เช็คเลย! ฝ้าเลือดเป็นแบบไหน? เป็นแล้วรักษาหายมั้ย?

ฝ้าเลือด

ปัญหาผิวพรรณที่เกิดจากแสงแดด ทั้งฝ้า กระ จุดด่างดำ สีผิวหมองคล้ำ ทำให้ผิวหน้าไม่กระจ่างใส ไม่เกลี้ยงเกลา หลายคนต้องคอยแต่งหน้าเพื่อกลบปัญหาสีผิวเหล่านี้ ซึ่งปัญหาผิวที่หมอมักจะเจอเป็นอันดับต้น ๆ นั่นก็คือ ฝ้าเลือด ซึ่งเป็นหนึ่งในชนิดของฝ้าที่หลายคนกลุ้มอกกลุ้มใจ เพราะรักษาด้วยครีมบำรุงทั่วไปไม่หาย เนื่องจากฝ้าเลือดชนิดนี้มีสาเหตุจากเส้นเลือดบนใบหน้าค่ะ วันนี้หมอตวง (แพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนัง Amara Clinic) จะพาทุกคนไปเจาะลึกข้อมูลกันว่า ฝ้าเลือด คืออะไร, ฝ้าเลือด เกิดจากอะไร, ฝ้าเลือดรักษาหายหรือไม่ และฝ้าเลือดรักษายังไงให้ผิวกลับมาเกลี้ยงสวยได้อีกครั้งค่ะ

ฝ้าเลือด คือ ลักษณะรอยแดงของเส้นเลือด และมีลักษณะเป็นปื้นแดง ๆ ถ้ามองเข้าไปใกล้ ๆ จะเห็นเป็นรอยเส้นเลือดฝอยที่หน้า บางรายอาจมีฝ้าเลือดเป็นรอยแดงปนน้ำตาล หรือสีชมพู หรืออาจมีสีที่เข้มขึ้นจนคล้ำ ซึ่งเกิดจากความผิดปกติของเส้นเลือดฝอย โดยเฉพาะเวลาที่ผิวหน้าโดนรังสียูวีจากแสงแดดจัด ๆ เป็นเวลานาน จะส่งผลให้เซลล์ผิวหนังเสื่อมสภาพและบางลง ทำให้เส้นเลือดฝอยแตกแขนง และไปกระจุกตัวรวมกัน ส่งผลให้ผิวหน้าแดงขึ้น จนทำให้เห็นฝ้าเลือดเข้มและชัดขึ้น เนื่องจากเส้นเลือดฝอยที่หน้าเหล่านี้จะไปหลั่งสาร VEGF (Vascular Endothelial Growth Factor) ในเส้นเลือด ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นการสร้างเม็ดสีเมลานินในผิว ทำให้ฝ้าเลือดเข้มขึ้นเรื่อย ๆ นั่นเองค่ะ

ลักษณะฝ้าเลือด

ฝ้าเลือด

ฝ้าเลือด หรือที่ทางการแพทย์เรียกว่า Telangiectetic melasma หรือ Vascular melasma เป็นชนิดของฝ้าที่มีความผิดปกติของเส้นเลือดฝอยร่วมด้วย และมักจะพบได้ในคนไทย เนื่องจากบ้านเรามีแสงแดดที่ค่อนข้างร้อนจัด ลองสังเกตง่าย ๆ ดูค่ะว่า คนที่มีฝ้าเลือด เมื่ออยู่กลางแดดจัดเป็นเวลานาน ผิวหน้ามักจะแดงก่ำ แต่เมื่อเข้ามาอยู่ในที่ร่ม ผิวหน้าก็ยังแดงอยู่นานกว่าปกติ โดยทั่วไปแล้ว บริเวณที่มักจะพบฝ้าเลือด คือ บริเวณแก้มและสันจมูกค่ะ ซึ่งนอกจากแสงแดดที่เป็นสาเหตุของการเกิดฝ้าเลือดแล้ว ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ทำให้เกิดฝ้าเลือดได้อีกเช่นกันค่ะ เดี๋ยวเราไปดูกันค่ะว่าฝ้าเลือก เกิดจากอะไรได้บ้าง

ลงทะเบียนปรึกษาฟรี

Check ปัญหาฝ้าที่เป็น! ฝ้ามีกี่ประเภท? ลักษณะเป็นยังไง?

