูไลท์ได้ง่าย

การรักษาหรือการลดเซลลูไลท์ด้วยการใช้คลื่นความถี่วิทยุ หรือ RF เป็นวิธีที่จะช่วยสลายไขมัน อันเป็นสาเหตุของการเกิดเซลลูไลท์ ซึ่งในปัจจุบันเป็นวิธีที่ช่วยลดเซลลูไลท์อย่างได้ผล ผิวพรรณกลับมาเรียบเนียนยิ่งขึ้น เนื่องจากหลักการทำงานของคลื่น RF ซึ่งเป็นพลังงานความร้อน ที่จะเข้าไปสลายไขมัน ทำให้เซลลูไลท์แตกตัว พร้อมกับช่วยกระชับผิว และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน กระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตให้ดีขึ้น โดยการรักษาหรือลดเซลลูไลท์ที่หมออยากแนะนำจะมีอยู่ 2 ชนิดค่ะ คือ การนวด RF และการทำ Morpheus8 ซึ่งทั้ง 2 วิธีนี้เป็นการใช้คลื่นพลังงงาน RF ทั้งคู่ค่ะ

ลดเซลลูไลท์ด้วยการนวด RF

อย่างที่หมอได้บอกไปนะคะว่า การรักษาหรือการลดเซลลูไลท์ ที่เกิดจากระบบการไหลเวียนของเหลวในร่างกายทำงานได้ไม่ดี ต้องอาศัยการนวดกระชับผิวเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต พร้อมกับสลายไขมัน โดยวิธีนวดลดเซลลูไลท์ด้วยคลื่น RF ก็เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมาก ซึ่งที่ Amara Clinic เราเลือกใช้เครื่องนวด RF ที่ชื่อว่า Venus Legacy รุ่นใหม่ ที่มี 4 เทคโนโลยีด้วยกัน คือ Multi-Polar RFทำให้มีการกระจายตัวของพลังงานความร้อนเป็นวงกว้าง ส่งความร้อนไปยังชั้นไขมันได้ลึกถึง 3.75 mm ช่วยให้ผิวกระชับ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว, Pulsed Electro Magnetic Fields (PEMF) ช่วยกระตุ้นระบบน้ำเหลือง ลดการเกิดพังผืด สลายก้อนแข็งใต้ผิว, Vari-Pulse  ปรับจังหวะในการดูดนวดต่อมน้ำเหลือง ส่งพลังงานลงสู่ชั้นไขมันได้ลึกยิ่งขึ้น และ Real-Time Thermal Feedback บอกอุณหภูมิที่ใช้อยู่ได้ในทันทีขณะที่ทำการรักษา ผ่านการแสดงผลทางหน้าจอ ลดความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดผิวไหม้ ด้วยคุณสมบัติของการนวด RF จึงสามารถช่วยลดเซลลูไลท์ ลดผิวเปลือกส้มที่อยู่ในระดับไม่รุนแรงได้อย่างมีประสิทธิภาพค่ะ (อ่านเพิ่มเติมได้ที่ Venus Legacy)

ลดเซลลูไลท์ด้วยเครื่อง Morpheus8

หลักการทำงานของเครื่อง Morpheus8 คือ จะปล่อยพลังงานคลื่นความถี่วิทยุ (RF) ผ่านเข็มทองคำขนาดเล็ก 24 เข็ม ที่วางเรียงกันอยู่ตรงหัวอุปกรณ์ ซึ่งพลังงานจะถูกนำส่งลงไปยังระดับชั้นผิวที่ต้องการลดเซลลูไลท์ ช่วยทำให้ชั้นไขมันใต้ผิวหดตัวลง ช่วยให้ผิวที่เสื่อมสภาพตามอายุที่มากขึ้น (Aging Skin) แลดูอ่อนเยาว์ขึ้น กระตุ้นการซ่อมสร้างเซลล์ผิวใหม่ ทั้งเส้นใยคอลลาเจน และเส้นใยอิลาสติน และช่วยกระตุ้นการเรียงตัวใหม่ของคอลลาเจนในชั้นผิวหนังแท้ รวมถึงชั้นไขมันใต้ผิว โดยจะทำให้ผิวกระชับเรียบเนียนยิ่งขึ้นค่ะ สามารถใช้ได้กับทุกส่วนในร่างกาย ทั้งใบหน้าและลำตัว และช่วยลดเซลลูไลท์ต้นขา ซึ่งเป็นบริเวณที่พบเซลลูไลท์ได้มากเป็นอันดับต้น ๆ และเหมาะกับทุกปัญหาเซลลูไลท์ค่ะ (อ่านเพิ่มเติมได้ที่ Morpheus8)