สิวที่หน้าผาก ปัญหากวนใจ รักษายังไงก็ไม่หายสักที

ผิวหน้าไม่ได้มีปัญหามาก ติดอยู่แค่สิวที่หน้าผาก ไม่หายสักที ทำให้หนุ่ม ๆ สาว ๆ หลายคนหมดความมั่นใจไปได้ง่าย ๆ เพราะแม้ว่าแก้มเราจะเด้งแค่ไหน หรือจมูกเราจะสวยเชิ่ด แต่หน้าผากก็ยังคงเป็นบริเวณที่เห็นได้ชัดมาก ๆ อยู่ดีค่ะ รังจะตัดหน้าม้าปกปิดก็ไม่ได้แปลว่าจะหายขาดได้ แถมอาจจะเป็นหนักกว่าเดิมจนทิ้งรอยดำรอยแดงเอาไว้เชยชม วันนี้ หมอตวง Amara Clinic ชวนมาหาสาเหตุของสิวที่หน้าผากและวิธีการรักษาสิวที่หน้าผาก เผยผิวที่เนียนใสทั่วใบหน้าของหนุ่ม ๆ สาว ๆ กันค่ะ!

สิวที่หน้าผาก

สิวที่หน้าผากเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุและเป็นเรื่องทั่วไปค่ะ เพราะสิวที่หน้าผากก็คือสิวบนใบหน้า ซึ่งมีสาเหตุหลักคือการอุดตันของน้ำมัน (Sebum) ที่ออกมาจากใต้ชั้นผิวผสมกับเซลล์ผิวที่ตายแล้วด้านนอก แบคทีเรีย เชื้อโรค และสิ่งสกปรกอื่น ๆ จนทำให้เกิดการอุดตันรูขุมขนและอักเสบจนกลายเป็นสิวอักเสบได้นั่นเองค่ะ แต่นอกจากความมันบนผิวหน้าแล้ว สิวที่หน้าผาก ก็สามารถเกิดขึ้นได้จากปัจจัยต่อไปนี้ค่ะ

  • ล้างหน้าไม่สะอาด

ในแต่ละวัน ร่างกายของเราจะมีกระบวนการผลัดเซลล์ผิวอยู่ตลอด ดังนั้น การทำความสะอาดใบหน้าจึงมีส่วนช่วยในการกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป ดังนั้น ใครที่ไม่ยอมล้างหน้า ล้างหน้าไม่ถูกวิธี ล้างหน้าไม่สะอาด ก็มีโอกาสที่จะเกิดสิวจากการที่เซลล์ผิวที่ตายแล้วไม่ถูกล้างออกไปจนหมักหมมอยู่บนผิว

  • สิ่งสกปรก

สามารถมาได้จากทั้งมือเรา ทิชชู่ หรือเสื้อผ้า ซึ่งจะมีฝุ่นหรือเชื้อโรคเกาะอยู่ เมื่อเข้ามาสัมผัสกับใบหน้าของเราไม่ว่าส่วนไหน สืบเนื่องมาจากการล้างหน้าไม่สะอาด หากไม่กำจัดสิ่งสกปรกเหล่านี้ออกไป ก็จะเกิดการผสมรวมกับความมันและเซลล์ผิวที่ตายแล้ว สิวที่หน้าผากขึ้นได้ไม่ยากเลยค่ะ

  • ความเครียด

เคยได้ยินคำว่า เครียดจนสิวขึ้น มั้ยคะ? คำพูดนี้เป็นเรื่องจริงแท้แน่นอนค่ะ เพราะความเครียดจะทำให้ร่างกายของเราการหลั่งฮอร์โมนออกมาหลายตัวมาก ๆ และฮอร์โมนบางตัวในนั้นสามารถกระตุ้นการทำงานของต่อมไขมันได้ค่ะ ทำให้หน้าเรามันเพิ่มขึ้น และมีโอกาสที่จะเกิดสิวเพิ่มขึ้นด้วยแน่นอน

  • ใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผม

หลายคนใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมเยอะมาก ๆ ตั้งแต่ครีมนวด ครีมหมักผม มาส์กหนังศรีษะ ยาสระผม ครีมหรือออยล์บำรุงเส้นผม และอีกหลาย ๆ ตัวที่ผลิตออกมาให้ใช้กัน แต่รู้มั้ยคะว่ามันมีผลกับการเกิดสิวเต็ม ๆ เพราะสารเคมีในผลิตภัณฑ์เหล่านั้นอาจไม่ถูกกับผิวเราก็ได้ค่ะ หากแพ้ก็จะกระตุ้นให้เกิดสิวผดได้ง่าย ควรทดสอบอาการแพ้ ก่อนนำมาชะโลมบนศรีษะเต็ม ๆ นะคะ

  • การทานอาหารที่ก่อให้เกิดสิว

การเลือกทานอาหารชนิดต่าง ๆ เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ผิวเราสวยจากภายในสู่ภายนอกเลยนะคะ อาหารที่ทำให้เกิดความมันมากขึ้นหรือกระตุ้นการเกิดสิวอย่างนม เนย น้ำตาล หรืออาหารไขมันสูงทั้งหลาย มีส่วนทำให้ผิวของเราแย่ลงและเกิดสิวได้ง่ายขึ้น ควรหลีกเลี่ยงเมนูเหล่านี้ก่อน หากยังไม่ทราบว่ามีสิวที่หน้าผากเพราะอะไร หรือถ้าอยากลดความมันบนใบหน้า งดฟาสต์ฟู้ดหรือไขมันเยอะ ๆ ไปได้เลยค่ะ

  • มลภาวะและอากาศ

ทุกวันนี้ โลกของเรามีมลพิศทางอากาศเต็มไปหมดเลยค่ะ ทั้งฝุ่นละออง ฝุ่น PM2.5 เขม่าควัน ก๊าซจากการเผาไหม้แบบต่าง ๆ ล้วนแต่เป็นสาเหตุที่กระตุ้นการเกิดสิวที่หน้าผากโดยตรงเลยค่ะ เพราะเราไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าจะมีมลภาวะเหล่านี้ลอยมาเกาะบนหน้าเราขนาดไหน แถมแสงแดดหรือแสงยูวีจากแดดก็ทำให้ผิวเราระคายเคืองและกระตุ้นในเกิดสิวที่หน้าผากได้ด้วยค่ะ 

  • เหงื่อออกมาก

ตอนนี้เราอยู่ประเทศที่มีอากาศร้อนถึงร้อนมาก! เหงื่อออกที สิวที่หน้าผากถามหากันเลยทีเดียวค่ะ เพราะเหงื่อแม้จะเป็นสิ่งที่ออกมาจากผิว แต่ก็สามารถเข้าไปผสมกับแบคทีเรียหรือสิ่งสกปรกอื่น ๆ ได้ บางครั้งก็ไหลมาจากหนังศรีษะของเรา ผสมกันไปมาระเบิดเป็นสิวอุดตันเต็มหน้าผาก แถมเหงื่อออกเยอะก็ทำให้มีกลิ่นตัวอีกด้วย

เกร็ดความรู้ : “แสงแดด” เป็นตัวทำลายคอลลาเจนในชั้นผิว!

เพราะแสงแดดมีอนุมูลอิสระที่จะเข้าไปทำลายเส้นใยคอลลาเจนให้เสื่อมสภาพเร็วขึ้นกว่าเดิม ทำให้ผิวเราแก่ไว มีริ้วรอย และเวลาเป็นสิวก็จะอักเสบง่าย รอยสิวหายยากด้วยนะ!