  • ฝ้าตื้น (Epidermal Melasma) อยู่ระดับชั้นผิวหนังกำพร้า มีลักษณะสีน้ำตาลและมีขอบชัด สามารถรักษาให้หายได้เร็ว ด้วยการใช้ยารักษาฝ้า
  • ฝ้าลึก (Dermal Melasma) เป็นชนิดฝ้าที่เกิดในชั้นผิวหนังแท้ (ลึกกว่าฝ้าตื้น) มีลักษณะฝ้าเป็นสีม่วงอมน้ำเงิน มีขอบไม่ชัด มักจะรักษาเองไม่หายขาด ควรเข้ารักษากับแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนัง
  • ฝ้าเลือด (Telangiectetic melasma / Vascular melasma) เป็นชนิดฝ้าที่เกิดร่วมกับความผิดปกติของเส้นเลือดฝอยบนใบหน้า มีลักษณะเป็นปื้นสีแดง เห็นเป็นรอยเส้นเลือด ซึ่งฝ้าเลือดเป็นชนิดที่แนะนำให้รักษากับแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนัง
  • ฝ้าผสม (Mixed Melasma) เป็นชนิดฝ้าที่เกิดในชั้นผิวหนังกำพร้าและชั้นผิวหนังแท้ มีลักษณะตรงกลางเป็นสีเข้ม และขอบเป็นสีจาง สามารถใช้ยารักษาฝ้าร่วมกับการทำเลเซอร์ได้

ฝ้าเลือด เกิดจากอะไร

  • ฝ้าเลือด คือ ฝ้าที่เกิดขึ้นจากการโดนแสงแดดจัดสะสมเป็นเวลานาน จนทำให้เซลล์ผิวเสื่อมสภาพและผิวบางลง รวมถึงแสงแดดยังเป็นตัวกระตุ้นเส้นเลือดฝอยที่หน้าให้เพิ่มจำนวนมากขึ้น และมีสีที่เข้มขึ้นได้
  • ความเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย โดยเฉพาะในคนที่มีฮอร์โมนเพศหญิงสูง ทำให้ผู้หญิงมักมีปัญหาฝ้าเลือดมากกว่าผู้ชาย หรือจากการใช้ยาคุมกำเนิด หรือแม้กระทั่งในคุณแม่ตั้งครรภ์ ซึ่งมักพบว่าเมื่อคลอดบุตรแล้ว ปัญหาฝ้าเลือดจะจางลงได้เอง
  • การใช้ครีมทาฝ้าหรือครีมทาหน้าเร่งขาว ที่มีสารไฮโดรควิโนนและสเตียรอยด์ ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ซึ่งจะทำให้ผิวบางลง และสารสเตียรอยด์ยังทำให้เส้นเลือดฝอยที่หน้าขยายตัว รวมถึงชั้นหนังแท้และเนื้อเยื่อเกี่ยวพันบางลง จนเกิดเป็นฝ้าเลือดได้
  • การใช้ครีมที่ไม่ได้มาตรฐาน มีสารอันตราย เช่น สารปรอท ที่มีอยู่ในครีมหน้าขาว ซึ่งหากใช้ครีมที่มีสารอันตรายเป็นเวลานาน จะทำให้ผิวบางลง เส้นเลือดฝอยขยายตัวเพิ่มขึ้น จนเกิดเป็นฝ้าเลือด

  โดนแสงแดดจัด

ฝ้าเลือด

ขอบคุณภาพจาก : eminenceorganics.com

ใช้ครีมที่มีสารอันตราย

ฝ้าเลือด

ขอบคุณภาพจาก : verywellhealth.com

บทความที่เกี่ยวข้อง

  • ฝ้า VS กระ เหมือนหรือต่างกันยังไง? หาคำตอบได้ที่ ฝ้ากระ
  • ผิวหน้าไหม้ที่เกิดจากแสงแดด เป็นแบบไหน ต้องรักษายังไงให้หาย! อ่านเพิ่มเติมได้ที่ หน้าไหม้แดด

ฝ้าเลือดรักษาหายไหม ฝ้าเลือดรักษายังไง

หลายคนมักจะเข้าใจว่า ปัญหาฝ้าชนิดต่าง ๆ รวมถึงฝ้าเลือด คือ ปัญหาผิวที่รักษายาก รักษาไม่หาย แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นฝ้าชนิดไหน ๆ ก็สามารถกรักษาให้หายได้ โดยเราจะต้องแยกให้ได้ก่อนว่า ตอนนี้เรามีปัญหาฝ้าชนิดใด ซึ่งฝ้าแต่ละชนิดก็ต้องมีวิธีรักษาที่แตกต่าง หากเรารักษาฝ้าได้ตรงตามชนิดที่เกิดขึ้นได้ รวมไปถึงรักษาฝ้าเลือดได้ตรงจุด ก็จะให้ผลลัพธ์ที่ดีแน่นอนค่ะ ส่วนฝ้าเลือดรักษายังไงให้หาย เราก็ต้องเริ่มจากดูแลตัวเอง หลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้เกิดฝ้าเลือด รวมไปถึงเข้ารับการรักษาจากแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังค่ะ

  • หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด ๆ และควรทากันแดด 2 ข้อนิ้ว ซึ่งเป็นปริมาณที่แนะนำให้ใช้สำหรับใบหน้า และเพิ่มปริมาณเป็น 2 นิ้วมือ สำหรับทาใบหน้าและลำคอ โดยทาก่อนออกแดดประมาณ 30 นาที และทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมง
  • สวมหมวกปีกกว้าง หรือกางร่มกันแสงยูวี เพื่อป้องกันแสงแดดที่อาจทำร้ายผิว ทำให้เกิดฝ้า หน้าเป็นกระ และจุดด่างดำ
  • งดการใช้ครีมทาฝ้าแรง ๆ ที่มีส่วนผสมของสารไฮโดรควิโดน และสารสเตียรอยด์ หรือครีมที่มีส่วนผสมอันตราย อย่างสารปรอท 
  • ใช้ครีมรักษาฝ้าที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ อ่อนโยนกับผิวพรรณ เช่น วิตามิน E, วิตามิน C และกลุ่มแคโรทีนอยด์ (Carotenoids)
  • ใช้ครีมหรือโลชั่นบำรุงผิว ที่มีส่วนผสมช่วยลดเม็ดสีเมลานินในผิว ซึ่งไม่ทำให้เส้นเลือดฝอยเกิดการขยายตัว เช่น Arbutin, Kojic acid , Thiamidol, Niacinamide หรือ Tranexamic acid 
  • พักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงความเครียด รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และดื่มน้ำเยอะ ๆ เพื่อปรับสมดุลในร่างกาย 
  • เข้ารับการรักษาฝ้าเลือดกับแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนัง ซึ่งแพทย์อาจพิจารณาการรักษาฝ้าเลือดด้วยเลเซอร์ หรือแสง IPL

บทความที่เกี่ยวข้อง

  • ทำความรู้จักฝ้าแต่ละชนิด และวิธีรักษาอย่างได้ผล อ่านเพิ่มเติมได้ที่ รักษาฝ้า
  • จุดด่างดำ รอยดำ จัดการยังไงให้ผิวกลับมาสวยใส สีผิวเท่ากัน หาคำตอบได้ที่ สีผิวไม่สม่ำเสมอ

รักษาฝ้าเลือด ด้วยเทคโนโลยีที่เข้มข้นกว่า IPL ทั่วไป 3 เท่า!

ถ้าจะถามว่า ฝ้าเลือดรักษายังไงให้ตรงจุด ก็ต้องดูแลรักษาตามวิธีที่หมอได้แนะนำไว้ในข้างต้น ร่วมกับการรักษาทางการแพทย์ค่ะ ซึ่งในปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่ช่วยรักษาฝ้าเลือดได้อย่างตรงจุด นั่นก็คือ เครื่อง Lumecca ซึ่งเป็นนวัตกรรมแสงกึ่งเลเซอร์ หรือ Intense Pulsed Light ซึงหลายคนอาจรู้จักกันดีในชื่อ IPL แต่สิ่งที่ทำให้ Lumecca มีความแตกต่างและเหนือชั้นกว่า IPL ทั่วไป คือ Lumecca ถูกพัฒนาให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นนวัตกรรมแสงกึ่งเลเซอร์ที่มีพลังงานเข้มข้นกว่า IPL ทั่วไปถึง 3 เท่าเลยค่ะ

ฝ้าเลือด
ฝ้าเลือด

เนื่องจากปัญหาฝ้าเลือด คือ ความผิดปกติของเส้นเลือดฝอยที่มีการขยายตัวมากขึ้น ดังนั้น จะต้องใช้เลือกใช้เทคโนโลยี IPL เพื่อรักษาฝ้าเลือด เพราะมีคุณสมบัติดักจับกับเม็ดเลือดแดงได้โดยตรง และในขณะเดียวกันก็ยังช่วยกำจัดเม็ดสีที่ผิดปกติได้อีกด้วยค่ะ

หลักการทำงานของ Lumecca ในการรักษาฝ้าเลือด

  • ฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดงซึ่งอยู่ในเส้นเลือด รวมถึงเม็ดสีเมลานิน จะดูดซับแสงพลังงานจากเครื่อง Lumecca 
  • เลือดจับตัวเป็นก้อน และพลังงานที่เปลี่ยนเป็นความร้อนจะไปที่ทำลายผนังหลอดเลืด (เส้นเลือดฝอย) ทำให้เส้นเลือดเกิดการหดตัวลง
  • จากนั้น พวกก้อนเลือด เศษผนังหลอดเลือด และเม็ดสีที่ถูกทำลาย จะถูกขับออกโดยระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย

ผลลัพธ์หลังรักษาฝ้าเลือดด้วย Lumecca

สำหรับคนไข้ที่รักษารอยโรคของเส้นเลือดต่าง ๆ ฝ้าชนิดต่าง ๆ รวมไปถึงฝ้าเลือด จะสังเกตได้ว่าหลังการรักษาด้วย Lumecca รอยเส้นเลือดฝอยที่หน้าและปื้นแดงจะค่อย ๆ จางลงภายใน 2-3 วันค่ะ ซึ่งจะเห็นผลอย่างชัดเจนหลังจากที่ทำการรักษาประมาณ 2 สัปดาห์ ซึ่งหมอแนะนำให้ทำประมาณ 2-5 ครั้งขึ้นไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับระดับความเข้มและการกระจายตัวของฝ้าที่แตกต่างกันในแต่ละบุคคลค่ะ

ฝ้าเลือด
ฝ้าเลือด

ดูแลตัวเองหลังรักษาฝ้าเลือด

  • หลังการรักษาฝ้าเลือดด้วย Lumecca จะไม่ทำให้เกิดบาดที่ผิว คนไข้จึงสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ ไม่ต้องพักฟื้น และสามารถแต่งหน้าได้
  • หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดจัดโดยตรงประมาณ 1-2 สัปดาห์ โดยแนะนำให้สวมหมวกปีกกว้าง กางร่ม หรือใช้ผ้าปกคลุม หากต้องออกนอกบ้าน
  • ทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง โดยเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50 PA+++ และทาก่อนออกแดดประมาณ 30 นาที
  • งดการสครับผิวหรือการทำทรีทเม้นท์อื่น ๆ เพราะอาจทำให้ผิวบริเวณที่รับการรักษาฝ้าเลือดเกิดอาการระคายเคือง
  • งดการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของกรดวิตามินเอ, วิตามินซี, AHA และ BHA
  • งดการล้างหน้าด้วยน้ำร้อน-น้ำอุ่น งดการทำกิจกรรมหรือเล่นกีฬากลางแจ้ง และงดอยู่ในที่ที่ร้อนจัด เช่น การซาวน่า หรือการแช่ออนเซ็น เป็นต้น
  • บำรุงผิวหน้าด้วยมอยเจอร์ไรเซอร์สูตรอ่อนโยน ทั้งก่อนนอนและหลังตื่นนอน เพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิวหน้าหลังการรักษา
  • หลังรักษาฝ้าเลือด ควรดูแลตัวเองอย่างต่อเนื่อง ด้วยการหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้เกิดฝ้าเลือด เช่น งดการใช้ครีมที่มีส่วนผสมอันตราย หรือหากจำเป็นต้องใช้ครีมสเตียรอยด์เพื่อรักษาอาการต่าง ๆ ควรอยู่ภายใต้การดูแลจากแพทย์ และใช้ยาในระยะเวลาที่แพทย์แนะนำเท่านั้น

บทความที่เกี่ยวข้อง

จบปัญหาฝ้ากระกวนใจ เตรียมเผยหน้าใสกันได้เลย!

อ่านเพิ่มเติม

How to รักษาฝ้า อย่างไร ให้จางเร็วเห็นผลจริงไม่จกตา!!

อ่านเพิ่มเติม

ค่า SPF คืออะไร? ค่ายิ่งสูง ยิ่งกันแดดดี จริงไหม?

อ่านเพิ่มเติม

สรุป

           เอาหละค่ะ หมอหวังว่าหลายคนคงจะพอทราบที่มาที่ไปกันแล้วว่า ฝ้าเลือด คืออะไร ฝ้าเลือด เกิดจากอะไร รวมถึงฝ้าเลือดรักษายังไงให้ได้ผล ซึ่งการรักษาฝ้าเลือดอย่างถูกต้อง และเกิดผลลัพธ์สูงสุด ก็ต่อเมื่อมีการดูแลตัวเอง หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดฝ้าเลือด และการเข้ารับการรักษาฝ้าเลือดกับแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังค่ะ สำหรับใครที่ยังไม่แน่ใจว่า ปัญหาฝ้าที่เป็นอยู่จัดอยู่ในประเภทไหน และควรจะรักษาอย่างไร สามารถเข้ามาปรึกษาพร้อมตรวจวิเคราะห์ปัญหาผิวพรรณได้ที่ Amara Clinic ค่ะ หรือสะดวกเป็นแอดไลน์เข้ามาพูดคุยสอบถามได้เลยค่ะที่ LINE : AmaraSkin ส่วนครั้งหน้า หมอจะมีสาระน่ารู้เกี่ยวกับผิวพรรณเรื่องอะไรมาฝากกันอีก อย่าลืมติดตามกันด้วยนะคะ


แพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนัง

พญ.ภคกมล ตุ้มสุทธิ (หมอตวง)

ลงทะเบียนปรึกษาฟรี!


    ใส่ความเห็น