สิวข้าวสาร ไม่ใช่สิวแต่เป็น “ซีสต์” รวมทุกเรื่องที่คววรรู้เมื่อเป็นสิวข้าวสาร!

what-is-a-milium-cyst

ส่องกระจกแล้วมีตุ่มเล็ก ๆ สีขาวขึ้นอยู่ตามใบหน้า หลายคนอาจคิดว่านั้นคือ “สิวข้าวสาร” แต่จริงแล้ว ๆ ปัญหานี้ไม่ใช้สิวอย่างที่ทุกคนเรียกกันมาตลอดนะคะ แต่แท้จริงแล้วสิวเม็ดข้าวสารชนิดนี้จัดว่าเป็นอาการของซีสต์ชนิดหนึ่ง พอได้ยินแบบนี้หลายคนถึงกับงงเลยใช่ไหมคะ ในวันนี้หมอตวง Amara Clinic จึงอยากจะพาทุกคนไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับสิวข้าวสารให้ดีมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น สาเหตุที่ทำให้เกิด แนวทางการรักษา และวิธีป้องกันไม่ให้เกิดสิวเม็ดข้าวสารขึ้นอีก ใครที่มีปัญหานี้อยู่ห้ามพลาดบทความนี้เด็ดขาดเลยค่ะ

สิวข้าวสาร Milia หรือ Milium Cyst เป็นซีสต์ขนาดเล็กมีลักษณะเป็นตุ่มสีขาวและสีเหลือง สิวเม็ดข้าวสารมักเกิดขึ้นเป็นกลุ่มก้อน โดยเฉพาะบริเวณหน้าผาก ใต้ตา จมูก หน้าแก้ม แม้ว่าเราจะเรียกปัญหาผิวชนิดนี้ว่าสิวข้าวสาร เมื่อใช้มือกดลงไปจะไม่รู้สึกเจ็บ มีขนาดเล็กเพียง 1-2 มม. และไม่พบการอักเสบของผิวเพิ่มเมื่อเกิดสิวข้าวสารขึ้นมา เพราะว่าการเกิดสิวชนิดนี้ไม่ได้เกิดการเชื้อแบคทีเรียเช่นเดียวกับ สิวอักเสบ หรือ สิวอุดตัน อื่น ๆ ที่เราเห็นกันค่ะ ดังนั้นใครที่เป็นสิวข้าวสารจึงควรเข้ามาปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพิ่มเติม เพื่อประเมินต้นตอของปัญหาและรับการรักษาที่เหมาะสมต่อไปค่ะ 

ประเภทของสิวข้าวสาร ที่ควรรู้!

สิวข้าวสาร Milia สามารถพบได้หลายรูปแบบและถูกแบ่งออกเป็น 6 ชนิดหลัก ๆ ด้วยกัน ดังนี้

  1. สิวข้าวสารในวัยแรกเกิด – Milia in newborns

    สิวข้าวสารในวัยแรกเกิด (Milia in newborns) เป็นสิวที่มีลักษณะเป็นตุ่มเล็ก ๆ พบได้ตั้งแต่ยังเป็นเด็กทารก สาเหตุของการเกิดสิวข้าวสารในวัยแรกเกิดยังไม่ทราบแน่ชัด แต่เชื่อว่าอาจเกิดจากปัจจัยหลายประการ เช่น ฮอร์โมนจากแม่ที่ผ่านทารกในช่วงตั้งครรภ์ การผลิตน้ำมันจากต่อมไขมันที่มากเกินไป การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนหลังคลอด ความเครียด และการสัมผัสกับสิ่งแปลกปลอม เช่น ฝุ่นละออง มลพิษ 

  2. สิวข้าวสารปฐมภูมิในเด็กและผู้ใหญ่ – Primary milia

    สิวข้าวสารปฐมภูมิ (Primary milia) เป็นสิวชนิดหนึ่งที่พบได้บ่อยทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ สิวข้าวสารปฐมภูมิมักไม่มีอาการเจ็บปวดหรือคัน แม้ว่าในทางการแพทย์จะยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของปัญหานี้ได้ แต่คาดว่าเกิดจากฮอร์โมน ความเครียด การใช้เครื่องสำอางที่อุดตันรูขุมขนและกรรมพันธุ์ เป็นต้น

  3. สิวข้าวสารในวัยหนุ่มสาว – Juvenile milia

    สำหรับสิวข้าวสารในวัยหนุ่มสาว (Juvenile milia) มักเกิดขึ้นมาเพราะร่ายการภายในมีความผิดปกติ เช่น มะเร็งผิวหนังบางชนิด (อย่าเพิ่งตกใจไปนะคะ) เพราะว่านี้ถือเป็นอะไรที่พบเจอได้น้อยมาก ๆ ค่ะ ต้องมีความผิดปกติในเรื่องของพันธุกรรมถึงจะเป็นสิวข้าวสารในลักษณะนี้ได้ค่ะ 