  • การใช้เครื่องสำอาง

เครื่องสำอางก็ถือเป็นสิ่งแปลกปลอมอย่างหนึ่งสำหรับผิวหน้านะคะ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันก็มีการพัฒนาเครื่องสำอางที่ไม่ส่งผลข้างเคียงต่อผิวออกมาหลากหลายแบบ แต่ผิวหน้าของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ดังนั้น ก็อาจจะมีทั้งคนแพ้ไม่แพ้ อุดตันไม่อุดตัน ทั้งที่ก็ใช้เครื่องสำอางชิ้นเดียวกัน หากใครใช้เครื่องสำอางเป็นประจำ ลองงดใช้ดูก่อนนะคะ ยิ่งถ้าเป็นสิวอักเสบหรือสิวอุดตันยิ่งห้ามใช้ เพราะจะเป็นการรบกวนผิวค่ะ

  • การสวมหมวกหรือแมส

. สมัยนี้ใคร ๆ ก็ต้องสวมแมสกันหมดเพื่อป้องกันเชื้อไวรัสและสิ่งสกปรกอื่น ๆ แต่หารู้ไม่ว่าหากเหงื่อออกหรือใส่นาน ๆ โดยไม่ยอมเปลี่ยนแมสระหว่างวัน ก็จะทำให้เกิดการสะสมของเชื้อโรคจนกลายเป็นสิว หรือบางคนก็แพ้สารบางอย่างที่อยูู่ในแมส ทำให้เป็นสิวแพ้แมส  เช่นเดียวกันกับหมวกค่ะ ถ้าเราใส่หมวดตลอดทั้งวันก็จะยิ่งหมักหมม แถมเหงื่อหรือสารเคมีจากเส้นผมที่ติดมาด้วย หรือในหมวกอาจจะมีเส้นใยหรือสารบางอย่างที่ทำให้เราแพ้ ระคายเคือง เมื่อหมวกไปสัมผัสโดนหน้าผาก ก็อาจจะไปกระตุ้นให้เป็นสิวที่หน้าผากนั่นเอง

  • ระบบย่อยอาหารมีปัญหา

การที่ระบบย่อยมีปัญหาระบบเผาผลาญพัง เป็นปัจจัยของตำแหน่งสิวที่สามารถบอกโรคภายในร่างกายของเราได้ค่ะ เมื่อระบบย่อยอาหารของเราอ่อนแอหรือได้รับแต่อาหารที่กระตุ้นการเกิดสิว โดยเฉพาะลำไส้เล็กจะดูดซึมเอาสารอาหารที่กระตุ้นสิวนั้นไป ทำให้เกิดสิวที่หน้าผากได้ง่ายมาก ๆ ค่ะ

  • ฮอร์โมน

เรื่องนี้อาจจะแก้ไขได้ยากสักหน่อย เพราะสิวที่หน้าผากอันเกิดจากฮอร์โมนจะมีขึ้นในช่วงที่ร่างกายเรามีการเปลี่ยนแปลง เรียกว่า สิวฮอร์โมน ซึ่งเราไม่สามารถแก้ไขฮอร์โมนของเราได้ ดังนั้น ในช่วงวัยรุ่น ตอนตั้งครรภ์ หรือช่วงใดก็ตามที่ฮอร์โมนของเราจะไม่คงที่ สิวที่หน้าผากก็เกิดขึ้นได้ และจะค่อย ๆ หายไปเอง ระหว่างนี้ก็ค่อย ๆ รักษาตามอาการจะดีที่สุดค่ะ

  • การใช้ยา

ในยารักษาโรคบางชนิดอาจจมีส่วนผสมที่กระตุ้นการเกิดสิวหรือทำให้ผิวเราอ่อนแอลง เช่น มีสารสเตียรอยด์ ยาจำพวกคอร์ติโซน ลิเธียม เทสโทสเตอโรน คอร์ติโคสเตียรอยด์ บาร์บิทูเรต ไอโซไนอะซิด หรือยากันชัก ก็มีส่วนที่ทำให้สิวที่หน้าผากเพิ่มมากขึ้น หากเป็นยาที่ต้องใช้เพื่อรักษาโรคร้ายแรงจริง ๆ ก็ใช้ไปก่อน สิวรักษาได้ แต่ร่างกายเราถ้าเสียไปแล้วเอากลับมาไม่ได้นะคะ

  • นอนดึกหรือนอนไม่พอ

โดยปกติแล้ว การพักผ่อนจะมีเวลาที่เหมาะสมตามวงจรนาฬิกาชีวิตอยู่ค่ะ ถ้าเรานอนตรงเวลาและนอนอย่างเพียงพอตามที่ร่างกายเราต้องการ ร่างกายก็จะหลั่งฮอร์โมนที่ช่วยเพิ่มความสมดุลให้กับผิวของเรา และหากนอนหลับสนิทตามช่วงเวลาที่ถูกต้อง ก็จะทำให้การกรองของเสียของร่างกายทำงานได้ดีขึ้นด้วย

เกร็ดความรู้ : นอนตามนาฬิกาชีวิต ช่วยลดสิวได้!

เนื่องจากในเวลากลางคืน ตับจะทำงานได้ดีในการผลิตอินซูลินและกำจัดของเสีย หากนอนดึกมาก ๆ ก็จะทำให้ตับทำงานลำบาก ของเสียในร่างกายก็จะกรองออกได้น้อย ทำให้เป็นสิวง่ายนั่นเอง

ก่อนรักษาต้องรู้! สิวที่หน้าผาก มีกี่ประเภท?

สิวที่หน้าผากที่ขึ้นมาบ่อย ๆ ส่วนใหญ่จะเป็นสิวผด แต่จริง ๆ แล้วสิวที่หน้าผากสามารถเป็นได้หลายประเภทเลยค่ะ เพราะผิวที่หน้าผากก็คือผิวหน้าของเรา เมื่อหาสาเหตุของสิวเจอแล้ว ก่อนจะทำการรักษา เราก็ต้องทราบด้วยว่าสิวที่หน้าผากที่เราเป็นอยู่คือสิวแบบไหน เพราะมันมีวิธีการรักษาแตกต่างกันค่ะ

  1. สิวอักเสบ

    จะเกิดจากการอุดตันของเซลล์ผิวที่ตายแล้วผสมกับความมันและเชื้อแบคทีเรียบนผิวที่เรียกว่า Propionibacterium acnes (P.acnes) จนเกิดเป็นสิวอักเสบขึ้นมา จากนั้นเม็ดเลือดขาวก็จะเข้ามากำจัดเชื้อโรคจนทำให้สิวอักเสบบวมขึ้นไปอีก เป็นกระบวนการรักษาร่างกายค่ะ สามารถปรากฏได้ทั้งในรูปของสิวนูนแดง (Papule) สิวหัวหนอง (Pustule) สิวอักเสบขนาดใหญ่ (Nodule) หรือสิวหัวช้าง (Cyst) ก็ได้ ซึ่งสิวอักเสบทุกแบบมีโอกาสหายแล้วทิ้งรอยสิวไว้ รักษายากหรือไม่ ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการอักเสบเลยค่ะ

  2. สิวผด

    เกิดจากการโดนแสงแดด รังสียูวี และสิ่งสกปรกแปลกปลอมต่าง ๆ กระตุ้นให้เกิดสิวผด (Acne Mallorca) โดยจะมีลักษณะเป็นผื่นเม็ดเล็ก ๆ ไม่มีหัวสิว กระจายอยู่ทั่วหน้าผาก บางครั้งก็อาจจะมีสีแดงอ่อน ๆ จนเห็นได้ชัด คล้ายสิวอุดตันหัวปิด

  3. สิวอุดตัน

    การเกิดจะคล้ายสิวอักเสบ คือ เกิดจากการผสมกันของเซลล์ผิวที่ตายแล้ว เชื้อแบคทีเรีย และเคราตินของผิว ซึ่งจะไม่มีการอักเสบ แต่เกิดการตกค้างอยู่ในรูขุมขน จนทำให้รูขุมขนดูกว้าง มีก้อนสิวอยู่ข้างใน โดยจะเกิดขึ้นได้จากการหมักหมม ล้างหน้าไม่สะอาด ฮอร์โมนไม่คงที่ หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะกับหน้าเรา สามารถเป็นได้ในรูปแบบของสิวหัวดำ (Blackheads) หรือสิวหัวขาว (Whiteheads) ค่ะ

สิวแพ้แมส

วิธีรักษารอยสิว ไม่ยอมหายสักที ก็ต้องเร่งกันหน่อย!