  4. สิวข้าวสารแบนราบ – Milia en plaque

    สิวข้าวสารแบนราบ (Milia en plaque) มักพบบริเวณเปลือกตา แก้ม หลังหู และแนวกราม หรือ เป็นสิวกรอบหน้า ซึ่งเป็นสิวข้าวสารชนิดที่มีขนาดใหญ่ จากการศึกษามักพบปัญหานี้ในเพศหญิงวัยกลางคนเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งสิวข้าวสารแบนราบเกิดจากรูขุมขนอุดตันของเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ทำให้ผิวหนังเกิดความผิดปกติขึ้นมาในลักษณะนี้

  5. สิวข้าวสารบาดแผล – Traumatic milia

    สิวข้าวสารบาดแผล (Traumatic milia) เป็นชนิดของสิวข้าวสารที่เกิดจากการบาดเจ็บของผิวหนัง เช่น แผลไฟไหม้ แผลน้ำร้อนลวก หรือแผลถลอก สิวข้าวสารบาดแผลมักพบบริเวณที่ผิวหนังได้รับการบาดเจ็บ ลักษณะของสิวข้าวสารบาดแผลจะคล้ายกับสิวข้าวสารทั่วไป แต่อาจมีอาการเจ็บปวดหรือคันมากกว่า สิวข้าวสารบาดแผลมักหายได้เองภายในไม่กี่สัปดาห์ แต่หากมีอาการเจ็บปวดหรือคันมาก แนะนำให้พบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม

  6. สิวข้าวสารแบบแตกได้ – Ruptured milia 

    สิวข้าวสารแบบแตกได้ (Ruptured milia) เป็นสิวข้าวสารที่เกิดการแตกออกของตุ่มเล็ก ๆ มักเกิดจากการที่เราไปบีบหรือแกะสิวข้าวสาร ตัวสิวข้าวสารแบบแตกได้จะทำให้ผิวบริเวณนั้นแดง บวม และระคายเคืองได้ หากมีสิวข้าวสารแบบแตกได้ แนะนำให้หยุดบีบหรือแกะสิวข้าวสาร และควรทายาปฏิชีวนะหรือยาสเตียรอยด์เพื่อลดอาการอักเสบและระคายเคือง หากอาการไม่ดีขึ้น แนะนำให้พบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม

สิวข้าวสาร VS สิวหิน แตกต่างกันยังไง?

สิวข้าวสาร (Milia) และ สิวหิน (Syringoma) มีลักษณะที่คล้ายคลึงกันมาก ๆ คือ เป็นตุ่มเล็ก ๆ มีสีขาวหรือสีเหลือง และเรามักพบสิวทั้งสองแบบนี้บริเวณใบหน้า แต่แม้ว่าจะมีจุดที่เหมือนกัน แต่ทั้งสองชนิดก็มีความแตกต่างกันหลายจุด ดังนี้

    • สิวข้าวสาร เกิดจากเซลล์ผิวที่ตายแล้วอุดตันรูขุมขน ส่วนสิวหินเกิดจากต่อมเหงื่อที่ผิดปกติ
    • สิวข้าวสารมักพบบริเวณเปลือกตา หน้าผาก จมูก และแก้ม ส่วนสิวหินมักพบบริเวณใต้ตา แก้ม และลำคอ
    • สิวข้าวสารมักไม่มีอาการเจ็บปวด ส่วนสิวหินอาจมีอาการคันหรือระคายเคืองเล็กน้อย
    • สิวข้าวสารมักหายได้เองภายในไม่กี่สัปดาห์หรือไม่กี่เดือน ส่วนสิวหินอาจไม่หายเองและอาจลุกลามได้

หมายเหตุ: หากไม่แน่ใจว่าเป็น สิวข้าวสาร หรือ สิวหิน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสม

สาเหตุของการเกิดสิวข้าวสาร (Milia)

หากสรุปสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวข้าวสารอย่างแน่ชัด 100% หมอคงไม่สามารถยืนยันสาเหตุของแต่ละคนได้ชัดเจน แม่นยำ หากไม่ได้ตรวจดูลักษณะของสิวข้าวสารที่ทุกคนเป็น แต่จากการศึกษาของแพทย์ผิวหนังทั่วโลก เราสามารถจำแนกสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดสิวข้าวสารได้ดังนี้

  • ระดับฮอร์โมน
  • ความเครียด
  • การใช้เครื่องสำอางที่อุดตันรูขุมขน
  • การสัมผัสกับสารเคมีที่ระคายเคืองผิวหนัง
  • ความผิดปกติกรรมพันธุ์
  • โรคผิวหนังบางชนิด 
  • การเกิดอุบัติเหตุแผลไฟไหม้ แผลถลอก เป็นต้น

10 วิธีรักษาสิวข้าวสาร ทำแล้วเห็นผล หน้าเนียนขึ้น!