ใครที่เป็นสิวที่หน้าผาก ก็คงจะสงสัยว่าใช้อะไรถึงหาย สิวที่หน้าผาก รักษายังไงดี? จริง ๆ แล้วก็มีแนวทางการรักษาที่เหมือนกับการรักษาสิวบนใบหน้าทั่วไปเลยค่ะ เพราะสาเหตุก็คล้ายกัน เว้นแต่ว่าเป็นสิวที่หน้าผากที่มีสาเหตุมาจากระบบทำงานภายในร่างกายผิดปกติ จึงจะต้องรักษาโรคที่เป็นต้นเหตุแทนค่ะ

  • ทาครีม

    เบื้องต้น หากไม่ได้เป็นสิวที่หน้าผากรุนแรงมาก ก็อาจจะลองหาผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าที่มีส่วนช่วยในการลดสิว ลดการอักเสบ และเพิ่มความชุ่มชื้นในผิวมาบำรุงก่อน หากผิวดีขึ้นแสดงว่าสิวที่หน้าผากของเราไม่ได้มีความรุนแรงมาก แต่การทาครีมบำรุงหน้าทั่วไปอาจจะต้องใช้เวลานานสักหน่อย เพราะส่วนผสมจะเน้นการบำรุง ฟื้นฟูผิว มากกว่ารักษาโดยเฉพาะค่ะ

  • ใช้ยารักษาสิว

    วิธีนี้เป็นการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารจำเพาะรักษาสิวมากกว่าครีมบำรุงทั่วไปค่ะ โดยการรักษาสิวที่หน้าผากโดยการใช้ยา จะต้องใช้แบบถูกวิธีและควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังก่อนใช้ เพราะยาบางชนิดมีส่วนผสมที่มีฤทธิ์รุนแรง ช่วยผลัดเซลล์ผิว ละลายสิว หรือฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งอาจจะต้องใช้ควบคู่กับยาตัวอื่นร่วมด้วย ต้องใช้ในปริมาณที่เหมาะสม หรืออาจจะมีผลข้างเคียงอื่น ๆ หากซื้อมาใช้เองโดยไม่ทราบข้อควรใช้ก็อาจจะทำให้สิวที่หน้าผากลุกลามไปยังส่วนอื่นได้ค่ะ

  • รักษาด้วยหัตถการ

    ไม่ว่าจะรักษาด้วยวิธีไหน การเป็นสิวก็มีโอกาสที่จะทิ้งรอยสิวเอาไว้อยู่ดีค่ะ และยิ่งเป็นสิวที่หน้าผาก หากทิ้งรอยเอาไว้ก็จะเห็นได้ชัดมาก ๆ ดังนั้นการรักษารอยก็เป็นขั้นตอนสำคัญที่จะกู้ผิวหน้าเรากลับมาได้ แต่บางครั้ง รอยสิวไม่หายสักที เพราะรอยสิวหายยากอยู่แล้ว แต่การทำหัตถการก็มีตัวที่สามารถลดสิวที่หน้าผากได้อย่างตรงจุดและใช้เวลาน้อยกว่าด้วยค่ะ โดยจะเป็นการฟื้นฟูผิวจากภายในให้แข็งแรงและทำให้รอยสิวหายเร็วขึ้น บางตัวก็สามารถแก้ปัญหาผิวอื่น ๆ เช่น เมโสหน้าใสที่ช่วยลดรอยสิว ทำให้หน้าสว่างกระจ่างใสไปด้วยในตัว หรือจะเป็นตัว Morpheus8 ที่จะช่วยกระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจนและฟื้นตัวใหม่ จะเป็นสิวที่หน้าผากขนาดไหน ก็หมดห่วงเรื่องสิวเกิดใหม่และรอยสิวแน่นอนค่ะ

สิวที่หน้าผาก

การป้องกัน สิวที่หน้าผาก อย่าให้ได้เกิด!

การจะลดสิวที่หน้าผากที่ได้ผลที่สุด คือการอย่าให้สิวได้เกิดขึ้นมาตั้งแต่แรกค่ะ! หมอจะย้ำเสมอว่าหากไม่อยากมาแก้ปัญหาเรื่องสิวทีหลัง ไม่ว่าจะส่วนไหน ก็ต้องบำรุงดูแลผิวของเราให้ดีตั้งแต่แรก หากผิวของเราแข็งแรงก็จะเป็นสิวได้ยากค่ะ

  • รักษาความสะอาด

ขั้นตอนแรกหลังจากที่ผ่านการผจญภัยมาทั้งวันก็ต้องเป็นการทำความสะอาดใบหน้าให้หมดจดค่ะ เพราะเราไม่ควรปล่อยให้ความมัน สิ่งสกปรก และมลภาวะอยู่บนผิวหน้าของเรานาน ๆ เพราะอาจจะอุดตันจนกลายเป็นสิวที่หน้าผากได้ นอกจากนี้ ก็ต้องรักษาความสะอาดของเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย เส้นผม และส่วนอื่น ๆ ที่สามารถมาสัมผัสใบหน้าของเราได้ด้วยนะคะ

  • เลี่ยงการสัมผัสหน้าผาก

เพราะมือของเราหรือสิ่งที่มาสัมผัสหน้าผากของเรา เราก็ไม่สามารถทราบได้ว่าบนสิ่ง ๆ นั้นมีเชื้อโรค แบคทีเรีย หรือสิ่งสกปรกใด ๆ เกาะอยู่หรือเปล่า ดังนั้น ควรจะเลี่ยงการสัมผัสใบหน้าให้มากที่สุด เพื่อไม่ให้เชื้อโรคบนหน้าผากเพิ่มมากขึ้น และแม้มือเราจะสะอาดแค่ไหน ก็ไม่ควรไปจับผิวหรือบริเวณที่เป็นสิวบ่อย ๆ อยู่แล้ว เพราะอาจจะไปกระตุ้นให้เป็นสิวขึ้นมาหรือที่อักเสบอยู่แล้วก็อาจจะหนักกว่าเดิมค่ะ

  • ใช้กันแดดสม่ำเสมอ

อย่างที่หมอได้บอกไปว่า แสงแดด แสงยูวี สามารถทำร้ายผิวและกระตุ้นการอักเสบของสิวได้ค่ะ ดังนั้น เราจึงควรปกป้องผิวของเราด้วยการทากันแดดอย่างสม่ำเสมอ ในปริมาณที่เหมาะสม มีค่า SPF ที่ปกป้องผิวได้จริง ๆ หรืออย่างน้อยก็ให้เลี่ยงที่ที่มีแดดแรง เพื่อที่จะช่วยลดโอกาสเหงื่อออกไปในตัว เพราะเหงื่อก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวที่หน้าผากได้เช่นกัน

บทความที่เกี่ยวข้อง

  • ค่า SPF คืออะไร? ค่ายิ่งสูง ยิ่งกันแดดดี จริงไหม?
  • ทากันแดด 2 ข้อนิ้ว VS 2 นิ้วมือ ต่างกันอย่างไร?
  • เลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่กระตุ้นสิว

หนุ่ม ๆ สาว ๆ สายสกินแคร์ก็มักจะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับผิวหน้าของเราอยู่แล้ว หมอแนะนำให้ทำต่อไปค่ะ เพราะนอกจากผิวจะแข็งแรงแล้วก็ยังลดความเสี่ยงที่จะเกิดสิวเพราะเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ด้วย ครีมหรือสกินแคร์บางอย่างก็จะมีสารเคมีหรือสารสกัดต่าง ๆ ที่ใส่เข้ามาเพื่อให้มีฤทธิ์รักษาสิวหรือรอยสิวอยู่ แต่สารบางอย่างก็อาจจะไม่ได้ถูกกับผิวเราเสมอไปทำให้กระตุ้นการเกิดสิว ยังไม่รวมกรณีที่เลือกครีมที่ไม่ตอบโจทย์ปัญหาผิวของเรานะคะ ถ้าไม่พิจารณาให้ดี เสียเงินเปล่าแน่นอนค่ะ