สำหรับการรักษาสิวข้าวสารให้เห็นผลดีและถูกต้อง สามารถรักษาได้ทั้งจากวิธีธรรมชาติและการทำหัตถการ โดยเราควรเริ่มจากการทำความสะอาดผิวให้สะอาดอยู่เสมอทั้งตอนตื่นและก่อนนอน นอกจากนี้ยังมีอีกหลายวิธีที่ช่วยให้อาการสิวข้าวสารบรรเทาและหายดี ตามข้อแนะนำดังนี้

what-is-a-milium-cyst
  1. ทำความสะอาดผิวหน้า

    การทำความสะอาดผิวหน้า ถือเป็นการดูแลผิวที่สำคัญ นอกจากจะช่วยขจัดสิ่งสกปรกแล้ว การทำความสะอาดผิวยังช่วยป้องกันการอุดตันของเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ทำให้โอกาสที่จะเกิดปัญหาสิวข้าวสารหรือสิวอุดตันจีงลดน้อยลง 

  2. ไม่บีบ แกะ หรือสัมผัสสิว

    พฤติกรรมการบีบสิว หรือ จับสิวบ่อย ๆ จะส่งผลให้สิวข้าวสารเกิดการอักเสบมากขึ้น อาการที่เป็นจึงเกิดความรุนแรงมากขึ้นได้ค่ะ ดังนั้นใครที่อยากให้สิวหายไว ๆ จึงควรระวังในเรื่องของการบีบ แกะ หรือสัมผัสสิว 

  3. งดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำมัน

    น้ำมันถือเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน ใครที่เป็นสิวข้าวสารและต้องการลดปัญหานี้ การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหรือเครื่องสำอางจึงไม่ควรมีน้ำมันเป็นส่วนผสมหลัก เพราะจะยิ่งไปกระตุ้นให้เกิดปัญหานี้หนักมากขึ้น 

  4. สครับผิวหน้า

    การสครับผิวหน้า จะช่วยในเรื่องของการผลัดเซลล์ผิวที่ตายออกให้หลุดออกไป โอกาสที่จะไปเกิดการอุดตันผิวจึงน้อยลง หมอแนะนำว่าควรทำสครับด้วยเม็ดสครับที่เล็กและมีอ่อนโยนต่อผิว ควรทำ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ และไม่ควรขัดแรงเกินไปให้ค่อย ๆ ขัดเบา ๆ 

  5. บำรุงผิว เสริมเกราะป้องกันผิว 

    อยากสิวหายการบำรุงผิวด้วยสกินแคร์ต้องไม่ขาด เพราะวิธีนี้จะช่วยเสริมเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรงอยู่เสมอ โดยเฉพาะการเลือกบำรุงด้วยมอยเจอร์ไรเซอร์ และ ไนอะซินาไมด์ การบำรุงผิวด้วยสองอย่างนี้จะช่วยทั้งเพิ่มความชุ่มชื้นและสร้าง Skin Barrier ให้มีความยืดหยุ่นและแข็งแรง 

  6. ใช้ยารักษาสิว 

    ยารักษาสิวบางชนิดสามารถช่วยลดการอักเสบของผิวที่เป็นสิวข้าวสาร สำหรับการใช้ยารักษาสิวหมอไม่แนะนำให้ซื้อใช้เองตามรีวิวอินเทอร์เน็ต เพราะสภาพผิวหน้าและลักษณะของอาการที่เป็น จะต้องมีการประเมินปัญหาจากผู้เชี่ยวชาญก่อนจึงจะสามารถเลือกจ่ายยาชนิดที่เหมาะสมให้ได้ ดังนั้นควรรับคำปรึกษากับเภสัชกรหรือแพทย์ผิวหนังก่อนทุกครั้งที่ใช้ยารักษาสิว 

  7. ทานอาหารที่ดีต่อผิว

    ยิ่งกินอาหารดีผิวก็ดีตามไปด้วยเรื่องนี้ไม่เกินจริง! ใครอยากผิวสวยก็ต้องเริ่มจากการกินอาหารที่ดีต่อผิว เช่น ผลไม้ตระกูลส้ม เบอร์รี่ มะเขือเทส ธัญพืช เห็ด และ แซลมอน เป็นต้น นอกจากนี้การดื่มน้ำเปล่าให้ครบ 8 แก้วก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรขาดเช่นกันค่ะ 

  8. รักษาด้วยเลเซอร์

    การรักษาสิวข้าวสารด้วยการทำเลซอร์ สามารถทำได้ ไม่ว่าจะเป็นการทำเลเซอร์ Pico Plus ที่ฮิตกันในปัจจุบัน (สำหรับคนที่เป็นสิวข้าวสารใต้ตาวิธีนี้อาจไม่เหมาะ) ซึ่งการทำเลเซอร์จะเข้าไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนทำให้ผิวเรียบเนียน ดูอิ่มฟูมากขึ้น แต่ทั้งนี้ก่อนตัดสินใจทำควรปรึกษาปัญหาและดูอาการกับแพทย์ผิวหนังเพิ่มเติม

ปรึกษาแพทย์ฟรี!