  • ปรับพฤติกรรมการทานอาหาร

เป็นวิธีที่จะช่วยผิวเราสวยจากภายในสู่ภายนอกเลยค่ะ เพราะอาหารที่เราทานเข้าไปล้วนมีผลต่อกระบวนการทำงานต่าง ๆ ของร่างกาย ยกตัวอย่างเช่น การทานอาหารที่มีน้ำตาลสูงจะทำให้มีน้ำตาลในเลือดเพิ่ม หรือทานอาหารไขมันสูง จนร่างกายสั่งผลิตอินซูลินและฮอร์โมนกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตไขมันมากขึ้น โอกาสเกิดสิวก็ง่ายกว่า และยังมีเรื่องของการแพ้อาหารแบบที่เราไม่รู้ตัว ก็อาจจะมีผดผื่นขึ้นกลายเป็นสิวที่หน้าผากได้

Meso White VS Morpheus8 สองตัวเลือกที่ไม่ใช่แค่ช่วยลดสิว!

เมโสหน้าใส หรือชื่อจริง Meso White เป็นหัตถการที่จะช่วยในเรื่องผิวกระจ่างใส โดยจะฟื้นฟูผิวหน้าของเราจากภายในด้วยวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระ ให้ผิวสามารถกักเก็บความชุ่มชื้น ลดความมันและเสริมสร้างคอลลาเจนให้ผิวแข็งแรงมากขึ้น การฉีดเมโสหน้าใสจึงสามารถแก้ปัญหาผิวได้ครอบคลุม ช่วยเสริมผิวให้แข็งแรง เป็นสิวยาก และช่วยลดรอยสิว เพิ่มความกระจ่างใสเรียบเนียนให้ผิวหน้าของเราได้โดยไม่ต้องเจ็บตัวหรือเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์ค่ะ

ส่วน Morpheus8 เป็นเทคโนโลยีคลื่นความถี่วิทยุ RF ที่ส่งผ่านเข็มขนาดเล็ก เข้าไปกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ของผิว ทำให้ผิวมีเส้นใยคอลลาเจนและเส้นใยอีลาสตินมากขึ้น เส้นใยจะเกิดการเรียงตัวใหม่ ทำให้ผิวมีความเรียบเนียน อ่อนเยาว์ ช่วยลดเลือนรอยคล้ำ จุดด่างดำ รอยแผลเป็น ผิวขรุขระ ให้กลับมาดีขึ้น และยังช่วยให้ผิวแข็งแรงมากขึ้น ลดโอกาสในการเกิดสิวไปในตัวด้วยค่ะ 

บทความที่เกี่ยวข้อง

หน้าไม่เรียบเนียน ผิวไม่สวย จัดการด้วยวิธีไหนดี!?

อ่านเพิ่มเติม

ลดเลือน “ปัญหาก้นแตกลาย” อย่างเห็นผล พร้อมโชว์ก้นเรียบเนียนอย่างมั่นใจ!

อ่านเพิ่มเติม

เลเซอร์รอยสิวที่เห็นผลดีที่สุดคือตัวไหน!?

อ่านเพิ่มเติม

สรุป

    รอยสิวที่หน้าผากก็เหมือนสิวทั่วไปที่เกิดขึ้นบนใบหน้าของเรา ดังนั้น เราจึงต้องหมั่นดูแลผิวหน้าของเราให้ดี เพื่อไม่ให้เกิดสิวได้ง่ายและซ้ำซาก ซึ่งก็สามารถทำได้โดยการบำรุงและดูแลผิวอย่างสม่ำเสมอ หรือหากไม่มีเวลาหรือวินัยขนาดนั้น ก็สามารถเลือกทำหัตถการได้เช่นกันค่ะ หากใครเป็นสิวที่หน้าผาก ไม่หายสักที หรือมีความรุนแรงมาก ต้องการรักษาอย่างถูกวิธีแต่ไม่รู้จะทำยังไง สามารถเข้ามาปรึกษาพูดคุยกับหมอก่อนได้ที่ Amara Clinic นะคะ


แพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนัง

พญ.ภคกมล ตุ้มสุทธิ (หมอตวง)

ลงทะเบียนปรึกษาฟรี!


    ใส่ความเห็น