 

  • ทำหัตถการ

    การทำหัตถการไม่ว่าจะเป็น การฉีดเมโสหน้าใส หรือ เติมฟิลเลอร์ให้ผิวดูอิ่มฟู ก็สามารถช่วยในเรื่องของการลดอาการสิวข้างสารที่เป็นได้ค่ะ อย่างการฉีดเมโสก็จะเข้าไปช่วยแก้ไขปัญหาผิวที่เสื่อมโทรมได้อย่างตรงจุด ช่วยสร้างผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจได้อย่างรวดเร็ว ในส่วนของการฉีดฟิลเลอร์ก็จะเน้นไปที่เพิ่มความอิ่มเอิบให้ผิว ใครที่รักษาสิวข้าวสารจนหายดีแล้ว ก็สามารถเพิ่มความฉ่ำวาวให้ผิวดูสุขภาพดีขึ้นได้ด้วยการฉีดฟิลเลอร์เข้าไปเสริมอีกแรงค่ะ 

  • พบแพทย์ผิวหนัง

    การเข้าพบแพทย์ผิวหนังเพื่อคอยตรวจเช็กสุขภาพผิวหนังอยู่เป็นประจำ จะช่วยให้เราทราบถึงปัญหาและจุดบกพร่องของผิวหนังได้อย่างดียิ่งขึ้น พร้อมทั้งการตรวจผิวหน้ายังช่วยให้ทุกคนได้รับคำแนะนำในการดูแลสุขภาพผิวที่เหมาะกับตนเองมากที่สุด

จริงหรือมั่ว! รักษาสิวข้าวสาร ปูนแดง pantip ทำแล้วสิวหายจริงไหม?

ใครที่มีปัญหาสิวข้าวสาร คงเคยได้เห็นประเด็นการพูดถึง การรักษาสิวข้าวสารด้วยปูนแดงบน Pantip กันมาบ้างใช่ไหมคะ ว่าแต่การรักษาสิวด้วยปูนแดงทำได้จริงไหม? หมอต้องขอตอบตามหลักฐานการวิจัยว่าในปัจจุบันยังไม่มีงามวิจัยที่รับรองในการรักษาปัญหาสิวด้วยปูนแดง ดังนั้นการรักษาสิวข้าวสารด้วยปูนแดงตามหลักการแพทย์จึงเป็นวิธีที่ไม่หมอไม่สนับสนุนให้ทำตาม เพราะในปูนแดงมีความเป็นด่างสูง (ค่า pH. สูง 11-12) ซึ่งค่า pH. ที่สูงขนาดนี้ย่อมส่งผลให้เกิดอาการระคายเคืองขึ้นได้ เมื่อเราเอาปูนแดงไปป้ายตามผิวหน้า จึงส่งผลให้ผิวระคายเคือง ผิวแห้งเป็นขุย และตามมาด้วยปัญหาแสบ คัน และเป็นผื่นได้

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

ทำความรู้จัก “สิวอุดตัน” ต้นตอรอยสิว ศัตรูของผิวสวย!

อ่านเพิ่มเติม

สิวที่หน้าผาก ปัญหากวนใจ รักษายังไงก็ไม่หายสักที

อ่านเพิ่มเติม

หน้าไม่เนียน หมอง เพราะรอยสิวไม่หายสักที รักษายังไงได้บ้าง?

อ่านเพิ่มเติม

สรุป

    ปัญหาสิวข้าวสาร หรือ สิวเม็ดข้าวสาร เป็นปัญหาผิวจุกจิกที่เกิดขึ้นได้ทุกคน แต่ไม่ใช่ว่าปัญหานี้จะแก้ไม่ได้ ดังนั้นการเริ่มลุกขึ้นมาดูแลตัวเองทั้งจากวิธีธรรมชาติหรือการทำหัตถการก็ย่อมช่วยบรรเทาปัญหานี้ได้ แต่ทั้งนี้หากใครไม่แน่ใจว่าต้นตอของสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวข้าวสารมาจากอะไร? หรือ ทำมาทุกทางแล้วไม่หากสักที สามารถเข้ามาปรึกษากับหมอที่ Amara Clinic ได้เลยค่ะ


แพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนัง

พญ.ภคกมล ตุ้มสุทธิ (หมอตวง)

ลงทะเบียนปรึกษาฟรี!


    ใส่ความเห็น